Dyson เตรียมตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์ เริ่มผลิตจริงปี 2564 | Techsauce

Dyson เตรียมตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์ เริ่มผลิตจริงปี 2564

Dyson บริษัทด้านเทคโนโลยีจากเกาะอังกฤษ จะเป็นบริษัทแรกที่ทำให้สิงคโปร์กลับมามีโรงงานผลิตรถยนต์อีกครั้งหลังทิ้งช่วงไปยุค 1980 โดยเตรียมตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ให้เสร็จในปี 2563 และเริ่มผลิตรถยนต์ในปี 2564 Photo: Autocar.co.uk

หลังจากก่อนหน้านี้ Dyson บริษัทด้านเทคโนโลยีจากเกาะอังกฤษ ก่อตั้งโดย James Dyson เศรษฐีชาวอังกฤษ ผู้คิดค้นเครื่องดูดฝุ่นแบบสุญญากาศไร้ถุงเก็บ ได้ประกาศแผนลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั่วโลกด้วยวงเงินลงทุน 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งต่อมาในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็ได้ประกาศว่าจะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาด้วย

ล่าสุด Dyson ประกาศจะเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศสิงคโปร์ โดยตัวโรงงานจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2563 และเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในปี 2564 ซึ่งถือเป็นการกลับมาโรงงานผลิตยนต์ในสิงคโปร์อีกครั้ง หลังจากที่เคยเลิกผลิตรถยนต์ช่วงยุค ค.ศ. 1980 (ประมาณปี 2523) จากการเปิดเผยของ ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ซึ่งประกาศผ่าน Facebook Page ส่วนตัวเพิ่มว่าวิศวกรในสิงคโปร์จะต้อง "ก้าวสู่ความท้าทาย" และ "พิสูจน์ให้ได้ว่าเก่งเท่าเทียมกับระดับโลก" ให้ได้

"การตัดสินใจเลือกสถานที่สำหรับผลิตรถนั้นมีความซับซ้อน โดยอยู่บนปัจจัยหลายอย่าง ประกอบด้วยห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain), ความสามารถในการเข้าถึงตลาด และการมีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้เราบรรลุถึงเป้าหมายได้" James Dyson CEO ของ Dyson กล่าว "ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าบอร์ดของ Dyson ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้ตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศสิงคโปร์"

ภาพโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จะสร้างเสร็จในปี 2563 | Photo: Dyson

นอกจากนี้ James ยังให้เหตุผลในการตั้งฐานการผลิตที่สิงคโปร์ เพราะ Dyson มีแผนการดำเนินงานในสิงคโปร์อยู่ก่อนแล้ว ประกอบประเทศสิงคโปร์มีผู้ที่ชำนาญและโฟกัสในด้านเทคโนโลยี มีความถนัดในด้านการผลิต และสามารถเชื่อมต่อกับระดับภูมิภาคและระดับโลกได้สะดวก

ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนในการผลิตสูง แต่ Dyson ก็ยังมองว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ดี

ซึ่งการเปิดตัวของ Dyson ครั้งนี้ก็ต้องสู้กับผู้เล่นอีกหลายรายในตลาดนี้ที่มีการแข่งขันสูงอยู่พอสมควร แต่ถึงสะท้อนให้เห็นในทางอ้อมด้วยว่าสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ผู้ได้เปรียบกลับกลายเป็นประเทศที่อยู่ในเอเชียนั่นเอง เพราะบริษัทจากอเมริกาและยุโรปเริ่มลงทุนตั้งลงงานในประเทศในเอเชียที่ไม่ใช่จีนมากขึ้น

อ้างอิงข้อมูลจาก Channel NewsAsia

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

OR ตั้ง OR Health & Wellness พร้อมเปิดสาขาแรกมิถุนายนนี้

OR จัดตั้งบริษัท OR Health & Wellness เดินหน้ารุกตลาดสุขภาพและความงาม พร้อมลุยเปิดสาขาแรกเดือน มิ.ย. นี้...

Responsive image

ขันเงินรุกธุรกิจ Ticketing Platform ทุ่ม 52 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้น EVP ภายใต้ Eventpop ที่ 51% ดันธุรกิจบันเทิงโฉมใหม่

ขันเงิน เนื้อนวล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด Zalekta ทุ่ม 52 ล้านบาท ส่งบริษัทลูก MVD เข้าถือหุ้น บริษัท อีวีพี คอร์ปอเรชั่น ภายใต้แบรนด์ Eventpop รุกธุรกิจ Ticketing Platform ปู...

Responsive image

Bitcoin Halving จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดย Binance TH by Gulf Binance

Bitcoin Halving คืออะไร ทำไมชุมชนหรือคอมมูนิตีสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งตารอปรากฏการณ์นี้? มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันจากการให้ข้อมูลของ คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร G...