LinkedIn เผยรายชื่อ Startup 50 อันดับแรกในสหรัฐฯ ที่คนอยากทำงานด้วย | Techsauce

LinkedIn เผยรายชื่อ Startup 50 อันดับแรกในสหรัฐฯ ที่คนอยากทำงานด้วย

Linkedin Top Startups 2018: 50 most sought-after startup in the US

LinkedIn เผยข้อมูลการจัดอันดับ 50 Startup สุดฮอตในสหรัฐอเมริกา ที่คนอยากร่วมทำงานด้วย โดยข้อมูลดังกล่าวประมวลผลมาจากผู้ใช้ LinkedIn ราว 575 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ให้ Lyft (คู่แข่ง Uber) เป็นอันดับ 1 เพราะส่วนแบ่งทางการตลาด Ride-Hailing ในสหรัฐที่เพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์แล้วในสหรัฐฯ รวมถึงมีสวัสดิการด้านการรักษาสุขภาพจิต (Mental Health) แก่พนักงานในบริษัท

Daniel Roth บรรณาธิการบริหารของ LinkedIn เว็บไซต์ Social Network สำหรับคนทำงาน เปิดเผยข้อมูลที่ชื่อว่า "LinkedIn Top Startups 2018: The 50 most sought-after startups in the U.S." ข้อมูลการจัดอันดับ 50 Startup สุดฮอตในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คนอยากร่วมทำงานด้วย โดยข้อมูลดังกล่าวประมวลผลมาจากผู้ใช้ LinkedIn ราว 575 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ประกอบกับการพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบหลักใน Startup คือ

  • Employment growth (การเติบโตของการจ้างงาน) - วัดจากเปอร์เซ็นต์การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งอย่างน้อยต้องเพิ่มไม่ต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์
  • Engagement - ดูจากยอดชม (Views) และยอดติดตาม (Follow) ของผู้ใช้ LinkedIn ที่จะระบุยังไม่ได้สังกัดบริษัทใด ที่เข้ามาติดตามหน้าบริษัท Startup รวมถึงดูว่าโปรไฟล์ LinkedIn ของพนักงานในบริษัท Startup นั้นๆ มียอดชมผู้ใช้ LinkedIn ที่จะระบุยังไม่ได้สังกัดบริษัทใดมากน้อยแค่ไหน
  • Job Interest (ความสนใจเมื่อประกาศหางาน) - นับจากยอดคนที่เข้ามาดูงานและสมัครงานกับบริษัทนั้นๆ ซึ่งนับทั้งการโพสประกาศทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
  • Attraction of Top Talent (ความดึงดูดคนที่ความสามารถ) - วัดจากบริษัท Startup แต่ละแห่งรับคนจากบริษัทที่ติดอันดับใน LinkedIn Top Companies มากน้อยแค่ไหน, โดยวัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในบริษัท Startup นั้นๆ  โดยข้อมูลจะได้รับการยืนยันจาก Startup จากทุกแห่ง

ซึ่งบริษัท Startup ที่จะติดอยู่ในการจัดอันดับ Top 50 ของ LinkedIn ในครั้งนี้จะต้องก่อตั้งมาไม่เกิน 7 ปี มีพนักงานอย่างน้อย 50 คน รวมถึงมีการตั้งบริษัทหรือสำนักงานอยู่ทในประเทศสหรัฐอเมริกา

โดย 10 อันดับแรก มีดังนี้

  1. Lyft
  2. Halo Top Creamery
  3. Coinbase,
  4. Noodle.ai
  5. Bird
  6. Robinhood
  7. Ripple
  8. Glossier
  9. Aurora Innovation
  10. Rubrik
Photo: Lyft

โดยเหตุผลที่ LinkedIn ยกให้ Lyft เป็น Startup ในอันดับที่ 1 ของการจัดอันดับครั้งนี้ LinkedIn ระบุว่า “Lyft ไม่โกหกว่าตัวเองสะดุดกับคู่แข่งที่มีเรื่องอื้อฉาวบ่อยๆ อย่าง Uber ในขณะเดียวกัน Lyft ก็มีโอกาสจะเติบโตมากขึ้นเพราะตอนนี้ Lyft มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35% ในตลาด Ride-sharing ของสหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้ในปี 2559 มีส่วนแบ่งอยู่แค่ 20% โดยบริษัทนี้ระดมทุนไปได้ 4,300 ล้านดอลลารสหรัฐฯ แล้ว โดยเตรียมนำไปใช้งานการขยายธุรกิจต่อไป (มูลค่าบริษัทตอนนี้อยู่ที่ 15,100 ล้านดอลลารสหรัฐฯ) ซึ่งในหลายๆ เมืองอย่าง New York City ก็เริ่มจำกัดการใช้บริการ Ride-hailing แล้ว แต่ Lyft ก็คิดไปไกลกว่าเรื่องรถ โดยเตรียมให้บริการรถจักรยานและสกูตเตอร์แล้ว”

โดย Lyft ยังมีสวัสดิการที่น่าสนใจ คือ การให้สวัสดิการด้านการรักษาสุขภาพจิต (Mental Health) แก่พนักงานในบริษัท รวมถึงมีการจัดอบรมให้ผู้จัดการแผนกต่างๆ รู้ถึงสัญญาณที่บ่งบอกถึงสภาพจิตที่กำลังย่ำแย่อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี Startup อย่าง InVision ติดอันดับที่ 19, ConsenSys ติดอันดับที่ 26, Allbirds ติดอันดับที่ 29, Convoy ติดอันดับที่ 32, Drive.ai ติดอันดับที่ 35 และ Bumble ติดอันดับที่ 39 ด้วย

สามารถดูการจัดอันดับ 50 Startups ในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดได้ที่ LinkedIn (1) (2)

ก่อนหน้านี้ช่วงปลายปีที่ผ่านมา LinkedIn ก็มีการจัดอันดับ "LinkedIn Top Companies | Startups: The 50 industry disruptors you need to know now" โดย 10 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 Uber, อันดับที่ 2 Airbnb, อันดับที่ 3 WeWork, อันดับที่ 4 Lyft, อันดับที่ 5 Slack, อันดับที่ 6 NIO, อันดับที่ 7 Rubrik, อันดับที่ 8 Dropbox, อันดับที่ 9 Houzz และอันดับที่ 10 Convoy

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...