ประกันภัยไทยวิวัฒน์จับมือ AIS เปิดตัวนวัตกรรม InsurTech นำ IoT ผสานประกันภัยรถยนต์แบบเปิด-ปิด | Techsauce

ประกันภัยไทยวิวัฒน์จับมือ AIS เปิดตัวนวัตกรรม InsurTech นำ IoT ผสานประกันภัยรถยนต์แบบเปิด-ปิด

ครั้งแรกในโลก! ประกันภัยไทยวิวัฒน์ นำ IoT ปฏิวัติการประกันภัยรถยนต์ เปิดตัว นวัตกรรม InsurTech ของจริงกับ ประกันรถเปิดปิด TVI Connect ร่วมมือกับเครือข่ายอันดับ 1 ของไทย AIS และ ระบบคราวด์อันดับ 1 ของโลก AWS สร้างประสบการณ์ เปิด-ปิดประกันอัจฉริยะ “ALL NEW ON-OFF INSURANCE 2019”
  • ครั้งแรกของโลก ที่ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ผู้นำนวัตกรรมประกันภัยหนึ่งเดียวในไทย เปิดตัวอุปกรณ์ TVI Connect ใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้ประกันภัยรถยนต์เปิดปิด อย่างอัจฉริยะ ลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์สูงสุดได้ถึง 40%
  • จับมือกับ Partners ชั้นนำด้านเทคโนโลยี ผนึกกำลังสร้าง Digital Disruption อย่างแท้จริง กับ  AIS เครือข่ายอันดับ 1 เพื่อใช้ โครงข่าย NB-IoT ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และ AWS (Amazon Web Service) ระบบคราวด์ อันดับ 1 ของโลกที่ให้ความเสถียรกว่า 99.99% สร้างความมั่นใจในการบริการให้แก่ผู้ใช้รถ
  • ยืนยันความสำเร็จประกันรถเปิดปิด จากลูกค้าผู้ใช้งานจริง และ จากมุมมองของ กูรูวงการเทคโนโลยี - IT ไทย คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประกาศความล้ำของ ประกันรถเปิดปิด ในรูปแบบใหม่ของไทยวิวัฒน์ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ครบทุกความต้องการของผู้ใช้รถ

คุณเทพพันธ์ อัศวะธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ปณิธานของชาวไทยวิวัฒน์ ที่อยากให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้อย่างง่ายขึ้นและทั่วถึง เพื่อเป็นตัวช่วยสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางด้านทรัพย์สิน ชีวิต และการเงิน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ตามสโลแกนของแคมเปญ Control Your Life: อิสระการใช้ชีวิตที่เลือกได้ ณ วันนี้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้ก้าวข้ามความสำเร็จไปอีกขั้น ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้นี้ ด้วย InsurTech หรือ การประยุกต์เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้กับการประกันภัย ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และมีประสบการณ์ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ คุณเทพพันธ์ยังได้เผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจอีกคือ ค่าเฉลี่ยของประชากรโลกต่อการเข้าถึงประกันภัยอยู่ที่ 6.09 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนไทยนั้นอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ซึ่งจัดว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และที่สำคัญประกันประเภทวินาศภัยกับมีเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แสดงว่ามีการเข้าถึงน้อยมาก ในส่วนของรถยนต์ส่วนบุคคลในประเทศไทยมีสูงถึง 15 ล้านคัน ในขณะที่มีผู้ถือกรมธรรม์รถยนต์เพียง 7.5 ล้านกรมธรรม์ ดังนั้นประกันภัยไทยวิวัฒนจึงอยากผลักดันให้คนไทยมีการป้องกันความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น

เผยครั้งแรก กับ Thaivivat Innovation Model สร้าง InsurTech ให้เกิดขึ้นจริง

นวัตกรรมของประกันภัยไทยวิวัฒน์ มีความโดดเด่นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับประกันภัยอื่นในตลาดประกันภัยไทย เนื่องจากไทยวิวัฒน์ได้ริเริ่มกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ จากความเข้าใจผู้ใช้งานจริงอย่างถ่องแท้ ซึ่งแนวทางด้านนวัตกรรมของไทยวิวัฒน์ นั้นมุ่งสร้าง InsurTech ให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งต้องยึดลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางในการพัฒนา โดยไทยวิวัฒน์เห็นว่าสิ่งที่ลูกค้าปัจจุบันกำลังมองหาอยู่นั้น มีลักษณะพฤติกรรมที่สำคัญ 3 ประการคือ

  •  Fit My Lifestyle : ต้องการสิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง และสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของตนเองได้อย่างลงตัว
  • I Can Trust : สิ่งที่ลูกค้าเลือกใช้ต้องได้รับการพิสูจน์ ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ไว้ใจได้และใช้งานได้จริง
  • Complete in One : ลูกค้าต้องการความสะดวก สินค้านั้นต้องตอบโจทย์ในหลายมิติ ครบวงจรในหนึ่งเดียว

จึงทำให้เกิด Thaivivat Innovation Model หรือ แนวทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค กล่าวคือ สิ่งที่ไทยวิวัฒน์คิดค้นขึ้นมานั้น จะต้องมี 3 สิ่งนี้ ก่อนออกสู่ผู้บริโภค อันได้แก่

  • Personalized : ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ทำขึ้นมาเพื่อลูกค้ารายบุคคล ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ต่างกัน
  • Reliable : มีการทดลองและทดสอบว่ารองรับทุกสถานการณ์ที่ลูกค้าอาจประสบได้
  • End-to-End : ต้องตอบโจทย์ทุกกระบวนการใช้งานของผู้บริโภคเพื่อทำให้ชิวิตง่ายขึ้น

ณ งานเปิดตัว Feature ใหม่ ของประกันรถเปิดปิดในครั้งนี้ ไทยวิวัฒน์ได้นำแนวทางนวัตกรรมนี้มาแสดงให้ดูว่าสามารถนำมาใช้งานเพื่อให้เกิด สิ่งใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลก ซึ่งทางบริษัทได้พิสูจน์ความสำเร็จในแนวทางนวัตกรรมนี้ด้วยรางวัลทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถาบันเอกชน รวมถึงสำนักงาน คปภ. ซึ่งต่างรับรู้ทิศทางที่ดีและเล็งเห็นถึงความพยายามเพื่อสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย

ALL NEW ON-OFF INSURANCE 2019

โดยไฮไลท์สำคัญในงาน “ALL NEW ON-OFF INSURANCE 2019” คือการเปิดตัว Feature นวัตกรรมใหม่ ของประกันรถเปิดปิด ออกสู่ตลาด ได้แก่

1. แพ็กเกจประกันรถเปิดปิด ที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่ามากขึ้น (Personalized Product) ประกันรถเปิดปิด ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค โดยยังยึดความยุติธรรมเป็นหลัก ให้ผู้เอาประกันจ่ายค่าเบี้ยประกันตามเวลาการใช้งานจริงคิดเป็นนาที ทำให้ผู้เอาประกัน สามารถลดภาระค่าเบี้ยประกันไปได้ถึง 40% หากมีการใช้รถที่ทำประกันเฉลี่ยไม่เกินวันละ 4 ชม. นอกจากค่าเบี้ยประกันที่คุ้มค่าแล้ว ผู้เอาประกันยังสามารถเลือกความคุ้มครองและทุนประกันที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง มีให้เลือกทั้งประกันชั้น 3+ ชั้น 2+ และชั้น 1 พร้อมทั้งสามารถเลือก ระยะเวลาการประกันภัยได้ ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ได้ตามต้องการ ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมและทำมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เอาประกันแต่ละคนมากที่สุด

2. ระบบเปิด-ปิด ประกันอัจฉริยะ “TVI Connect” เปลี่ยนประสบการณ์เปิดปิดใหม่ ง่ายยิ่งขึ้น (Reliable Service) ครั้งแรกของโลก กับการนำเทคโนโลยี NB-IoT มาใช้จริงในวงการประกันภัย นั่นคือ ระบบเปิด-ปิด ประกันอัจฉริยะ TVI Connect ที่นำข้อเสนอแนะของผู้บริโภคมาเป็นโจทย์ โดยความร่วมมือของผู้นำนวัตกรรมระดับโลก ทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมอันดับ 1 ของไทยอย่าง AIS และผู้ให้บริการระบบคราวด์อันดับ 1 ของโลกอย่าง AWS มาผนึกกำลังกันพัฒนา ทั้ง Hardware และ การเชื่อมต่อของข้อมูลแบบ Real-Time เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค

โดยจุดเด่นสุดของ TVI Connect คือสามารถทำงานเปิดปิดประกันได้โดยทันทีเมื่อมีการ สตาร์ทและดับเครื่องยนต์ ของรถที่ทำประกันไว้ โดยการทำงานทั้งหมดเกิดจากตัวอุปกรณ์เอง ไม่ต้องพึ่ง Bluetooth หรือแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากมือถืออีกต่อไป โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการใช้งานจาก แอปพลิเคชัน Thaivivat Motor โดยจะมีการส่ง Notification แจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการเปิดและปิดประกัน ถือได้ว่าสามารถแก้ไข pain point ของผู้บริโภคที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวลืมเปิดปิดประกัน ไม่ต้องกลัวเปลืองอินเตอร์เน็ต หรือกังวลเรื่องแบตมือถือหมดอีกต่อไป พร้อมทั้งยังสามารถใช้รถร่วมกันได้หลายคน โดยไม่จำเป็นต้องมีแอพพลิเคชันอยู่ในมือถือของผู้ขับขี่ และยังติดตั้ง TVI Connect ได้ง่าย เพียงต่อเข้ากับช่องเสียบ USB ในรถ ซึ่งระบบ TVI Connect ได้ผ่านการทดสอบรับรองความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยเครือข่าย NB-IoT ของ AIS ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และ ระบบคลาวด์ของ AWS ที่รองรับการทำงานได้ 99.99% และรองรับการใช้งานการส่งสถานะการเปิด/ปิด ประกันได้กว่า 10,000 ครั้งพร้อมกันต่อ 1 วินาที เป็นการนำ IoT (Internet of Things) มาใช้งานได้จริง และสมบูรณ์แบบที่สุดในอุตสาหรรมประกันภัยไทย ณ ขณะนี้

3. แอปพลิเคชันใหม่ จัดการเรื่องประกันรถ ง่ายในแอปเดียว (End-to-End Solution) ไทยวิวัฒน์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์มาเพื่อให้การดูแลผู้เอาประกันอย่างครอบคลุม คือ ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองทุกประการเหมือนประกันรถรายปีทั่วไป แต่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันตามนาทีที่ขับรถจริงทำให้ประหยัดได้มากกว่า ซึ่งหมายความว่าผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองแม้ปิดประกันขณะจอดรถอยู่อย่างครบถ้วนตามประเภทประกันที่เลือก คือ ประกันชั้น 2+ และชั้น 1 จะคุ้มครองรถหายไฟไหม้ 24 ชม. ตลอดอายุกรมธรรม์แม้ประกันจะปิดอยู่ และประกันชั้น 1 ก็จะให้ความคุ้มครองกรณีที่คู่กรณีไม่ใช่ยานพาหนะทางบกด้วยเช่นกันแม้ประกันจะปิดอยู่ ทำให้ผู้ใช้งานสบายใจว่าความคุ้มครองของประกันรถเปิดปิดไม่ได้ลดลงไปเลย เพียงแต่ค่าเบี้ยประกันนั้นถูกกว่ามาก จากแนวคิด เมื่อเราไม่ได้ขับรถตลอดเวลาก็ไม่ควรต้องเสียค่าประกันตลอดเวลาเนื่องจากความเสี่ยงโดยส่วนใหญ่นั้นมักเกิดขึ้นเวลาขับขี่เมื่อไม่ใช้รถเราก็ไม่ควรต้องจ่ายค่าประกันจนเกินความจำเป็น

นอกจากความคุ้มครองที่ครบถ้วนครอบคลุมแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถจัดการเรื่องประกันรถเปิดปิด ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor ได้แบบครบวงจร ทั้งนี้ทีมนักออกแบบ ได้ดีไซน์ทั้ง UX (User Experience) และ UI (User- Interface) ที่ง่าย และสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม โดยผู้ใช้งานสามารถ ตรวจสอบสถานะประกันรถเปิดปิด ได้ตลอดเวลารวมถึงการแจ้งอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยไม่ต้องบอกเส้นทางให้ยุ่งยาก แอปพลิเคชันจะส่งพิกัด Latitude & Longitude ไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุของไทยวิวัฒน์ในทันที เพื่อส่งทีมปฏิบัติการให้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุได้ในเวลาที่สั้นที่สุด พร้อมทั้งตรวจสอบพิกัดของทีมปฏิบัติการไทยวิวัฒน์ได้ด้วยว่าเดินทางถึงจุดไหนแล้ว เพิ่มความมั่นใจและอุ่นใจให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

พร้อมทั้งมีฟังก์ชันค้นหาอู่ศูนย์ซ่อม สถานพยาบาล และสถานีตำรวจ ที่ใกล้กับลูกค้าพร้อมแสดงข้อมูลติดต่อ สามารถนำทางผู้ใช้ไปยังสถานที่เหล่านี้ได้โดยทันที เมื่อครบกำหนดการต่ออายุกรมธรรม์ เอาประกันก็สามารถเลือกต่ออายุ แผนประกันที่เราต้องการ และชำระค่าเบี้ยผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที ซึ่งได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ ที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงอย่าง Omise ถือได้ว่า ประกันรถเปิดปิดรูปแบบใหม่นี้ ตอบโจทย์ผู้เอาประกันได้เต็มรูปแบบ

คุณเทพพันธ์ กล่าวว่า “ประกันรถเปิดปิด TVI Connect รูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้คนไทยเปิดรับ และเข้าถึงประกันภัยรถยนต์ได้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 50% หรือกว่า 7 ล้านคันทั่วประเทศที่ยังไม่มีการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่มีความคุ้มครองทางทรัพย์สินบุคคลภายนอก มีแค่เพียงความคุ้มครองค่าเสียหายทางชีวิตและร่างกายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเท่านั้น ประกันรถเปิดปิด จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ เนื่องจากทำให้ผู้ใช้รถมีทางเลือกมากขึ้น ในการซื้อแผนประกันที่เหมาะสมกับตนเอง เลือกจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงจากการใช้รถจริง ทำให้คุ้มค่ากับการได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับการใช้งาน เมื่อมีการป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เพียงพอ คนไทยก็จะมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายของแต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น”

ดร. เฉลิมพล สายประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ได้มีการสาธิตการใช้งาน แอปพลิเคชัน Thaivivat Motor แต่ละฟังก์ชันให้ได้เห็นไปพร้อมๆกันในงานและได้ทิ้งท้ายให้ทุกคนสามารถตรวจสอบค่าเบี้ยและซื้อประกันรถเปิดปิดได้เลยผ่านทาง LINE Chatbot ที่ LINE Official @Thaivivat ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ซื้อประกันรถยนต์ได้ทันทีในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการประกันภัยอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ต่อยอดจากความสำเร็จกับประกันรถเปิดปิด ในปัจจุบันที่มียอดขายกว่า 100,000 กรมธรรม์จากที่ตั้งเป้าไว้เพียง 10,000 กรมธรรม์ และมีอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่สูงเป็นประวัติการของประกันภัยรถยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของผู้ใช้งานประกันรถเปิดปิด และได้ประเมินไว้ว่าจากการเปิดตัว Feature ใหม่ของประกันรถเปิดปิด TVI Connect ในครั้งนี้ จะทำให้อัตราการเติบโตของประกันรถเปิดปิดก้าวกระโดด โตขึ้นจากเดิมกว่า 200% อีกด้วย

ไทยวิวัฒน์ ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech หรือ นวัตกรรมประกันภัยกับทุกความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพที่มีการใช้งานร่วมกับ Wearable Technology ชั้นนำอย่าง Garmin และ Fitbit อย่าง ประกันสุขภาพ Active Health ที่ส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกาย “ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยยิ่งลดทันทีทุกเดือน” และ ประกันเดินทางเปิดปิด ที่ให้อิสระในการเดินทาง ไม่จำกัดประเทศ อายุผู้เดินทาง หรือแม้แต่กีฬาเสี่ยงภัยอย่างสกี ดำน้ำ หรือ บันจี้จัมพ์ พร้อมทั้งให้ผู้เดินทางสามารถเพิ่มลดวันเดินทางได้แม้อยู่ต่างประเทศ และมี Features พิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยฉุกเฉินทางการเดินทางและการแพทย์ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง และแม้แต่การแปลภาษาหรือแปลงสกุลเงินอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ คุณเทพพันธ์ กล่าวว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัยการได้รับ Feedback จากผู้บริโภคเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง และเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ มี Idea ใหม่ รับรองได้ว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นได้อย่างแน่น่อน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต”

นอกจากนี้ยังเผยถึงความสำเร็จถึงยอดขายที่ขายได้สูงถึง 100,000 กรมธรรม์ และยังมีผู้ใข้งานที่ต่ออายุสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจัดว่าขายได้มากกว่า 10 เท่าจากเป้าที่ตั้งไว้ คาดว่าในอนาคตจะเติบโตถึง 100 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

มองศึก Virtual Bank ไทย เทียบชั้นผู้เล่นบนเวทีโลกได้หรือไม่

หลังจาก ธปท. เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจจัดตั้ง Virtual Bank ยื่นขอเข้ามา ส่งผลให้ธุรกิจการเงินในไทยกลับมาคึกคักมากขึ้น...

Responsive image

Google Workspace อัปเกรดครั้งใหญ่ ! ดึงพลัง AI พลิกโฉมการทำงาน

Google Workspace บริการชุดแอปพลิเคชันผ่านระบบคลาวด์ ได้รับการยกเครื่องครั้งใหญ่ด้วยการผสานความสามารถของ Generative AI ในหลากหลายแอปพลิเคชันยอดนิยม เพื่อช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องที่...

Responsive image

จาก ลี เซียงลุง สู่ ลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4

ลี เซียนลุง ได้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในวันที่ 16 เมษายน 2024 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ ลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก้าวขึ้นสู่การเป็นนายกรั...