Connected Car: เทคโนโลยีดิจิทัลกับยานยนต์ | Techsauce

Connected Car: เทคโนโลยีดิจิทัลกับยานยนต์

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวด Tech Saucier of The Year 2018 โดย คุณ สุภพล จรูญวณิชกุล ภาพจาก Verdict

Connected Car เป็นการประยุกต์ใช้งานอย่างหนึ่งของ Internet of Things (IoT) โดยเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับยานยนต์และการคมนาคมขนส่ง ทำให้รถยนต์สามารถสื่อสารกับสิ่งต่างๆ หรือเป็นเหมือน “สมาร์ทโฟนติดล้อ (Smartphone on wheels)” ตามคำกล่าวของ Akio Toyoda ประธานบริษัท Toyota Motor Corporation

Connected Car จะทำให้เกิดบริการแอพพลิเคชันและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยให้การคมนาคมขนส่งมีความปลอดภัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพคล่องตัวมากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้เดินทาง ดังนี้

1) บริการด้านข่าวสารและความบันเทิง (Infotainment) โดยผู้โดยสารรถยนต์สามารถดูหนังฟังเพลงจากในรถที่ sync ข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือ ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานระหว่างอุปกรณ์เป็นไปอย่างลื่นไหล ตัวอย่างเช่น Apple Carplay

2) บริการประกันภัยที่คิดเงินตามการขับจริง (Usage-based Insurance) โดยจากข้อมูลลักษณะการขับขี่จะทำให้บริษัทประกันภัยสามารถประเมินความเสี่ยงของผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น และนำมาคิดค่าเบี้ยประกันตามพฤติกรรมในการขับรถได้ เช่น ผู้ขับขี่เป็นระยะทางสั้นๆ และใช้ความเร็วต่ำ ก็จะจ่ายค่าเบี้ยประกันต่ำกว่าผู้ขับขี่ระยะทางไกลๆ และใช้ความเร็วสูง

3) บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ในกรณีที่ผู้ขับขี่ประสบอุบัติเหตุ หน่วยงานให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ตัวอย่างเช่น ในยุโรปได้มีบริการที่เรียกว่า eCall กำหนดให้รถยนต์ใหม่ทุกคันต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่จะโทรเรียกหมายเลขฉุกเฉิน 112 โดยอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุการชนรุนแรง และส่งข้อมูลการทำงานของถุงลมนิรภัย และพิกัดของรถยนต์ให้หน่วยงานให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินทราบ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ถึง 40-50%

4) บริการตรวจเช็ครถยนต์จากระยะไกล (Remote Diagnostic and Maintenance) โดยเซนเซอร์ที่อยู่บนรถยนต์จะตรวจวัดสภาพรถและส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติ ทำให้ศูนย์บริการสามารถวิเคราะห์สภาพรถและพยากรณ์การเสียของรถได้ล่วงหน้าแล้วแจ้งให้ผู้ขับขี่นำรถมาซ่อมได้ก่อนที่จะเกิดการเสียจริง

5) การสื่อสารของรถยนต์กับสิ่งรอบตัว (Vehicle-to-Everything Communications: V2X) โดยมีทั้งการสื่อสารระหว่างรถยนต์ (Vehicle-to-vehicle: V2V) เช่น รถยนต์คันหน้าแจ้งเตือนรถยนต์ที่ตามมาเมื่อมีการเบรกเพื่อความปลอดภัย การสื่อสารระหว่างรถและโครงสร้างพื้นฐาน (Vehicle-to-infrastructure: V2I) เช่น สัญญาณไฟจราจรอาจแจ้งให้รถหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด ช่วยให้การคมนาคมคล่องตัวขึ้น ซึ่งการสื่อสารของรถยนต์ในลักษณะนี้จะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในการเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวอย่างเช่น การจัดตั้งสมาคม 5G Automotive Association ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกับอุตสาหกรรมยานยนต์

6) การประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยสามารถนำข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งในรถยนต์มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงระบบการคมนาคมขนส่งและการพัฒนาเมือง ตามแนวคิดของเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้ เช่น หากเซนเซอร์ตรวจพบการเบรกของรถยนต์บนถนนเส้นหนึ่งอย่างผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าผู้ใช้ทางเบรกเนื่องจากถนนดังกล่าวเกิดการทรุดตัว ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำมาใช้ในการแจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อซ่อมแซมถนนได้

7) การขับขี่โดยอัตโนมัติ (Automated Driving) โดยนำการสื่อสารมาใช้ร่วมกับเซนเซอร์ต่างๆ ซึ่งใช้ในการตรวจจับสิ่งที่อยู่รอบตัว

และนำข้อมูลมาประมวลผลโดย Artificial Intelligence (AI) เกิดเป็นรถยนต์ไร้คนขับหรือรถยนต์ขับอัตโนมัติ (Automated Vehicles) ซึ่งจะทำให้การเดินทางมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน 90% ของอุบัติเหตุทางถนนเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ (human error) และช่วยให้เกิดรูปแบบธุรกิจ Mobility as a service ซึ่งทำให้เราสามารถใช้บริการรถยนต์ที่ใช้งานร่วมกันกับผู้อื่นเมื่อเราไม่ได้ใช้งานได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy)

ภาพจาก AVANCI

การให้บริการ Connected Car จะทำให้ผู้เล่นใน Ecosystem ที่หลากหลาย เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ให้บริการ Content ผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคม ผู้ให้บริการประกันภัยรถยนต์ และหน่วยงานภาครัฐ จะต้องมีการร่วมมือกัน (Collaboration) เพื่อให้เกิดการพัฒนาบริการแอพพลิเคชันใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Connected Car ให้ใช้งานได้จริงก็มีความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการร่วมมือกันของอุตสาหกรรมที่มีความแตกต่างกัน การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎจราจรเพื่อรองรับการใช้งานของรถยนต์ไร้คนขับ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลบุคคล เป็นต้น ซึ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วนใน Ecosystem จะต้องร่วมมือกันหาทางออกในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ร่วมกันต่อไป

 

รายการอ้างอิง

 

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...

Responsive image

กระทรวง AI : เมื่อ AI อันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้ โลกเร่งออกกฎควบคุม

AI กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมาย และต้องถูกจับตาดูโดยหน่วยงานของรัฐบาลอย่าง ‘กระทรวง AI’ ที่มีอำนาจ และความสำคัญไม่แพ้หน่วยงานอื่น ๆ แต่ทำไม AI ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ? กร...