ทำความรู้จัก NB-IoT เครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT แล้วมีประโยชน์อย่างไรในเชิงธุรกิจและ Startup เมื่อทั้ง AIS และ True เปิดตัวแล้ว | Techsauce

ทำความรู้จัก NB-IoT เครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT แล้วมีประโยชน์อย่างไรในเชิงธุรกิจและ Startup เมื่อทั้ง AIS และ True เปิดตัวแล้ว

ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอบทความเรื่องเกาหลีใต้เปิดตัวเครือข่าย IoT ครอบคลุมทั่วประเทศที่แรกของโลก ด้วยเทคโนโลยี LoRaWAN ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และได้รับความสนใจอย่างมาก หลายคนก็ถามว่า เอ๋ะ! เมื่อไหร่บ้านเราจะมีกับเขาบ้าง ล่าสุดทางค่าย AIS ก็เปิดตัวเครือข่าย IoT ออกมาเป็นที่เรียบร้อย แต่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน นั่นคือ Narrow Band Internet of Things หรือ NB-IoT นั่นเอง

NB_IoT_Cover

ทำไมเรายังต้องการใช้เครือข่าย IoT ต่างหาก?

เราคุ้นชินกับเครือข่ายเดต้ากันมานานอยู่แล้ว แต่โครงสร้างดังกล่าวเหมาะสำหรับการใช้งานของบุคคลทั่วไป แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Internet of Things (IoT) เสียทีเดียว โดยก่อนหน้านี้มีโครงข่ายเทคโนโลยีหลายแบบที่อุปกรณ์กลุ่ม IoT ทำงานอยู่บนนั้น อาทิ

  • Mobile Data ที่เราคุ้นเคยกันอยู่นี่แหล่ะ แม้จะรองรับการเชื่อมต่อระยะไกลได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง
  • WiFi, Bluetooth หล่ะ? ก็มีข้อจำกัดด้านระยะทาง

แถมทั้ง 3 เทคโนโลยีข้างต้นยังกินพลังงานสูงในการขับเคลื่อนอุปกรณ์อีกต่างๆ หาก ลองนึกภาพว่าพวกอุปกรณ์เซนเซอร์ที่ต้องอยู่ที่ไกลๆ ถ้าใช้พลังงานเยอะก็ทำให้แบตเตอรี่หมดแล้ว การไปเปลี่ยนแบตฯ ก็ต้องเสียเวลาและเป็นกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของการเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่นั่นคือ Narrow Band Internet of Things (NB-IoT) 3gpp-cellular-iot_sized

 

ภาพจาก Qualcomm

Narrow Band Internet of Thing (NB-IoT) คืออะไร?

เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือของบ้านเราทุกวันนี้ มีองค์กรที่กำหนดมาตรฐานอย่าง 3rd Generation Partnership Project (3GPP) โดย NB-IoT  ถือเป็นหนึ่งใน Release ที่ 13 ของ 3GPP (LTE-Advanced Pro) และพึ่งประกาศออกมาในเดือนมิถุนายน ปี 2016 ที่ผ่านมานี้เอง ถือเป็นเทคโนโลยีแบบ Low Power Wide Area Network (LPWAN) ให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือในการรับส่งข้อมูลแบบใช้พลังงานต่ำ

คุณลักษณะหลักๆ คือแก้ปัญหาที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้าทั้งหมดเลย อย่างกรณีของ AIS ที่พึ่งเปิดตัวไปคือ

  1. ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำ ส่งข้อมูล uplink ในขนาดที่เหมาะสม จึงช่วยทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ IoT อยู่ได้นานถึง 10 ปี
  2. รองรับปริมาณอุปกรณ์ IoT ได้สูงสุดในระดับแสนตัวต่อสถานีฐาน
  3. รัศมีครอบคลุมของเครือข่ายต่อสถานีฐาน กระจายได้มากกว่า 10 ก.ม. รวมถึงในตัวอาคารก็ยังรับสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. สามารถพัฒนาเครือข่ายให้เปิดบริการ IoT ได้อย่างรวดเร็ว เพราะออกแบบอุปกรณ์ให้ใช้ร่วมกับ โครงข่าย 4G ในปัจจุบันได้

แล้วต่างกับ LoRaWAN ที่มีข่าวออกมาก่อนหน้าที่เกาหลีอย่างไร

เมื่อกลางปีก่อนที่เกาหลีประกาศเปิดตัวเป็นประเทศแรกของโลกที่มีเครือข่ายสำหรับ IoT  อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่ SK Telecom ใช้นั้นมีความแตกต่างกันอยู่พอควร โดย LoRaWAN เป็น unlicensed spectrum ตัว LoRa เป็นระบบของบริษัทที่ชื่อ Semtech ผู้ให้บริการ LoRaWAN ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออย่างที่เห็นก็สามารถให้บริการได้  แต่สำหรับ NB-IoT จะเป็นเทคโนโลยีที่ Follow ตามมาตรฐานของวิวัฒนาการเทคโนโลยีของโครงข่ายโทรศัพท์มือถือโดยตรง ด้วยเทคโนโลยี NB-IoT ในเชิงเทคนิคจะทำได้ดีกว่าทั้งในเชิงการออกแบบเพื่อรองรับการทำงานระยะยาวและใช้งานได้กับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ LTE เดิม ดูแล้วเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของไทยที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ในขณะที่ฟากของเกาหลีอย่าง SK ในช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นช่วงที่เร่งเปิดให้ใช้บริการก่อนมาตรฐาน 3GPP จะเรียบร้อย เลยเปิดตัว LoRaWAN ก่อนร่วมกับ Samsung ซึ่งขณะเดียวกัน SK Telecom ก็ทดสอบ NB-IoT อยู่กับ Nokia ด้วย  ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายประเทศเปิดตัวโครงข่ายตัวนี้แล้วอย่าง Vodafone และ Verizon

จริงๆ ยังมีอีกหลายเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาใช้อุปกรณ์ IoT ด้วยแนวคิดเดียวกันคือการแก้ปัญหาเรื่องพลังงาน และรัศมีครอบคลุมที่กว้าง โดยในอนาคตอันใกล้เมื่อถึงยุค 5G ความสามารถก็จะดีขึ้นกว่านี้อีก

LPWA-connectivity-2

ภาพจาก : IoTblog.org

ว่าแต่ภาคธุรกิจทำอะไรกับมันได้บ้าง?

ถ้าใครทำงานฟาก Telecom ก็จะคุ้นกับคำว่า Machine-to-Machine ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว เอาอุปกรณ์ต่างๆ ส่งข้อมูลถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นงานกลุ่ม มิเตอร์ต่างๆ ตามโรงงาน เช่น ไฟฟ้า และน้ำ รวมถึงเซนเซอร์ต่างๆ ที่คอยมอนิเตอร์แจ้งเตือน จนมาสู่ยุคของ Internet of Thing (IoT) ที่อุปกรณ์ต่างๆ สื่อสารถึงกันผ่านโลกอินเทอร์เน็ต ฟังดูแล้วก็เป็นโซลูชั่นที่มีมานาน แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ แอปพลิเคชั่นถูกพัฒนาขึ้นมาก็จริง แต่โครงข่ายที่มีอยู่เดิมไ่ม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อแบตเตอรี่อุปกรณ์หมด ก็ต้องไปคอยเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ เสียค่าดูแล บำรุงรักษาไม่ใช่น้อย รวมถึงการส่งข้อมูล Uplink เพื่อรายงานผลจากอุปกรณ์หลายๆ ตัวก็ยังไม่มีประสิทธิภาพนัก แต่เมื่อ Infrastructure พร้อมทีนี้หล่ะ ภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งโรงงานอุตสกรรม, ธุรกิจค้าปลีก, โรงพยาบาล หรือผู้พัฒนาโซลูชั่นกลุ่ม Home Monitoring, Smart City จะประหยัดค่าใช้จ่ายส่วน Operation Cost ได้มาก ในขณะที่อุปกรณ์ก็จะมีต้นทุนที่ถูกลง สามารถนำมาติดตั้งหลายๆ ตัวได้ อย่างไรก็ตามค่าบริการในส่วนของการใช้งานเดต้าต้องติดตามกันต่อจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือโดยตรง

โอกาสสำหรับ Startup ไทยยังมีไหม?

ถือเป็นโอกาสอันดีของกลุ่มผู้พัฒนาโซลูชั่นและ Startup ที่จับตลาดด้านนี้ โดยปัจจุบันทาง AIS ได้ประกาศเปิดตัวให้บริการดังกล่าว ในขณะที่ True ก็ไม่น้อยหน้าจับมือกับ Huawei เปิด True Huawei IoT OpenLab ตามกันมาติดๆ แห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเน้นการวิจัยพัฒนาโซลูชั่นด้าน IoT โดยตรง สุดท้ายเราก็หวังว่าผู้ให้บริการจะเปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาโซลูชั่นรายย่อยที่มีศักยภาพของไทยได้ลืมปาอ้าปากสามารถพัฒนาและสร้างนวัตกรรมต่อยอด เปิดเป็น Partnership โปรแกรมบ้าง ไม่ได้เป็นของพี่จีนหรือต่างชาติเพียงอย่างเดียว

NB_IoT_Use_case

ภาพจาก Qualcomm

ข้อมูลเพิ่มเติม

3GPP link-labs Qualcomm

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...