เรียนจบหลายเดือนแต่ยังไม่มีงานทำ เด็กจบใหม่จะทำยังไงดี? | Techsauce
เรียนจบหลายเดือนแต่ยังไม่มีงานทำ เด็กจบใหม่จะทำยังไงดี?

มีนาคม 2, 2022 | By Siramol Jiraporn

เมื่อใช้เวลาในการเรียนมหาวิทยาลัยไปถึง 4 ปี และเรียนจบออกมาด้วยเกรดดีๆ แน่นอนว่าเด็กจบใหม่ก็ต้องคาดหวังไว้ว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะมีหน้าที่การงานที่ดี แต่หลังจากที่เรียนจบออกมาหลายเดือนแล้ว เรากลับยังต้องหางานอยู่และไม่มีวี่แววจะมีงานทำสักที จะทำอย่างไรดี?

หากใครกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ข้างต้น เราอาจรู้สึกหงุดหงิดใจจากการส่งใบสมัครงานและนับวันเวลารอคนเรียกสัมภาษณ์ แต่พอผ่านไปหลายวันกลับไม่มีใครติดต่อกลับมา บทความนี้จะพาไปดูเคล็ดลับสำหรับคนที่เรียนจบมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่มีงานทำ

เด็กจบใหม่ ไม่มีงานทำ

1. อย่าสมัครงานอะไรก็ได้เพื่อเพียงให้มีงานแรกทำ

หลังจากที่เรียนจบออกมาแล้วยังไม่ได้งานแรกทำ เด็กจบใหม่หลายคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็จะสมัครงานไปเรื่อยๆ แบบแพนิค  เพราะหวังว่าจะได้งานแรก

คนที่แพนิคและสมัครงานไปเรื่อยๆ จะทำให้เปลี่ยนโฟกัสจากงานที่เหมาะสมกับตัวเองเป็นการสมัครงานอะไรก็ได้เพื่อให้มีงานทำ

การสมัครงานอะไรก็ได้เยอะๆ จะทำให้ประสิทธิภาพของการสมัครงานต่ำ เนื่องจากนายจ้างต้องการเด็กจบใหม่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งและมีความสนใจในตำแหน่งที่สมัคร รวมถึงบริษัท และอุตสาหกรรมนั้นจริงๆ 

2. ค้นหาว่างานสำหรับเด็กจบใหม่แบบไหนที่ใช่สำหรับเราจริงๆ

เด็กจบใหม่หลายคนมักทำข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งคือ การไม่ค้นหาว่าบทบาทไหนที่เหมาะกับตัวเองก่อนที่จะสมัครงาน 

หากเราไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าจะสมัครงานอะไร และตัวเองเหมาะกับงานแบบไหน การสมัครงานนั้นจะขาดการโฟกัส เวลาการสมัครงานก็จะยืดยาวออกไป

ใครที่มองหางานมาเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนและยังไม่ประสบความสำเร็จ ให้ลองสะท้อนความคิดตัวเองดูว่าเราเหมาะที่จะสมัครงานในบทบาทใด หลังจากนั้นก็สมัครงานให้แคบลงมา

3. ค้นหาว่าตัวเองมีทักษะเพื่อการทำงานอะไรบ้าง

Confederation of British Industry (CBI) ได้ระบุทักษะเพื่อการทำงานได้ด้วยกัน 9 ทักษะที่นายจ้างกำลังมองหา ดังนี้ 

  1. การมีความเข้าใจในโลกธุรกิจ 
  2. การมีความสามารถด้านการสื่อสาร
  3. ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ
  4. ความคล่องแคล่วด้าน IT
  5. การคำนวณ
  6. การแก้ไขปัญหา
  7. การล้มเร็วลุกเร็ว
  8. การจัดการตัวเอง
  9. การทำงานเป็นทีม

หากใครมีทักษะที่กล่าวมาข้างต้นจะทำให้มีความโดดเด่นจากผู้แข่งขันคนอื่นในการสมัครงาน และทำให้นายจ้างรู้สึกมั่นใจว่าเราจะสามารถทำงานได้จริงๆ สำหรับผู้ที่หางานมามากกว่า 3 เดือน ให้ลองทำตามวิธีต่อไปนี้

จากลิสต์ทักษะเพื่อนการทำงาน 9 อย่างข้างต้น ให้เขียนอธิบายและยกตัวอย่างด้วย STAR Method เพื่ออธิบายว่าเราใช้ทักษะนั้นในการทำอะไร และผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร หากใครไม่มีประสบการณ์อะไรให้เขียนมากนัก ก็ยกตัวอย่างกับการทำงานอาสาสมัคร งานที่ทำในห้องเรียน กีฬา หรือสังคมมหาวิทยาลัยต่างๆ แทน 

4. เติมเต็มช่องว่างทักษะของตัวเอง

หากรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทักษะเพื่อการทำงานที่กล่าวไปข้างต้น อาจจะต้องเติมเต็มทักษะตัวเองผ่านการออกไปหาประสบการณ์การทำงานหรือการฝึกงานอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนที่จะสมัครงานประจำหลังเรียนจบ

แม้ว่าเราจะเป็นเด็กจบใหม่ แต่ทางนายจ้างเองก็คาดหวังว่าจะมีประสบการณ์การทำงานมาบ้างบนเรซูเม่ เราไม่สามารถวางใจได้กับการมีแค่ใบจบจากมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความประทับใจให้กับนายจ้าง เนื่องจากตลาดแรงงานของเด็กจบใหม่มีการแข่งขันสูง และเราต้องแข่งขันกับเด็กจบใหม่ด้วยกันเองหลายพันคนที่มีใบจบจากมหาวิทยาลัยและประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน  

5. ทำเรซูเม่ใหม่

ลองสังเกตเรซูเม่ตัวเองดูก่อนว่าเราได้เขียนเน้นถึงความสำเร็จของตัวเองไว้หรือไม่ หากส่งใบสมัครงานไปหลายที่แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับเลย ก็อาจต้องทำเรซูเม่ใหม่ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะเรซูเม่เป็นหนึ่งในเอกสารสำคัญที่ HR ใช้ในการพิจารณาว่าเราเหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่ 

สิ่งที่ต้องเขียนในเรซูเม่ต้องประกอบไปด้วย:

6. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ

สำหรับผู้ที่ลองมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังหางานไม่ได้สักที ก็ควรลองขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างโค้ชด้านอาชีพโดยตรงจะดีกว่า เพราะเขาสามารถให้คำแนะนำแนวทางที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้

โค้ชด้านอาชีพสามารถช่วยเราได้ในเรื่อง:

หลายคนเมื่อเรียนจบมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีงานทำสักที เมื่อเห็นเพื่อนหลายคนมีงานทำเรื่อยๆ ก็จะเริ่มตื่นตระหนกและเครียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะนำเอาความสำเร็จของผู้อื่นมากดดันตัวเอง แต่การกดดันตัวเองมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงควรลองพยายามใช้วิธีใหม่ๆ ดู แล้วความสำเร็จจะรอเราอยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกล

อ้างอิง Graduate Coach


No comment