4 นิสัยที่คนประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะทำกัน พร้อมวิธีประยุกต์ใช้กับตัวคุณเอง | Techsauce
4 นิสัยที่คนประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะทำกัน พร้อมวิธีประยุกต์ใช้กับตัวคุณเอง

มีนาคม 3, 2023 | By Connext Team

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินว่า “การได้ทำงานที่เรารักจะทำให้เราไม่รู้สึกว่ากำลังทำงานอยู่” 

ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้รัก ไม่ได้มีความสุขและยังเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานอีกด้วย จากผลการศึกษาของ Gallup เมื่อเร็วๆ นี้ได้แสดงให้เห็นว่ามีพนักงานแค่ 21 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มักจะมีส่วนร่วมกับที่ทำงาน และอีก 33 เปอร์เซ็นต์ทำงานเพียงเพราะต้องการมีความเป็นอยู่โดยรวมที่ดี โดยส่วนใหญ่จะกล่าวว่าพวกเขาไม่พบว่างานที่ทำอยู่มีความหมายต่อชีวิต ไม่คิดว่าชีวิตของพวกเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดีหรือไม่รู้สึกมีความหวังเกี่ยวกับงานของพวกเขาในอนาคต 

เพราะฉะนั้นวันนี้ ConNEXT จะพาเพื่อนๆ ที่กำลังเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้กับการทำงาน อยากหาแรงบันดาลใจ หรือวิธีพัฒนาตัวเองมาส่อง 4 นิสัยที่คนประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะทำกัน พร้อมวิธีประยุกต์ใช้กับตัวคุณเอง

4 นิสัยที่คนประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะทำกัน พร้อมวิธีประยุกต์ใช้กับตัวคุณเอง

1. เข้าใจถึงแรงจูงใจที่แท้จริง

คุณเคยลองคิดไหมว่า... ทำไมถึงเลือกที่จะทำอาชีพนี้ จริงๆ แล้วคำถามนี้เป็นคำถามที่สำคัญมากเพื่อให้คุณรู้ตัวว่าลึกๆ ในใจแล้วตัวคุณมีแรงจูงใจอะไรกันแน่ โดยคุณอาจจะลองลบความคิดที่ทำให้มีอคติกับงานออกไปแล้วลองปรับปรุงหรือเริ่มทำงานในวิธีใหม่ๆ ดูก่อนว่างานนี้ยังเวิร์กสำหรับคุณหรือไม่?

คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เวลาแก้ปัญหาจะเลือกทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่เพียงแต่เลือกงานที่สนใจ แต่พวกเขามักจะเลือกทำในสิ่งที่คิดว่าจะสามารถ Impact ต่อประโยชน์ส่วนรวมและสังคมได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Dr. Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของ NIH มีแรงจูงใจในการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเขาชอบที่จะเลือกแก้ไขในปัญหาที่ไม่ใช่แค่น่าสนใจแต่เลือกแก้ไขปัญหาที่สำคัญด้วยเช่นกันโดยเขามักจะมุ่งทำงานที่จะสร้าง Impact ให้คนในสังคมนอกเหนือจากตัวเอง เพราะความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหรียญรางวัล โบนัส หรือการเลื่อนตำแหน่งเพียงเท่านั้น

วิธีประยุกต์ใช้ “เข้าใจถึงแรงจูงใจที่แท้จริง” กับตัวคุณ

เพื่อที่จะเข้าถึงแรงจูงใจที่แท้จริงได้นั้น ให้คุณลองถามตัวเองว่า… อะไรที่จะสามารถเติมเต็มการเรียนรู้ในงานของคุณได้? งานที่ทำอยู่นี้สอดคล้องกับ Passion ของคุณไหม? 

แนะนำให้ลองแยกความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คุณทำได้ดี vs สิ่งที่คุณทำไม่ได้ และสิ่งที่คุณชอบทำและทำได้ทันที vs สิ่งที่คุณไม่ชอบและอยากผัดวันประกันพรุ่ง หลังจากนั้นลองนำไปปรับใช้กับงานหรือลองมองหางานส่วนอื่นที่ตอบโจทย์กับความชอบของคุณเพื่อเติมเต็มเชื้อเพลิง Passion ในการทำงาน อ้างอิงจากวิจัยจาก Mayo Clinic ที่เผยให้เห็นว่า เมื่อแพทย์ใช้เวลาเพียง 20% ของเวลาในการทำงานไปกับสิ่งที่พวกเขาหลงใหล จะสามารถช่วยลดระดับความเหนื่อยหน่ายในการทำงานได้เป็นอย่างดี

2. ยอมรับความล้มหลวและหากลยุทธ์บริหารเวลาให้ได้

Dr. Peggy Whitson นักชีวเคมีที่ทำงานใน NASA เธอใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศมาโดยตลอด แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะถูกปฏิเสธ แต่นั้นไม่ทำให้เธอไม่ย่อท้อเธอยังคงสมัครเป็นนักบินอวกาศเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษเต็ม สิ่งที่เราเห็นได้จากการพยายามของเธอคือเธอไม่ได้ยอมแพ้หลังจากการถูกปฏิเสธครั้งแรก ครั้งที่สอง หรือแม้กระทั่งครั้งที่สาม ทุกครั้งที่เธอเผชิญกับอุปสรรค เธอมักจะถามตัวเองว่า “กลยุทธ์อะไรที่ฉันยังไม่ได้คิด ไม่ได้ทำ?” นอกจากนี้เธอยังใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนรู้จากการทำงานใน NASA เพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในฐานะผู้สมัครนักบินอวกาศ

และเป็นเรื่องดีที่ Dr. Peggy ไม่ยอมให้คำปฏิเสธมาบั่นทอนแรงจูงใจของเธอ เพราะในที่สุดเธอก็กลายเป็นผู้บัญชาการหญิงคนแรกของสถานีอวกาศนานาชาติ และกลายเป็นหัวหน้านักบินอวกาศของ NASA

จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักกลัวความล้มเหลว แต่สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมักกลัวที่จะไม่ได้ “ลองพยายาม” มากกว่า ในหัวพวกเขาจะไม่ตั้งคำถามว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ไหม? พวกเขาจะคิดแต่ว่าจะทำอย่างไร? ต้องแก้ไขอย่างไร? ต้องพัฒนาอย่างไร? และหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อจะควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ต้องการและสำเร็จลุล่วงให้ได้ ไม่ว่าจะล้มกี่หนก็ตามก็จะหาทุกวิธีทางที่จะลุกกลับมาได้เสมอเช่นเดียวกับ Dr. Peggy Whitson โดยวิธีที่ทำให้เธอสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ได้อยู่แค่การไม่ยอมแพ้อย่างเดียววิธีการโฟกัสและการแบ่งเวลาทำงานก็สำคัญเช่นกัน โดยเธอมักจะพิจารณากลยุทธ์และเรียนรู้วิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 

วิธีประยุกต์ใช้ “ยอมรับความล้มหลวและหากลยุทธ์บริหารเวลา” กับตัวคุณ

มี 2 ขั้นตอนเพื่อจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ อย่างแรกคือ เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่นในการทำงานได้ และพยายามจัดลำดับความสำคัญของงาน

อย่างที่สอง คือ การจดจ่อกับการทำงานโดยใช้วิธีบริหารเวลาแบบ Pomodoro หรือการทำงานโดยแบ่งเวลาเป็นช่วงๆ และกำหนดเวลาพักสั้นๆเป็นบางช่วงด้วย เพราะหากงานที่ทำนั้นไม่ได้ตามที่กำหนดหรือผลลัพธ์ยังไม่ดีพอ ก็จะได้ใช้ช่วงพักนั้นเพื่อคิดหาวิธีทางที่แตกต่างออกไปเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมได้

3. เสริมสร้างปูพื้นฐานความรู้

คุณน่าจะเคยเห็นนักกีฬาโด่งดังนั้นว่าพวกเขาเก่งมากขนาดไหน แต่กว่าจะเก่งขนาดนั้นได้ พวกเขาต้องผ่านการฝึกฝนอยู่เป็นประจำเพื่อที่เป็นนักกีฬาที่พร้อมอยู่เสมอ ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คนก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาฝึกฝน พัฒนาและทำซ้ำๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่พวกเขาก็ยังคงต้องปูพื้นฐานให้พร้อมเสมอเพื่อที่จะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ

วิธีประยุกต์ใช้ “เสริมสร้างปูพื้นฐานความรู้” กับตัวคุณ

ลองอัปเดตและฝึกฝน “ทักษะและความรู้” ที่จำเป็นต่ออาชีพของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะวิธีนี้นับเป็นการเรียนรู้ชั้นดีที่จะสามารถขัดเกลาให้คุณเป็นคนที่เก่งและพร้อมได้มากขึ้นในทุกๆ วัน 

4. Lifelong learning 

ผู้คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักไม่เคยที่จะหยุดเรียนรู้ตลอดเวลาโดยการเรียนรู้ของพวกเขาอาจไม่ได้มาจากห้องเรียนเสมอไป และการพูดคุยกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานก็อาจไม่ใช่แค่การสร้างคอนเนคชั่นเสมอไป แต่เป็นการแลกเปลี่ยนและเพิ่มพูนแนวคิดใหม่ๆ เพื่อนำไปพัฒนาการทำงานของคุณได้ นอกจากนี้การอ่านหนังสือรวมถึงการสังเกตอื่นๆ เช่น การดูคลิปวีดีโอ การฟังเนื้อหาจาก Podcast ก็สามารถทำให้คุณพบเจอความรู้เพิ่มเติมได้ดีเช่นกัน

วิธีประยุกต์ใช้ “Llifelong learner” กับตัวคุณ

บางครั้งการเพิ่มเติมฐานความรู้ของตัวคุณเองอาจนำพาไปสู่การสร้างคอนเนคชั่นดีๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัวก็ได้ ลองเข้าหาผู้คนที่มีประสบการณ์ที่น่าสนใจ และยกระดับพื้นฐานความรู้ของคุณกับสิ่งใหม่ๆ หาแนวคิดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ บทความต่างๆ เข้าคอร์สเรียน หรือฟังบทบทสัมภาษณ์ที่เหมาะกับสายงานของคุณ

อ่านมาถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักจะมีนิสัยที่เข้าใจความต้องการของตัวเอง กล้าลอง กล้าเสี่ยง บริหารจัดการสิ่งต่างๆ รวมถึงเวลาได้ พร้อมทั้งยังมีนิสัยในการฝึกฝนทำสิ่งต่างๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกด้วย 

ConNEXT เชื่อว่าทุกๆ คนล้วนต่างพยายามทำงานเพื่อที่จะสักวันจะได้ประสบความสำเร็จอย่างที่วาดฝันไว้ แต่กลับไม่มีความเข้าใจว่าการที่จะประสบความสำเร็จนั้นทำได้อย่างไร? เพราะฉะนั้นหวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้จากความประสบความสำเร็จของผู้คนต่างๆ ที่เราได้หยิบยกมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจและนำแนวคิดดีๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆ ได้ 



เขียนโดย : Wasin Lerksumrand 

อ้างอิง : hbr

No comment