เคล็ดลับเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ | Techsauce
เคล็ดลับเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

สิงหาคม 29, 2022 | By Connext Team

หลายคนคงเคยเป็นเวลาที่คุยกับคนหนึ่งอยู่ แม้จะรู้ว่าคนนั้นกำลังฟังสิ่งที่เราพูด แต่ในใจก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจฟังเราจริงๆ กลับกันทุกคนก็คงเคยเป็นผู้ฟังที่ไม่ตั้งใจฟังคนอื่นเช่นเดียวกัน อย่างเช่นเวลาเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้ามาพูดอะไรสักอย่างขณะที่เรากำลังมัวยุ่งกับงานที่กองตรงหน้า แต่พอพูดเสร็จเรากลับไม่เข้าใจ ซึ่งอาการเช่นนี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจฟังและไม่ได้พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขาพูดอย่างแท้จริง หรือกล่าวได้ว่าเราไม่ได้ฟังแบบ ‘Active Listening’ นั่นเอง

เคล็ดลับเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

การฟังแบบ Active Listening คืออะไร

Active Listening คือการฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ ทำความเข้าใจสารที่ส่งมา และจดจำสิ่งที่ผู้อื่นพูดได้ การฟังแบบ Active Listening ถือเป็นการฟังที่ผู้ฟังมีส่วนร่วมกับผู้พูดมากที่สุด เราจะไม่ใช่แค่ได้ยินแต่จะให้ความสนใจกับผู้พูดอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันเราจะส่งสัญญาณให้พวกเขาทราบว่าเราได้รับและเข้าใจสารที่พวกเขาส่งมาแล้ว 

ขั้นตอนการฟังแบบ Active Listening 3 ขั้นตอน

1. เตรียมตัวฟังโดยมุ่งเน้นไปยังหัวข้อที่คิดว่าผู้พูดจะพูด ตัวอย่างเช่นในการสนทนาแบบตัวต่อตัว คุณอาจจะถามอีกฝ่ายว่าอยากจะพูดเรื่องอะไร เพื่อที่คุณจะสามารถสับเปลี่ยนไปยังหัวข้อใหม่ได้ทันทีและจบหัวข้อสนทนาก่อนหน้า

2. สังเกตสารที่ผู้พูดส่งมา ทั้งสารที่เป็นถ้อยคำและไม่ใช่ถ้อยคำ โดยงานวิจัยกล่าวว่ามากกว่า 55% ของการสื่อสารไม่ใช่การสื่อสารด้วยถ้อยคำ ดังนั้น คุณต้องไม่เพียงแค่ฟังเท่านั้น แต่ต้องสังเกตผู้พูดด้วย

3. โต้ตอบกลับเพื่อส่งสัญญาณให้กับผู้พูดว่าคุณกำลังสนใจพวกเขาอยู่ การทวนซ้ำในประเด็นสำคัญหรือการเรียบเรียงคำพูดใหม่ยังช่วยให้คุณประมวลผลและเก็บรักษาข้อมูลที่คุณเพิ่งได้ยินมาได้อีกด้วย แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่การตัดสินหรือการแสดงออกว่าคุณเห็นด้วยกับผู้พูด แต่เป็นการทำความเข้าใจกับเรื่องที่กำลังฟังเท่านั้น

ตัวอย่างการฟังแบบ Active Listening

สถานการณ์ที่ 1

สถานการณ์ที่ 2

การฟังแบบ Active Listening สำคัญอย่างไร?

1. ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น

ประโยชน์ของการฟังแบบ Active Listening ที่สำคัญประการหนึ่งคือการทำให้เราเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังฟังอยู่มากขึ้น เพราะถ้าเราฟังแบบ Active Listening อย่างถูกวิธีแล้ว ทั้งผู้พูดและผู้ฟังจะมีโอกาสถามคำถาม แสดงความคิดเห็น และทำงานร่วมกันได้จากการมีความเข้าใจที่ตรงกัน ดังนั้น การฟังแบบ Active Listening จึงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพ เพราะจะช่วยลดโอกาสในการสื่อสารที่ผิดพลาดระหว่างสมาชิกในทีมหรือโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่

2. ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์

เราทุกคนต่างอยากให้ตัวเองได้รับการมองเห็นและได้รับความเข้าใจจากคนอื่น ซึ่งงานวิจัยฉบับหนึ่งกล่าวว่าการมีสมาธิจดจ่อและการไวต่อความรู้สึกซึ่งเกี่ยวโยงกับการฟังแบบ Active Listening จะช่วยเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกันและเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสามัคคีและการทำงานร่วมกันภายในทีม

3. ช่วยลดอคติ

เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เวลาได้รับข้อมูลแล้วจะประมวลผลตามมุมมองของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในการฟังแบบ Active Listening เราจะต้องก้าวออกจากความคิดของตัวเองให้ได้และหัดมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่น เพื่อลดอคติของเราเวลามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

อุปสรรคที่ทำให้เราไม่สามารถฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าการฟังแบบ Active Listening มีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่เริ่มทำกันล่ะ? คำตอบก็คือการฟังแบบดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง โดยเฉพาะหากเรากลายเป็นคนที่คุ้นชินกับปัญหาหรือสิ่งขัดขวางต่อไปนี้

การฟังแบบ Active Listening มีบทบาทสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากต่อการทำงาน รวมไปถึงกิจกรรมในชีวิตประจำวันอื่นๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงาน หัวหน้า หรือผู้บริหาร ทุกคนควรต้องฝึกฝนให้ตัวเองมี ทักษะการฟังแบบ Active Listening เพราะนอกจากจะช่วยให้เราเข้าใจสารได้อย่างถ่องแท้และช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการสื่อสารได้แล้วนั้น ยังช่วยให้เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญและใส่ใจคนรอบข้างอีกด้วย

เขียนโดย Parinya Putthaisong

อ้างอิง Fastcompany

No comment