หลังจากที่ CHANGAN ประสบความสำเร็จกับการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) Deepal เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยทั้ง S07, S07L, L07 และ L07L รวมถึงรุ่น Lumin ล่าสุดได้มีการนำรถแบรนด์ใหม่ในค่ายอย่าง AVATR (การเกิดใหม่) เข้ามาวางขายในไทยด้วยเช่นเดียวกันภายใต้ชื่อรุ่น AVATR 11

และนี่คือ 11 จุดเด่นของ AVATR 11 

1.รถ EV พรีเมียมที่เกิดจากความร่วมมือ 3 แบรนด์ใหญ่ 

AVATR 11 เป็นผลงานจากบริษัทร่วมทุนในชื่อ AVATR Technology โดยมี 3 แบรนด์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และรถ EV เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนารถรุ่นนี้ ได้แก่ CHANGAN Auto, Huawei และ CATL จึงทำให้  AVATR 11 มีจุดแข็งทั้งในเรื่องแบตเตอรี่, การขับขี่ ไปจนถึงระบบการขับเคลื่อน และการทำงานของซอฟต์แวร์ภายในตัวเครื่องจาก Know-how ของสามบริษัท

2.เทคโนโลยีการขับขี่พัฒนาร่วมกัน Huawei

AVATR 11 เลือกใช้เทคโนโลยีของ Huawei ในหลากหลายมิติทั้งในด้านระบบการขับขี่ และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือ เช่น

• HUAWEI DriveOne iTRACK เทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมแรงบิดของรถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพถนนแบบเรียลไทม์ สามารถปรับได้อย่างละเอียดฉับไวในระดับไมโครวินาที
• HUAWEI DriveOne ระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนกำลังสูงที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Huawei และผู้ผลิตรถยนต์
• HUAWEI ADS 2.0 ระบบการขับขี่อัจฉริยะรุ่นใหม่ สามารถตรวจจับวัตถุได้หลากหลาย คาดการณ์พฤติกรรมของรถยนต์รอบข้างได้แบบเรียลไทม์

3.จัดเต็มกล้อง เซ็นเซอร์รอบคัน เทคโนโลยีความปลอดภัย

AVATRUST คือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใส่มาให้ใน AVATR 11 ซึ่งจะช่วยตรวจจับรถ และวัตถุที่อยู่รอบคัน พร้อม RCR 2.0 Network เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีแผนที่ความละเอียดสูง โดยระบบจะสร้างภาพจำลองสภาพแวดล้อมขึ้นมาแบบเรียลไทม์ ทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

4.ฟังก์ชันช่วยการขับขี่ขั้นสุด

AVATR 11 มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง L2+ (ADAS) ทำงานร่วมกับเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และกล้อง HD อีก 5 ตัว พร้อมฟังก์ชันการขับขี่ เช่น 

• IACC ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน (IACC) 
• UDLC ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว (UDLC) 
• AEB ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) 
• ELK ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนขณะฉุกเฉิน

5.ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

นอกจากช่วยขับแล้ว AVATR ยังช่วยจอดได้ด้วย กับฟีเจอร์ APA (Auto Parking Assist) ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ ระบบจะควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เพื่อนำรถเข้าจอดในช่องว่างที่เหมาะสม

รวมถึง RPA (Remote Parking Assist) ระบบช่วยจอดรถจากระยะไกล ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการจอดรถได้จากนอกรถ ผ่านแอปพลิเคชันหรือรีโมท

และ AVP (Automated Valet Parking) ระบบจอดรถอัตโนมัติ ระบบจะนำรถไปจอดในพื้นที่จอดรถที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องมีผู้ขับขี่อยู่ในรถ

6.แพลตฟอร์มใหม่ CHN

AVATR 11 แพลตฟอร์ม CHN Platform ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นร่วมกันโดย 3 ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้แก่ Changan Automobile, Huawei และ CATL โดยมีจุดเด่น 4 อย่างหลักๆ ดังนี้

สถาปัตยกรรมใหม่ พร้อมระบบประมวลผลที่ทรงพลัง 

CHN Platform คือแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ ไม่ใช่การนำโครงสร้างของรถน้ำมันมาใช้ พร้อมสามารถรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อ

ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น 

มาพร้อมระบบจัดการความร้อน TMS (Thermal Management System) ของ Huawei ช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งได้สูงสุด 10% ในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยการนำความร้อนที่สูญเสียไปกลับมาใช้ใหม่

รวมทั้งยังมีระบบปรับอากาศอัจฉริยะ สามารถปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ได้อย่างรวดเร็ว แม้ในอุณหภูมิภายนอกที่ -20°C ถึง 40°C

ความยืดหยุ่น 

สามารถพัฒนารถยนต์ได้หลากหลายรุ่นบนแพลตฟอร์มเดียว รองรับระยะฐานล้อตั้งแต่ 2,800 มม. ถึง 3,100 มม. ทำให้สามารถพัฒนารถยนต์ได้หลากหลายประเภท เช่น รถเก๋ง รถ SUV รถ MPV และรถครอสโอเวอร์ นอกจากนี้ ยังรองรับทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

น้ำหนักเบา ขับสนุกยิ่งขึ้น

โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ลดน้ำหนักโดยรวมของรถได้สูงสุด 30% เมื่อเทียบกับโครงสร้างตัวถังเหล็กทั้งหมด

6.เสียงเพลงเต็มอารมณ์

AVATR 11 ใช้เครื่องเสียงรอบคันจาก Meridian ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกจากอังกฤษ มีกำลังขับจากพาวเวอร์แอมป์ DSP 2,016 วัตต์ โดยภายในรถจะมีการติดตั้งลำโพง 25 ตัวในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ลำโพงเสียงสูง, ลำโพงติดเพดานแบบบางพิเศษ, ลำโพงเสียงกลาง และลำโพงเสียง่ำ

7.ดีไซน์ล้ำทั้งภายใน และภายนอก

AVATR 11 มาพร้อมกับดีไซน์ที่ได้การันตีรางวัล Red Dot Design Award 2024 โดยผสมความล้ำและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน โดยใช้รูปทรงแบบ SUV Coupe กระจังหน้าแบบปิดทึบ ไฟหน้า LED แบบ Maxtrix มือจับประตูแบบซ่อนช่วยให้ตัวถังรถดูเรียบเนียน รวมถึงหลังคากระจกแบบพาโนรามาช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99.9% และกันความร้อนได้ถึง 80%

ภายในห้องโดยสารได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Keystone (หินหลักบนยอดโค้ง) มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่มีระบบปฏิบัติการ HarmonyOS เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมไฟ Ambient Light ที่ปรับเปลี่ยนสีได้ 256 สี รวมถึงเบาะหนังแบบ NAPPA ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ปรับได้ 14 ทิศทาง

8.เทคโนโลยีแบต 800V

AVATR 11 ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ชาร์จเร็วแบบ 800V รองรับกำลังไฟการชาร์จสูงสุด 240kW ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สามารถวิ่งได้ 200 กิโลเมตร

9.แบตใหญ่ วิ่งไกลสูงสุด 730 กม.

AVATR 11 ใช้แบตเตอรี่ขนาด 116 kWh จากผู้นำด้านแบตเตอรี่อย่าง CATL มีทั้งหมด 2 รุ่น ซึ่งจะต่างกันออกไปตามขนาดแบตเตอรี่

• Standard Range : แบตเตอรี่ขนาด 90 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 630 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 240 kW
• Long Range : แบตเตอรี่ขนาด 116 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 730 กิลโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 240 kW 

10.มอเตอร์ขับหลังที่ยังแรง

AVATR 11 มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับหลัง สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.6 วินาที ในรุ่น Standard และ 6.9 วินาทีในรุ่น Long Range

11.ราคาจำหน่าย และการรับประกัน

AVATR 11 มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 2 รุ่นย่อย ดังนี้

• รุ่น Standard Range ราคา 2,099,000 บาท 
• รุ่น Long Rage ราคา 2,299,000 บาท

โดยมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้า 200 ท่านแรก ดังนี้

• รุ่น Standard Range ราคา 1,999,000 บาท 
• รุ่น Long Rage ราคา 2,199,000 บาท

พร้อมแคมเปญ AVATR WithU Select ครอบคลุมสิทธิพิเศษตั้งแต่ที่ชารจ์ ติดผนังฟรีรวมถึงการรับประกัน การบำรุงรักษา และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน สำหรับลูกค้า 200 ท่านแรกที่จอง