Pewdiepie คือใคร แล้วอะไรที่ทำให้เขาเป็นราชาแห่ง YouTube | Techsauce
Pewdiepie คือใคร แล้วอะไรที่ทำให้เขาเป็นราชาแห่ง YouTube

มิถุนายน 2, 2021 | By Chomalee Rasri

Pewdiepie คือใคร แล้วอะไรที่ทำให้เขาเป็นราชาแห่ง YouTube? คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความฝันของเด็กสมัยนี้คือการได้เป็น “YouTuber” แต่ยิ่งกว่านั่นคือการได้เล่นเกมแถมยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ถ้าพูดถึง YouTuber สายเกมส์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Pewdiepie แล้วเขามีดีอะไรบ้าง ? ถึงอยู่ยงคงกระพันเป็นดาวค้างฟ้า และใคร ๆ ก็ต่างยกเขาเป็นราชาแห่ง YouTube

Pewdiepie คือ

กว่าจะมาเป็น Pewdiepie 

แท้จริงแล้ว ชื่อจริงของ Pewdiepie คือ Felix Kjellberg เกิดและโตที่สวีเดน ปัจจุบันมียอด Subscriber ถึง 110 ล้านคน และในปี 2019 เขาเคยเป็น Youtuber ที่มีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ซึ่งทำเงินได้กว่า 508 ล้านบาท

จุดเริ่มต้นของราชายูทูปเบอร์เริ่มต้นในปี 2010 เมื่อเขารู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่ทาง จึงลาออกมาทำ YouTube เติมตัว นั้นทำให้พ่อแม่เขาเลิกให้เงิน เขาจึงต้องหารายได้เลี้ยงชีพตัวเองด้วยการขายงานศิลปะที่วาดด้วย Photoshop และเป็นพนักงานขายในร้านฮอตดอก

Fun fact  : เขาคือคนแรก ๆ ที่เริ่มเล่นเกมส์ Flappy Bird และ Surgeon Simulator แล้วแคสต์ลง YouTube จนกลายเป็นกระแสให้คนเล่นตามกันทั่วโลก

6 สิ่งที่ช่วยให้ Pewdiepie มีวันนี้

1. สกิลการตัดต่อภาพและวิดีโอ (Video Editing and Photoshop)

สร้างคอนเทนท์หลากหลาย บวกกับเทคนิคการตัดต่อภาพให้ตลก รู้จักใช้ Meme เพื่อสร้างสีสัน และการตัดต่อวิดีโออย่างมีเอกลักษณ์

2. คาแลกเตอร์ชัด (Unique Character)

มีบุคลิกเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร บวกกับความเป็นอารมณ์ขัน แถมเน้นสร้างคอนเทนท์เป็นแนวตลก คลายเครียด ประกอบกับสิ่งที่เขาทำได้ดีอย่างการเล่นเกมเข้ามาทำให้เกิดซีรีย์อย่าง “Let’s Play” ให้คนเข้ามาดูคลายเครียด

3. การเล่าเรื่อง (Story Telling)

Pewdiepie ไม่ได้มีดีแค่อารมณ์ขัน แต่ยังรวมถึงการเล่าเรื่องผ่านมุมมองและทัศนคติของเขา เขาไม่มองข้ามเรื่องที่ควรจะซีเรียส ประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อน และวิเคราะห์สถานการณ์ได้เฉียบขาด ทำให้เขาสามารถเกาะกระแสและมีคลิปไวรัลได้เรื่อย ๆ

4. คอนเทนต์แปลกใหม่ (Original Content)

เขามีการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ ในปี 2010 ตลาดเกมส์กำลังมาแรง การแคสต์เกมด้วยเสียงที่โวยวาย หัวเราะแรง ๆ ทำหน้าฮา ๆ ทำให้คนชอบเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ให้เข้ากับยุคนี้ด้วย

5. ขยันลงคลิป (Daily Content)

เขามีคอนเทนท์ให้แฟน ๆ ดูทุกวัน แม้ว่าในวันที่เขาไปเที่ยวเขาจะอัดคลิปไว้ และมีลงสำหรับทุกวันเสมอ 

6. เป็นคนเริ่มต้น (Invented)

ข้อนี้สำคัญ เพราะ เขาแทบจะเป็นคนแรก ๆ ของตลาดแคสต์เกมใน YouTube ดังนั้นนักพัฒนาเกมมักจะส่งเกมให้เขาเล่นเพื่อรีวิวเป็นคนแรก และเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายก็จะมาดูคลิปเขาก่อนตัดสินใจซื้อ ทำให้เขามียอดวิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Pewdiepie คือ

ยิ่งดัง ยิ่งมีดราม่า

อย่างไรก็ดีการเป็นคนดังก็ทำให้เป็นที่สนใจ ความเป็นราชาจึงแปรเปลี่ยนเป็นกระแสดราม่า จุดเปลี่ยนคือ Pewdiepie ไปจ้างฟรีแลนซ์จาก Fiver เพื่อตัดต่อวิดีโอ แต่นักตัดต่อ ตัดมุกตลกที่มีเนื้อหาสนับสนุนกลุ่มต่อต้านชาวยิว “Death to all Jews” ส่งผลให้คนในสังคมโกรธและเขาก็ได้ออกมาขอโทษ

ต่อมา Pewdiepie มีคู่แข่งอย่าง T-series ที่กำลังจะโค่นล้มยอด Subscriber อันดับ 1 ในตำนาน ด้วยยอดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเทียบเคียงกับ Pewdiepie และด้วยนิสัยส่วนตัวของ Pewdiepie ที่เป็นคนชอบล้อเลียน เขาจึงแต่งเพลงล้อเลียนคู่แข่งเพื่อความตลกอย่างเพลง “Bitch Lasagna” 

แฟนคลับ Pewdiepie จึงเริ่มไปถล่มในช่องของคู่แข่งจนเกิดกระแส “เหยียดเชื้อชาติคนอินเดีย” กลายเป็นสงครามแข่งขันจำนวน Subscribers ผ่านโซเชียลในที่สุด จนเป็นเหตุชนวนการก่อการร้าย อย่างการกราดยิงที่มัสยิดใน New Zealand ทำให้คนเสียชีวิตถึง 50 คน และผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนว่า “Subscribe to Pewdiepie”

เหตุการณ์นี้ทำให้ Pewdiepie ออกมาบอกให้ยุติแคมเปญนี้ เพราะมันถูกนำไปใช้ในลักษณะเหยียดชาติพันธุ์ และเขาก็กลับมาผลิตคอนเทนท์แบบปกติ

ปัจจุบันยอด Subscriber ของ Pewdiepie เป็นอันดับ 3 รองเพียง T-Serie ช่องเพลงจาก Bollywood และ Cocomelon ช่องเพลงเด็กที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2019 แต่ Pewdiepie ยังถือว่าเป็นช่องยูทูปเบอร์คนแรกที่ผลิตคอนเทนท์ด้วยตัวเองที่มาไกลระดับนี้ 

ที่มา : Insider, Forbes

No comment