แนวโน้มตลาดแรงงานปี 67 ชี้ “Green-collar jobs” หรืออาชีพที่เกี่ยวกับเทคฯ และสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง | Techsauce
แนวโน้มตลาดแรงงานปี 67 ชี้ “Green-collar jobs” หรืออาชีพที่เกี่ยวกับเทคฯ และสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง

มีนาคม 18, 2024 | By Suchanan Songkhor

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของเราถึงขั้นวิกฤตจริง ๆ สิ่งนี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตโรคระบาด ทำให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานโดยตรง ซึ่งในปีนี้การจ้างงานมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว และอาชีพที่คาดการณ์ว่าจะมาแรงในปีนี้ คืออาชีพที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี (Green-collar jobs) และอีกหนึ่งอาชีพที่มาแรงไม่แพ้กันคืออาชีพแพทย์หรืองานที่ต้องช่วยเหลือผู้คน 

Green-collar jobs

ข้อมูลการจ้างงานของ ManpowerGroup บริษัทให้บริการการจ้างงานระดับโลก พบว่ามีการประกาศรับสมัครงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้สามารถบ่งบอกแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงานและคุณสมบัติที่คนทำงานต้องมีในอนาคตได้ 

และนี่คือ 7 แนวโน้มการจ้างงานในอนาคตจะมีอะไรบ้างมาดูกัน!

7 แนวโน้มการจ้างงานในอนาคต

1.อาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน

งานด้านการแพทย์จะได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยพยาบาลอันดับสอง ซึ่งทั้งสองอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องการมากที่สุด 

นอกจากนี้ผู้ช่วยทางการแพทย์ รังสีแพทย์ หรืองานที่ช่วยเหลือสังคม ถูกจัดอยู่ 20 อันดับแรกที่ตลาดแรงงานต้องการ นอกจากนี้มีข้อมูลว่าประเทศต้องการนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นประมาณ 300% ต่อปี และคาดว่าเทรนด์ที่เกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่จะยังคงได้รับความนิยมต่อไป เนื่องจากทักษะทางการแพทย์มีความต้องการสูงในระยะยาว

อีกหนึ่งงานที่มีแนวโน้มสูงว่าจะมีการเปิดรับสมัครสูงในอนาคต จะเป็นงานเกี่ยวกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น บริษัทที่ทำเกี่ยวกับการขายของออนไลน์หรือเดลิเวอรี่ ซึ่งคาดว่าบริษัทอย่าง Amazon, Pizza Hut และบริษัทส่งอาหาร Doordash จะเป็นนายจ้างชั้นนำในปี 2025

อาชีพที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับข้อนี้ คือ “นักพัฒนาแอปพลิเคชัน” เนื่องจากพอ AI ได้เข้ามามีบทบาทกับเรามากขึ้น ทำให้หลายบริษัทต่างต้องการคนที่มีความรู้เกี่ยวกับ AI เข้ามาในบริษัท เพื่อหวังให้พัฒนาองค์กร คาดว่าในอนาคต Walmart หรือ บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐ และ Doordash แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ที่นิยมที่สุดในอเมริกา จะเป็นผู้จ้างงานชั้นนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน AI                               

2. องค์กรจะมองหาคนที่มีทักษะตามที่ต้องการ  

แนวโน้มการจ้างงานในอนาคตพบว่า 77% ของนายจ้างจะมองหาพนักงานที่มีทักษะใหม่ ๆ ที่ตรงตามบริษัทต้องการโดยตรงมากกว่าการมาฝึกหรือมาพัฒนาทักษะทีหลัง เพราะพวกเขามองว่าคนกลุ่มนี้ต้องเข้ามาช่วยหรือพัฒนาองค์กรได้จริงและรวดเร็ว 

3. ผู้หญิงจะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานสูงขึ้น

หลังจากเกิดเหตุการณ์วิกฤตโรคระบาด พบว่าผู้หญิงหลายล้านคนลาออกจากงานและหลังจากนั้นไม่ถึง 3 ปี การจ้างงานของผู้หญิงก็พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 25 – 54 ปี มีอัตราการจ้างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปัจจุบันเทรนด์การทำงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีกำลังมาแรง ทำให้มีแนวโน้มว่าผู้หญิงจะจำเป็นต่อการทำงานในอนาคตมากยิ่งขึ้น

4. งานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมาแน่

อาชีพที่กำลังเป็นที่สนใจของตลาดแรงงานมากที่สุด คืองานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งในอนาคตงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีแนวโน้มการทำงานแบบ Blue-collar (คนทำงานที่ไม่ได้ทำในออฟฟิศ) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายจ้างเริ่มหันมาให้ความสนใจกับงานในข้อนี้มากขึ้น                   

5. นายจ้างและพนักงานจะมีความร่วมมือกันมากขึ้น

การจ้างงานในอนาคตมีแนวโน้มว่านายจ้างและพนักงานจะร่วมมือในการทำงานกันมากขึ้น เนื่องจากนายจ้างมองว่าพนักงานก็เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่ช่วยให้องค์กรเติบโตจริง ๆ  ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าพนักงานจะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเช่นเดียวกับนายจ้าง

6. ยุคแห่งธุรกิจ Startup

ใครที่กำลังวางแพลนจะสมัครงานหรือย้ายงาน สิ่งสำคัญที่ควรจะศึกษาเอาไว้ถ้าอยากได้งาน คือธุรกิจที่เกี่ยวกับ Startup ซึ่งในปี 2023 ได้เป็นปีแห่ง Main Street (ธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง) สาเหตุที่เราควรจะศึกษาเรื่องนี้ไว้ เพราะจะมีนายจ้างที่เริ่มอยากจะสร้างธุรกิจ Startup มากขึ้น ซึ่งเขาจะมองหาคนที่มีความสามารถ (คนที่โดนออกจากงานหรือคนที่กำลังหางาน) เป็นจำนวนมากมาช่วยในการพัฒนาบริษัทของพวกเขา 

7. องค์กรจะให้คุณค่าประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมากขึ้น            

การทำงานไม่จำเป็นต้องนั่งออฟฟิศอีกเสมอไป เพราะการทำงานแบบ Hybrid จะกลายเป็นเรื่องปกติ รวมถึงการทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from Home นายจ้างจะเริ่มให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ทำที่ไหนแล้วทำได้ดี นั่งทำงานที่ไหนแล้วมีสมาธิ ก็ให้นั่งทำที่นั่น เพียงแต่ต้องมีงานส่ง ซึ่งในปัจจุบันพนักงานหลายคนก็มองหารูปแบบการทำงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตัวเอง เพราะฉะนั้นองค์กรไหนที่มีการทำงานแบบ Hybrid หรือ Work from Home ก็อาจจะดึงดูดพนักงานได้มากกว่าองค์กรอื่น ๆ  

อ้างอิง : weforum

No comment