Redesign How We Work: ปรับตัวอย่างไรให้สำเร็จภายใต้การทำงานแบบ Hybrid Working | Techsauce
Redesign How We Work: ปรับตัวอย่างไรให้สำเร็จภายใต้การทำงานแบบ Hybrid Working

สิงหาคม 7, 2023 | By Connext Team

หลังจากผ่านช่วงการเกิดวิกฤตของโรคระบาดมาส่งผลให้การดำเนินชีวิตของหลายคนเปลี่ยนไป จากการทำงานที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน กลายมาเป็นการทำงานในรูปแบบ Hybrid แล้วเราจะปรับตัวการทำงานอย่างไรให้การทำงานแบบ Hybrid Working ประสบความสำเร็จทั้งตัวองค์กร และคนทำงานเอง 

Redesign How We Work: ปรับตัวอย่างไรให้สำเร็จภายใต้การทำงานแบบ Hybrid Working

วันนี้ ConNEXT ได้สรุป Tech ConNEXT Talk ในหัวข้อ  “Redesign How We Work: ปรับตัวอย่างไรให้สำเร็จภายใต้การทำงานแบบ Hybrid Working” นำโดย คุณสุรีย์พร หล่อพงศ์ไพบูลย์ Bangkok Site Lead and Development Director, คุณกุลภา มกราภิรมย์ Senior Manager, People Services Lead, Thailand & Vietnam และคุณณัฐพล หัตถกุลโกวิท Development Manager จาก LSEG 

ที่มาแบ่งปันข้อมูล Insight ดี ๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานจากองค์กรระดับโลก ภายในงาน Tech ConNEXT Job Fair 2023 ไว้ให้คุณในบทความนี้แล้ว

LSEG คือธุรกิจอะไร?

LSEG (London Stock Exchange Group) คือผู้ให้บริการข้อมูลและเทคโนโลยีทางการเงินและการจัดการความเสี่ยงระดับโลก มีพนักงาน 24,000 คนใน 70 ประเทศ สำนักงานในประเทศไทยเป็นหนึ่งใน Strategic Technology Center ของ LSEG ที่พัฒนาเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ด้านการเงินซึ่งใช้งานโดยนักลงทุน สถาบันการเงิน และบริษัทชั้นนำในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก

การทำงานแบบ Hybrid คืออะไร 

หลัก ๆ การทำงานแบบ Hybrid จะเป็นเรื่องของ Flexibility หรือความยืดหยุ่นในการทำงาน ให้เรามีชีวิตที่ออกแบบเองได้ทั้งเวลาการทำงาน รูปแบบการทำงาน หรือแม้แต่ชีวิตส่วนตัว คุณสุรีย์พรกล่าว

คุณกุลภา เสริมว่า พอเราอยู่ในยุคที่เปลี่ยนการทำงานเป็น Hybrid มันก็มาพร้อมกับความตื่นเต้นและโอกาสต่าง ๆ ที่เราต้องเร่งปรับตัวและเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ ต้องปรับสมดุลชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวให้ได้ แต่สิ่งสำคัญเราจะหาจุดสมดุลตรงนี้อย่างไรให้ตรงนี้เป็นประโยชน์กับเรามากที่สุด 

คุณณัฐพล กล่าวว่า อย่างที่ผ่านมา Covid-19 ส่งผลทำให้เราต้องทำงานที่บ้าน ทำให้มีรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid เข้ามา จริง ๆ การที่เรายอมรับและเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เร็ว 

จุดเริ่มต้นของการทำงานในรูปแบบ Hybrid ในองค์กรระดับโลกอย่าง LSEG

คุณสุรีย์พร กล่าวว่า เมื่อก่อนบริษัทของเรามีนโนบายให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศแบบปกติ มีสลับกับการทำงานในรูปแบบ Remote Work บ้างเป็นบางครั้ง เนื่องจาก LSEG ต้องให้บริการข้อมูลด้านการเงินกับลูกค้าทั่วโลกอยู่ตลอด พนักงานของเราจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับการทำงานแบบ Remote Work ตั้งแต่ตอนนั้น 

พอเกิดวิกฤตโรคระบาด องค์กรจึงมีความจำเป็นต้องปิดออฟฟิศเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยให้พนักงานทุกคนทำงานจากที่บ้าน ซึ่งหลังจากที่โรคระบาดเริ่มลดลง LSEG ได้กลับมาเปิดออฟฟิศเหมือนเดิมในช่วงปี 2022 และปรับเป็นการทำงานให้เป็นในรูปแบบ Hybrid เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนทำงานในปัจจุบัน

วิธีการเลือกวันเข้าออฟฟิศของพนักงาน

คุณสุรีย์พร กล่าวว่า อันดับแรกเราต้องสื่อสารกับพนักงานก่อนว่าเราจะเริ่มทำงานแบบ Hybrid เพื่อให้พนักงานได้เตรียมตัว แต่ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับทีมว่าสะดวกกันวันไหนมากกว่า  

คุณณัฐพล เสริมว่า ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ทีมว่าตกลงกันอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าการทำงานที่ออฟฟิศก็ยังคงมีความสำคัญอยู่ เพราะมันจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ของคนในทีมมากขึ้นกว่าการทำงานอยู่บ้าน 

Support Program ในช่วงที่พนักงานต้องทำงานอยู่ที่บ้าน

ทางบริษัทของเราจะมีเงินสนับสนุนพนักงานในการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือการทำงาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ แล็ปท็อป หรือจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีชมรมและกิจกรรมต่าง ๆ ให้พนักงานได้พัฒนาเรื่องของการสื่อสาร วิธีการทำงานร่วมกับคนต่างชาติ และการทำงานกับ Stakeholders เพื่อให้พนักงานได้ฝึก Soft Skills ไปในตัว

LSEG เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ต้องทำงานกับหลายประเทศ การทำงานที่มีไทม์โซนแตกต่างกัน ส่งผลอย่างไรต่อการทำงานในรูปแบบ Hybrid

คุณกุลภา เล่าว่า ทาง LSEG ค่อนข้างที่จะยืดหยุ่นเวลาในการทำงานตั้งแต่ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Hybrid อยู่แล้ว หากใครที่ต้องมีคุยงานตอนดึกกับประเทศอื่น วันรุ่งขึ้นสามารถจัดการเวลาของตัวเอง LSEG จะใช้นโยบายว่าเราเข้าใจพนักงาน สามารถให้พนักงานจัดการตารางเวลาของตัวเองได้เลย

คุณณัฐพล กล่าวเสริมว่า การทำงานต่างไทม์โซนเราจำเป็นต้องพูดคุยกันและตกลงกัน ไม่จำเป็นต้องทำงานตอนดึก เพื่อซัพพอร์ตไทม์โซนของฝั่งยุโรป หรืออเมริกาตลอดเวลา แต่เราอาจมีการสลับกันว่าวันนี้เราอยู่ดึก อีกวันนึงฝั่งยุโรปต้องตื่นเช้าแบบนี้มากกว่า

Challenge ที่ต้องเผชิญกับแนวทางการรับมือกับการทำงานแบบ Hybrid คืออะไร 

คุณกุลภา เล่าว่า การทำงานในรูปแบบ Hybrid จำเป็นต้องเข้าทำงานที่ออฟฟิศสลับกับที่บ้าน ซึ่งเวลาทำงานที่บ้านหลายคนจะรู้สึกว่า Burnout เร็วกว่าปกติ ทาง LSEG จึงมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้พนักงานทำเพื่อพักจากการทำงาน ในช่วงที่หลายบริษัทให้พนักงาน Work Form Home เราก็มีชมรมให้พนักงานมาทำร่วมกันในรูปแบบออนไลน์ โดยเราจะมีเวลาช่วงนึงให้พนักงานสามารถไปทำอย่างอื่นได้ เพราะต้องบอกว่าการทำงานอยู่บ้าน ปัญหาหลัก ๆ คือ ทุกคนไม่มีเวลาช่วงพักเบรกแบบจริง ๆ หลายคนจะทำงานยาวจนกว่าจะเลิกงานแล้วพักทีเดียวก็มี ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ ทาง LSEG จึงได้หาเวลาสักช่วงหนึ่งให้คุณไปทำงานอดิเรกที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากงาน

ถ้าเราต้องไปทำงานกับบริษัทที่มีระบบการทำงานแบบ Hybrid ต้องเตรียมตัวอย่างไร? 

คุณกุลภา กล่าวว่า การทำงานในรูปแบบ Hybrid ค่อนข้างแตกต่างจากการทำงานในสมัยก่อน เราแทบจะไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมงานเลยด้วยซ้ำ แถมมีความยากในสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานด้วยกันเองอีก

กลุ่มคนที่จะเจอปัญหาในการทำงานแบบ Hybrid มีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ 

  1. กลุ่มหัวหน้างาน เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องดูแลพนักงาน ซึ่งพอเป็นการทำงานในรูปแบบนี้ทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง แล้วเราจะทำอย่างไรให้แต่ละทีมมีทีมเวิร์กที่ดี? คำแนะนำคือต้องเสริมกิจกรรมที่จะเข้าไปช่วยให้เราได้พูดคุยกันเยอะขึ้น 
  2. กลุ่ม  Early Career  หรือ น้อง ๆ จบใหม่ เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเราทำงานกันอย่างไร และบางเวลาที่ติดขัดอะไรเราอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันที เพราะฉะนั้นการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ อยากแนะนำให้น้องใหม่ในทุก ๆ องค์กรคุยเยอะ ๆ ถามเยอะ ๆ เพราะการทำงานแบบ Hybrid อาจทำให้เราไม่สามารถเจอกันได้ตลอดเวลา 

คุณณัฐพล กล่าวว่า สำหรับน้องจบใหม่ ที่อยากทำงานกับองค์กรระดับโลก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีการสื่อสารที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษาอังกฤษ หรือการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเองก็ตาม เพราะเราต้องเจอกับผู้คนที่หลากหลายขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก และสิ่งนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราทำงานได้ราบรื่นอีกด้วย

LSEG กับเคล็ด(ไม่)ลับ วิธีรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรในระยะยาว

คุณสุรีย์พร กล่าวว่า ที่ LSEG เราให้ความสำคัญกับบุคคลากรมาเป็นอันดับแรก เราเชื่อว่าถ้พนักงานมีความสุขในการทำงาน เขาจะอยากมาทำงานทุกวัน หัวใจสำคัญที่จะทำให้พนักงานอยู่กับองค์กรได้เป็นเวลานาน คือ 

  1. องค์กรให้ความสำคัญกับความสุขของคนทำงาน 
  2. ทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท 
  3. บริษัทที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือ Safe Zone ให้พนักงานแสดงความคิดเห็นได้ 

ทาง LSEG จะมีระบบ Employee Feedback Survey ให้กับพนักงานของเราทุกปี เพื่อที่จะดูฟีดแบ็กของพนักงานเพื่อให้เราเอามาปรับใช้ และวิธีนี้มันจะช่วยสร้างแนวทาง ให้องค์กรปรับเปลี่ยน เกิด Feedback Loop ที่ส่งเสียงของคนในองค์กรไปถึงผู้บริหารได้ คุณสุรีย์พร กล่าว

คุณกุลภา กล่าวเสริมว่า บริษัทจะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับคนของเรา ไม่ใช่แค่เราคนเดียว เราพยายามสร้างความรู้สึกว่าบริษัทเป็นเหมือนบริษัทของคุณและเป็นของพนักงานทุกคน 

ทำอย่างไรให้พนักงานรู้สึกว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่เหมือนเป็น Safe Zone 

คุณสุรีย์พร กล่าวว่า แท้จริงแล้ว มันขึ้นอยู่กับแต่ละทีมด้วยว่ามีการทำงานร่วมกันอย่างไร หัวหน้ารับฟังเราหรือไม่? หรือเปิดรับเรามากแค่ไหน? สิ่งสำคัญเราต้องเน้นเรื่องของการทำงานร่วมกันเป็นหลัก สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ไอเดียหรือความคิดเห็นเราเหล่านั้นจะถูกรับฟังเสมอ ซึ่งนั้นจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรไปด้วย 

คุณณัฐพล กล่าวว่า นอกจากนั้น อาจจะต้องเน้นการทำงานแบบ Professionalism in the Workplace ไม่ใช่การทำงานแบบครอบครัว โดยมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน มีการซัพพอร์ตพนักงาน เช่น อย่าง LSEG จะมีระบบ Buddy เพื่อช่วยไกด์แนวทางในการทำงานให้กับพนักงานใหม่ และมีระบบ Job Shadow ที่คุณสามารถไปเรียนรู้หรือไปลองทำในสายงานอื่น ๆ ได้ และหากคุณพบว่าตัวเองถนัดงานนั้นมากกว่า คุณสามารถเปลี่ยนสายงานไปทำงานนั้นได้เช่นกัน คุณณัฐพล กล่าวเสริม 

หากอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานในรูปแบบ Hybrid Work ช่วยให้เรามีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถเลือกเวลาเข้าทำงานเองได้ แต่ในทางกลับกันอาจทำให้คุณมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานน้อยลง แม้การทำงานแบบ Hybrid อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราก็ควรต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เราทำงานได้ราบรื่นขึ้น

คนที่สนใจร่วมงานกับ LSEG  สามารถที่ดูตำแหน่งงานได้ที่  Bangkok, Thailand | Where We Work | LSEG

No comment