FOMO: Fear of Missing Out ความรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป เมื่อรู้ว่าคนอื่นมีความสุขกับชีวิตมากกว่าที่เรามี | Techsauce
FOMO: Fear of Missing Out ความรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป เมื่อรู้ว่าคนอื่นมีความสุขกับชีวิตมากกว่าที่เรามี

สิงหาคม 30, 2021 | By Connext Team

‘เอ๊ะ นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ?’ (เปิดสมาร์ทโฟนพร้อมกับไถฟีดบนโซเชียลมีเดีย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะปิดเครื่องไปเมื่อ 5 นาทีก่อน)

เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะพลาดเรื่องราวอะไรบางอย่าง เรามักจะเริ่มใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อความสบายใจที่รู้ว่า ‘อย่างน้อยชั้นก็รู้ทุกอย่างที่คนอื่นรู้’ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวเหล่านั้น เป็นเรื่องของความสุขของคนรอบตัว ที่เราเองก็อยากได้อยากมีอย่างเขาบ้าง 

นั่นทำให้เราเริ่มเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับภาพสวยงามบนโลกโซเชียลมีเดียเหล่านั้น เพื่อที่จะได้ทำตาม จนกลายเป็นการเสพติดการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตมากจนเกินไป แล้วทีนี้เราจะหลุดออกจากกับดักของ FOMO: Fear of Missing Out ได้ไหมนะ?

FOMO: Fear of Missing Out คือ อะไร?

‘คือ ความรู้สึกกลัวและวิตกกังวลว่า เรากำลังจะพลาดเรื่องราวหรือเทรนด์อะไรบางอย่างที่ทุกคนรู้ไป ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารบ้านเมือง เทรนด์ที่คนกำลังให้ความสนใจ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวดี ๆ ของคนรอบข้างที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้มาก่อน แต่กลับเห็นโพสต์อัพเดทจากโซเชียลมีเดีย’

เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะพลาดเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นรอบตัว นั่นทำให้เราเริ่มเสพติดการใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อความสบายใจที่รู้ว่า ‘อย่างน้อยชั้นก็รู้ทุกอย่างที่คนอื่นรู้’ แต่เอาเข้าจริง ๆ เราจะรู้สึกสบายใจได้จริงเหรอ ที่ต้องวิ่งไล่ตามหาเรื่องราวเหล่านั้นแบบไม่คลาดสายตาน่ะ?

FOMO: ความรู้สึกกลัวว่าคนอื่นจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าที่เรามี

บางครั้ง เราอาจจะรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ของเราช่างไม่มีความสุขเอาซะเลย ไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ นั่นทำให้เราเริ่มสงสัยว่า แล้วคนอื่นรอบตัวมีใครที่กำลังเผชิญสภาวะแบบเดียวกันไหมนะ? อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกอุ่นใจว่า เราไม่ได้เผชิญกับชะตาชีวิตที่แสนโหดร้ายไปคนเดียว

เมื่อถึงเวลานั้น โซเชียลมีเดียจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการค้นหาความสุขจากการรับรู้เรื่องทุกข์ของคนอื่น

จากการศึกษาพบว่า คนที่รู้สึกไม่มีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ มีแนวโน้มที่จะมีอาการ Fear of Missing Out (FOMO) มากกว่า คนที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับการเสพติดโซเชียลมีเดียที่มากขึ้นทวีคูณ ในการติดตามเรื่องราวความเป็นไปของคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสบายใจ   

แต่ความรู้สึกกลัวว่า ‘คนอื่นจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่า’ จะไม่รุนแรงขึ้นอีกเหรอ? ถ้าหากเราดันไปเห็นคนอื่นที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากกว่าบนโลกโซเชียลมีเดีย

FOMO: ก็รู้นะว่า โลกที่เห็นบน Facebook มันสวยงามกว่าความเป็นจริง แต่ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้อยู่ดี

ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่า สิ่งที่เราเห็นบนโลกของ Facebook หรือโซเชียลมีเดียอะไรก็ตาม เป็นเพียงภาพลวงตาที่ทุกคนหันเอาด้านที่ดีที่สุดมาให้คนอื่นเห็น เหมือนกันกับเวลาที่เราตั้งใจถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ต่อให้เราเหนื่อยร้อนจะเป็นจะตาย ในรูปเราก็ต้องปั่นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อให้รูปออกมาสวยที่สุดนั่นแหละ

แต่ถึงจะรู้แบบนั้น จากการศึกษาพบว่า เราก็อดที่จะเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับภาพลวงตาที่เราเห็นบนโลกโซเชียลมีเดียเหล่านั้นไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อภาพเหล่านั้นมันสวยงามเหมือนที่เราฝันไว้ จนเป็นผลให้เราสูญเสียความมั่นใจในตัวเองหนักกว่าเดิม ที่ไม่สามารถมีชีวิตที่สวยงามแบบนั้นได้

และนั่นยิ่งทำให้เราหมกมุ่นกับการตามหาเรื่องราวแย่ ๆ ของคนอื่น เพื่อปลอบใจตัวเองซ้ำ ๆ พร้อมกับพยายามตัดต่อส่วนที่ดีที่สุดของชีวิตมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียให้คนอื่นรับรู้ เพื่อเรียกความมั่นใจที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เรากำลังจะติดกับดักของ Fear of Missing Out (FOMO) ในอีกไม่กี่เสี้ยววินาทีนี้แล้ว

FOMO: เตือนภัยก่อนที่จะติดกับดัก Fear of Missing Out จนถอนตัวไม่ขึ้น

#1 จะค้นพบ ‘ความสุข’ ในชีวิตได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสนใจกับอะไรในชีวิต

เมื่อติดกับดัก Fear of Missing Out เรามักจะปิดตัวเองออกจากโลกความเป็นจริง และโลดแล่นอยู่แต่ในโลกของ Facebook และโซเชียลมีเดีย เพื่อค้นหาความสุขจากการรับรู้เรื่องทุกข์ของคนอื่น จนลืมไปว่า มันเป็นแค่ภาพลวงตาที่ทุกคนสร้างขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นความจริงสักอย่าง

เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณต้องทำ คือ ก้าวออกมาจากโลกจำลองนั่นซะ และกลับมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงที่ควรจะเป็น ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องกวาด Facebook และโซเชียลมีเดียลงถังขยะไปหรอกนะ เพียงแต่เราก็ต้องระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งที่เห็นทั้งหมดไม่ใช่ความจริง อย่าเก็บเอาเรื่องราวของคนอื่นมาใส่ใจให้มาก เพราะ สุดท้ายแล้ว สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจมากที่สุด คือ ‘ด้านดีของตัวคุณเองในชีวิตจริง’ 

 #2 มองหาด้านดีของตัวคุณเองในชีวิตจริง และขอบคุณสิ่งเหล่านั้นที่เข้ามาในชีวิต

ลองพิจารณาดูว่าชีวิตของเราตอนนี้ มีอะไรที่ทำให้เรามีความสุขบ้าง? อาจจะเป็นเรื่องเพื่อน ครอบครัว หรือสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตที่ทำให้คุณยิ้มได้ในวันที่มีน้ำตา จากนั้น ลองนึกถึงคนอื่นที่ไม่มีในสิ่งที่เรามีดู เช่น ไม่ว่าเราจะทุกข์จากเรื่องอะไรมาก็ตาม เราก็ยังคงมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตเราอยู่เสมอ เป็นต้น 

สุดท้ายเราก็จะได้รู้ว่า เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เรามีสิ่งเหล่านี้ในชีวิต สิ่งที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ในวันที่เหนื่อยล้า และเมื่อเราพึงพอใจกับชีวิตในแบบที่เราเป็นอยู่แล้ว ความกลัวที่จะพลาดเรื่องราวชีวิตของคนอื่นทั้งดีและร้ายในโลกโซเชียลมีเดียก็จะหายไปตลอดกาล

อ้างอิง: Time

No comment