ทำอย่างไรให้ Real Size Beauty เกิดขึ้นได้ในสังคม? เพราะทุกคนควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ | Techsauce
ทำอย่างไรให้ Real Size Beauty เกิดขึ้นได้ในสังคม? เพราะทุกคนควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ

ธันวาคม 13, 2021 | By Siramol Jiraporn

จากการประกวด Miss Universe Thailand 2021 ช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Real Size Beauty เป็นแคมเปญที่ถูกขับเคลื่อนโดย แอนชิลี สก็อต เคมมิส ว่าด้วยเรื่องการก้าวข้ามค่านิยมความงามที่ถูกสังคมกำหนดไว้

ทำอย่างไรให้ Real Size Beauty เกิดขึ้นได้ในสังคม?

หลายคนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดียเพื่อติดต่อสื่อสาร ดูภาพถ่าย หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เราสนุกและดูเหมือนไม่มีอันตรายใดๆ แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้เกิด Body shaming ขึ้น

Body shaming คืออะไร?

Body shaming คือการดูหมิ่นร่างกายผู้อื่น ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นทางลบเกี่ยวกับน้ำหนักหรือขนาดรูปร่างของผู้อื่น และไม่ใช่แค่ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเท่านั้นที่เผชิญกับเรื่องนี้ แต่ยังรวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์คนที่ดูผอมเกินไปอีกด้วย 

Body shaming เป็นที่แพร่หลายในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ การพูดคุยกับเพื่อนๆ บนโซเชียลมีเดีย และบางครั้งก็ถูกนำไปใช้เป็นมุกขำๆ ในรายการตลก

การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของผู้อื่นอย่างเช่น การที่ผู้คนแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลว่า ดาราคนนั้นแต่งตัวดีหรือไม่ดี การโดนวิจารณ์เมื่อไม่แต่งหน้า หรือเมื่อน้ำหนักขึ้นหรือผอมลง

ไม่มีใครสมควรถูกคนอื่นทำให้รู้สึกแย่เกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง เพราะโดยปกติผู้คนส่วนใหญ่ก็มักชอบวิจารณ์รูปร่างของตัวเองอยู่แล้ว และผลที่ตามมาของ Body shaming ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิจากตนเองหรือผู้อื่น จะสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้

ทำไม Body shaming ถึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอีกต่อไป?

การวิจัยพบว่า Body shaming จะนำไปสู่ปัญหาการกินได้ ตัวอย่างเช่น ‘Fat shaming’ อาจทำให้คนนั้นกินมากขึ้นและน้ำหนักเพิ่มขึ้น ในอีกด้านหนึ่งคนที่ถูกมองว่าผอมเกินไป ก็อาจเริ่มกินน้อยลงเพราะความเครียด

นอกจากนี้ Body shaming ไม่ใช่แค่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต แต่ยังนำไปสู่ Body discrimination

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียพบว่า คนอ้วนถูกมองว่าเป็น “คนขี้เกียจ ไม่มั่นคงทางอารมณ์ ไม่มีวินัยในตนเอง และมีความสามารถน้อยกว่า” 

นอกจากนี้ยังพบว่า การเลือกปฏิบัติจะสูงขึ้นกับคนที่มีดัชนีมวลกายสูง คนอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินถูกมองว่าขาดการควบคุมตนเอง ซึ่งแปลว่าขาดทักษะความเป็นผู้นำที่ดี 

ส่งผลให้มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งน้อยหรือในบางครั้งอาจไม่ได้รับการว่าจ้างตั้งแต่แรก และพนักงานที่เป็นโรคอ้วนบางคนได้อ้างว่าถูกเลิกจ้างและถูกพักงานเนื่องจากน้ำหนักตัว

Rebecca Pearl นักจิตวิทยาและผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียกล่าวว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มโดนเหมารวมและพบเจอกับการเลือกปฏิบัติมากกว่าผู้ชาย สาเหตุหนึ่งมาจากรูปร่างที่น่าดึงดูดใจของผู้หญิงส่งผลต่ออาชีพการงานมากกว่า 

ทำอย่างไรถึงจะหยุดวงจร Body shaming ได้?

เราไม่สามารถควบคุมความคิดและการกระทำของผู้อื่นได้ แต่เราสามารถหยุดตัวเองจากการเข้าสู่วงจรอุบาทว์นี้ได้

1. หยุด Body shaming ตัวเอง

ทุกคนมีวันและเวลาที่รู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง ลองพยายามยอมรับว่าเราเป็นใครให้มากกว่าการประณามตัวเอง เมื่อรอบตัวรายล้อมไปด้วยคนที่พูดคร่ำครวญถึงแต่รูปร่างหน้าตาของตัวเอง ให้เดินออกมาและทำอย่างอื่นที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง

2. หยุด Body shaming ผู้อื่น

เราอาจเคย Body shaming ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้คือ หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นเชิงลบทั้งหมดต่อผู้อื่น เช่น เปลี่ยนคำทักทายจากคำว่า “อ้วนขึ้นหรือเปล่า” เป็น “สบายดีไหม” แทน

ไม่ว่าใครก็ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ เพราะทุกคนมีความสวยในรูปแบบของตัวเอง จงภูมิใจในสัดส่วนรูปร่างของตนเอง และไม่ควรดูหมิ่นรูปร่างของผู้อื่น เพื่อให้ Real Size Beauty เกิดขึ้นจริงในสังคม โดยการทลายกรอบมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ ที่ไม่ควรมีใครมากำหนดไว้ตั้งแต่แรก

ที่มา: CNN, Forbes, Life Works Community


No comment