จะทำอย่างไร เมื่อรู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น | Techsauce
จะทำอย่างไร เมื่อรู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น

สิงหาคม 24, 2022 | By Connext Team

เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตตัวเองดำเนินไปอย่างรวดเร็ว มองไปก็เห็นคนในวัยเดียวกันประสบความสำเร็จ จนรู้สึกว่าตัวเองตามคนอื่นไม่ทัน เช่น เห็นเพื่อนหลายคนไปเรียนต่างประเทศ แล้วรู้สึกมีความสุขและภูมิใจในตัวเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจกับตัวเองเพราะนั่นก็เป็นหนึ่งในความฝันของเราเหมือนกัน

แน่นอนว่าคุณก็อาจจะเคยรู้สึกแบบนั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วเรื่องเงิน ความสำเร็จ และไลฟ์สไตล์มักจะทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เช่น เมื่อเข้า YouTube จะเห็นคลิปคนอายุ 18 ทำรายได้ 100,000 บาทต่อเดือน หรือเห็นคนอายุเท่าๆ กัน อาศัยอยู่ในคอนโดหรูๆ ลงสตอรี่ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ 

ความสำเร็จ

บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องราวข้างต้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เช่น อาจจะคิดว่าเขากำลังใช้เงินพ่อแม่หรือแฟน หากคุณมีความคิดเหล่านี้อยู่ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองที่มีต่อคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะความคิดนี้เกิดความมั่นคงของคุณที่แสดงออกมา เนื่องจากคุณคิดว่าคุณไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้นและไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้ คุณจึงคิดว่ามันต้องเป็นเงินพ่อแม่ หรือเป็นเรื่องโกหก หลอกลวงแน่ๆ

ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ ปรับเปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับตัวเอง ถ้าคุณบอกตัวเองว่าคุณจะไม่รวย คุณก็จะไม่รวย เพราะความเชื่อเป็นตัวกำหนดตัวตนของเรา

ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น

ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่ทุกคนทำ จนทำให้ตัวเองรู้สึกตามไม่ทันคนอื่นคือ การนับชีวิตตัวเองตั้งแต่เกิด แล้วนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตคนรวยๆ ยูทูปเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือใครก็ตามที่อายุพอๆ กัน แต่จริงๆ แล้วชีวิตเราเริ่มตอนที่ทำงานที่สำคัญๆ กับเราเท่านั้น

อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ คือ สมมติเปรียบเทียบกับคุณที่อายุ 21 ปี กับ Iman Gadzhi ที่เป็นมหาเศรษฐีอายุ 22 ปี 

Iman เกิดในรัสเซียและต้องอยู่กับความยากจน ใช้เวลาส่วนใหญ่กับคุณยาย ส่วนแม่ของเขาต้องทำงานสามงานเพื่อเลี้ยงดูเขา อยู่มาวันหนึ่งแม่ของเขาแต่งงานใหม่กับคนลอนดอน ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่หลังจากนั้นแม่กับพ่อเลี้ยงก็แยกทางกัน เขาต้องเจอกับภาระใหญ่ๆ ในวัย 14 ปี นั่นคือการดูแลตัวเองและแม่

เมื่ออายุ 15 ปี Iman เริ่มทำธุรกิจแรกเป็นของตัวเอง โดยการซื้อและขายบัญชี Instagram และมีครั้งหนึ่งที่เขาตัดสินใจผิดพลาด จนสูญเสียทุกอย่างไปกับการลงทุน

ต่อมาอายุ 16 ปี เขาผันตัวมาเป็นเทรนเนอร์ประจำตัวเพื่อน ได้เงินเดือนละ 200-300 ปอนด์ อีกทั้งยังเล่นฟุตบอลกึ่งอาชีพ แล้วรู้สึกว่าช่องของสโมสรตัวเองมีการจัดการที่ไม่ดี เขาจึงรับหน้าที่จัดการดูแลคอนเทนต์ของช่อง ซึ่งได้เงินประมาณ 300 ปอนด์ต่อเดือน เรียกได้ว่าสโมสรฟุตบอลนี้เป็นลูกค้ารายแรกของเขา

หลังจากนั้นเขาก็พยายามหาลูกค้ารายต่อๆ ไป จนได้ลูกค้ารายที่สองที่ยอมจ่าย 1,900 ปอนด์ต่อเดือน และนี่คือจุดเปลี่ยนของเขา ต่อมาเขาก็ได้ลูกค้ารายที่สามด้วยเงิน 1,500 ปอนด์ต่อเดือน และได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาอายุ 22 ปี และได้กลายมาเป็นเศรษฐีเงิน 10 ล้านเหรียญ+

สิ่งสำคัญที่ทำให้ Iman มาถึงจุดนี้ได้ เพราะก่อนที่จะมาเป็นเศรษฐีเขาอ่านหนังสือเยอะมากๆ เพื่อพัฒนาตัวเองมากกว่าอ่านเพื่อความบันเทิง และนั่นคือสิ่งที่คนประสบความสำเร็จทุกคนทำ เช่น Bill Gates ที่อ่านหนังสือหนึ่งเล่มต่อสัปดาห์ และ Mark Cuban ที่อ่าน 3 ชั่วโมงต่อวัน

ความสำเร็จไม่ได้ใช้เวลาแค่สั้นๆ แล้วจะไปถึง

จากเรื่องราวข้างต้น จะเห็นได้ว่า ถ้านับจากลูกค้ารายแรก เขาใช้เวลา 6 ปีในการโฟกัสกับธุรกิจที่เขาทำ ดังนั้นเปรียบได้ว่า Iman มีอายุ 6 ปี และหากสมมติว่าคุณเริ่มพัฒนาตนเองเมื่ออายุ 21 ปี ซึ่งเป็นอายุปัจจุบันในขณะนี้ คุณก็เปรียบเสมือนเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา ดังนั้น คุณคิดว่าการเปรียบเทียบทารกกับเด็กอายุ 6 ขวบเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหรือไม่? ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบว่า ใครอ่านหนังสือมากกว่า? ใครอดทนต่อความล้มเหลวได้มากกว่า? ใครได้ลองอะไรได้มากกว่า? 

การเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่าก็เหมือนกับ หากเราอยู่ในการวิ่งมาราธอน ตอนเขาเริ่มวิ่งไปแล้ว เรายังไม่ได้อยู่ตรงจุดเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังไปไม่ถึงไหนสักที 

การปรับเปลี่ยนความคิดจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและไม่ผิดหวังกับตัวเอง เพราะคุณจะเข้าใจว่า คนอื่นๆ เขาพยายามมานานมากแล้ว เขาจึงสมควรได้รับมัน ในขณะที่คุณเพิ่งจะเริ่มทำอะไรจริงจัง “คุณไม่ได้ตามคนอื่นไม่ทัน คุณแค่อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ณ ตอนนี้แล้ว”

อย่าเปรียบเทียบบทที่ 1 ของคุณกับบทที่ 20 ของคนอื่น

หากมองในแง่ดีแล้ว การที่คุณรู้สึกว่าชีวิตของคุณไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นแสดงว่าคุณใส่ใจอนาคตของตัวเอง ซึ่งจะช่วยปลุกไฟในการทำงานให้กับคุณได้ ดังนั้น ไม่ว่าตอนนี้เป้าหมายของคุณคืออะไร คุณจะต้องทำงานหนักมากแน่ๆ กว่าจะไปถึงจุดที่คุณต้องการ แต่สุดท้ายแล้วมันจะคุ้มค่าต่อความพยายามของคุณ

อ้างอิง Medium

No comment