
เรากำลังเปลี่ยนจากการเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี มาเป็นผู้สร้าง
คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ออกมาประกาศถึงทิศทางของ Microsoft ในปีงบประมาณ 2026 (FY26) กับภารกิจที่ยกระดับองค์กรไทยสู่การเป็น Fontier Firms เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เปลี่ยนจากสถานะจากผู้ใช้เทคโนโลยี ไปสู่ผู้สร้างนวัตกรรม

คุณธนวัฒน์ นิยาม Frontier Firm ด้วยคำจำกัดความง่ายๆ ว่า คือองค์กรที่นำ AI ไปฝังในกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ สร้างนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน รวมถึงเสริมพลังให้กับพนักงาน
ภาพที่ชัดเจนที่สุดคือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ และ AI Agent ที่เปรียบเสมือนพนักงานใหม่ระดับหัวกะทิ หรือมีผู้ช่วยระดับ PhD ที่อยู่ข้างเราตลอดเวลา อย่างเช่นโมเดล AI อย่าง GPT-5 ที่จะเข้ามาเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและผู้ช่วยคนสำคัญ ซึ่งจะเข้ามาแก้ปัญหาใหญ่ของไทยในเรื่องสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) และการขาดแคลนแรงงานได้อย่างตรงจุด
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น Microsoft ได้วางกลยุทธ์หลัก 4 ด้านที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนคือ Elevate, Enable, Govern และ Secure
เป้าหมายของ Microsoft คือการทำให้คนไม่เพียงแต่รู้จัก AI แต่ต้องสร้างเป็น และนำไปสร้าง Impact ได้จริง โดยจะมุ่งเน้นไปที่ 3 กลุ่มหลักที่จะสร้างแรงกระเพื่อมได้มหาศาล เช่น ในภาคการศึกษา ที่มีการทำงานร่วมกับ สสวท. และ สพฐ. เพื่ออบรรมครูและอาจารย์ ให้นำ AI ไปสร้างสื่อการสอนและแผนการเรียนรู้ยุคใหม่
หรือในภาคแรงงาน ที่ร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อ Reskill และ Upskill กลุ่มแรงงาน รวมถึงกลุ่มที่ Early Retire ให้สามารถใช้ AI สร้างอาชีพใหม่หรือต่อยอดความสามารถเดิมได้
Microsoft กำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้สร้างซอฟต์แวร์สู่การเป็น Software Factory ให้กับทุกองค์กร เปิดประตูให้ทุกคนสามารถสร้าง AI Agent ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานทั่วไปหรือนักพัฒนามืออาชีพ ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง อย่างเช่น
แน่นอนว่า AI ที่ดีต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ซึ่ง Microsoft ก็ให้ความสำคัญกับกรอบการใช้งาน AI อนน่างมีจริยธรรมทั้งในเรื่องความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว และความรับผิดชอบ โดยได้ทำโปรเจ็กต์ National AI Innovation Center ร่วมกับ BDI เพื่อสร้าง Sandbox ให้กับภาครัฐและ SME ได้เข้ามาทดลองใช้ และสร้าง Use Case ใหม่ๆ
Microsoft จะใช้หลักการ Secure by Design, Secure by Default และ Secure Operations เพื่อให้มันใจว่าทุกผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึง AI ถูกพัฒนาขึ้นบนรากฐานของความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง
คุณธนวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างการนำ AI ไปใช้เพื่อปลดล็อกความท้าทายระดับประเทศคือความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการใช้ AI ช่วยเทียบเคียงกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับ กับข้อบังคับของ OECD อีก 276 ฉบับ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย
นับว่าเป็นการย่นระยะเวลางานที่โดยปกติต้องใช้คนทำถึง 3-5 ปี แต่ด้วย AI ทำให้สามารถจบงานนี้ได้ภายในเวลา 6 เดือนเท่านั้น
ภารกิจของ Microsoft ในปีนี้ จึงไม่ใช่แค่การขายเทคโนโลยี แต่คือการวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศ พร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยและ องค์กรไทย กลายเป็น Frontier Firm ที่พร้อมจะแข่งขันและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในยุคที่ AI คือหัวใจสำคัญของการเติบโต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด