ถ้าอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ต้องมี 10 Soft Skill เหล่านี้ | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
ถ้าอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ต้องมี 10 Soft Skill เหล่านี้
By Connext Team สิงหาคม 23, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

หลายคนคงคุ้นหูหรือรู้จัก Soft Skill เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ต้องทำเรซูเม่เพื่อยื่นสมัครงาน เพราะจะต้องระบุว่าเรามี Hard Skill และ Soft Skill อะไรบ้างเพื่อให้ HR นำไปพิจารณาก่อนที่จะรับเข้าทำงาน โดย Soft Skill คือ ทักษะที่ช่วยให้เราสามารถทำงานและสื่อสารกับผู้อื่นได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งขาดไม่ได้ในโลกการทำงานในปัจจุบัน

จากรายงานของ LinkedIn Global Talent Trends ระบุว่า 92% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความสามารถกล่าวว่า ในการจ้างพนักงานใหม่ Soft Skill มีความสำคัญเทียบเท่าหรือมากกว่า Hard Skill โดยการศึกษาเดียวกันนี้ยังเผยว่า 89% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าการที่พนักงานใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นเพราะว่าขาด Soft Skill 

Soft Skill

จริงอยู่ว่า Hard Skill มีความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นทักษะที่มีวันหมดอายุ เพราะการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องทำให้ทักษะนี้ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม Soft Skill ไม่มีวันหมดอายุ เพราะเป็นทักษะที่เชื่อมโยงกันและสามารถถ่ายทอดได้ วันนี้ทาง ConNEXT จึงอยากพาทุกคนมาดู 10 Soft Skill ที่ต้องมีถ้าอยากเติบโตในหน้าที่การงาน จะมีอะไรบ้างนั้นเรามาติดตามไปพร้อมๆ กันเลย

การปรับตัว (Adaptability)

การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมถือเป็นสิ่งที่ท้าทายแต่มีส่วนสำคัญที่ทำให้เราเติบโตในอาชีพการงาน การปรับตัวในที่ทำงานคือการที่เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทั้งในบทบาท กระบวนการ และสภาพแวดล้อม 

ไม่ว่าจะถูกจัดไปอยู่ในสถานการณ์ใด เป้าหมายของคุณคือต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ อย่ารอให้การเปลี่ยนแปลงวิ่งมาหาเอง ต้องคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น และลองคิดว่าคุณจะปรับตัวอย่างไร โดยการเปลี่ยนแปลงในที่นี้ยังรวมไปถึงการมีผู้จัดการคนใหม่ที่มีรูปแบบการทำงานแตกต่างจากคนเดิม หรือการที่คุณมีบทบาทและความรับผิดชอบเพิ่มเติมขึ้นมา 

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)

ความฉลาดทางอารมณ์คือความสามารถของบุคคลในการรับรู้ ประเมิน และควบคุมอารมณ์ของตนในขณะที่รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น นอกจากนี้เรายังเรียกความฉลาดทางอารมณ์ว่า EQ (Emotional Quotient) อีกด้วย คนที่มี EQ สูง จะเป็นคนที่คิดก่อนพูดและทำ คนเหล่านี้ฝึกการสะท้อนตนเอง (Self-Reflection) และเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างดี พวกเขาไม่ตัดสินใจในขณะที่โกรธ เมื่อรู้สึกวิตกกังวลก็จะหยุดพักและก้าวถอยหลังมาเพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่มี EQ สูงจะรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองและไม่ปล่อยให้ความรู้สึกมาขัดขวางการทำงาน

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication)

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะมันมีอะไรมากกว่าการส่งข้อมูลจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง คนที่สื่อสารดีจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างชัดเจน สามารถมีส่วนร่วมเชิงรุกได้ หากสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ปัญหาการเข้าใจผิดจะเกิดขึ้นน้อยมาก ดังนั้น ถ้าคุณต้องแบ่งปันวิสัยทัศน์กับคนในทีมหรือต้องกำหนดขอบเขตของงาน ควรพูดให้กระชับและชัดเจน เพราะการมีทักษะการสื่อสารที่ดีจะช่วยสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ๆ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาว และยังสร้างชื่อเสียงให้กับคุณเองอีกด้วย

การเจรจาต่อรอง (Negotiation)

การเจรจาต่อรองเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดแต่ขณะเดียวกันก็ถูกหลายคนมองข้ามไป ทักษะการเจรจาต่อรองจะประกอบไปด้วยการจัดการเวลา การฟังอย่างตั้งใจ การมีความรับผิดชอบ และการคิดเชิงวิพากษ์

คุณต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญและกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนว่าสิ่งใดสามารถเจรจาต่อรองได้และไม่ได้ ต้องทำงานโดยใช้ข้อเท็จจริงที่เป็นปัจจุบันและน่าเชื่อถือมากที่สุดเสมอ และพิจารณาแหล่งที่มาและบริบทของข้อมูล การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างครอบคลุมและสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้

การทำงานเป็นทีม (Teamwork)

แน่นอนว่าไม่มีธุรกิจใดสามารถดำเนินต่อไปได้ถ้าคนในทีมไม่ช่วยกัน การมี Teamwork ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จและมีส่วนสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีได้ ดังนั้น อย่าลืมที่จะเฉลิมฉลองกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของสมาชิกในทีมและกล่าวชื่นชมยินดีพวกเขา เพราะการทำแบบนี้จะสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี สมาชิกในทีมจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ยอมรับและมีตัวตน เมื่อเกิดแรงจูงใจแล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและยังอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทได้เป็น 10 เท่า 

การมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude)

การมองโลกในแง่ร้ายไม่ช่วยให้ใครก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ คุณควรมีทัศนคติเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน การมีทัศนคติเชิงบวกจะช่วยให้คุณไต่เต้าเลื่อนต่ำแหน่งขึ้นไปได้เร็วขึ้น ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการคิดเชิงลบ การนินทา และการบ่น เพราะการบ่นไม่ได้ช่วยอะไร พินิจพิเคราะห์ความท้าทายที่เกิดขึ้นและคิดหาวิธีแก้ปัญหา คนที่คิดบวกจะมองเห็นความเป็นไปได้มากกว่าเห็นสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ทัศนคติยังส่งผลต่อเรื่องอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งการมีความคิดเชิงบวกจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ความพึงพอใจในงาน หรือแม้แต่สายตาที่คนอื่นมองคุณ

การจัดการเวลา (Time Management)

หากคุณต้องการที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน การจัดการเวลาที่ดีเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง จำไว้ว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันแล้วออกมาดีได้ ดังนั้น คุณควรจดรายการและจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น แบ่งงานออกเป็นประเภทว่างานชิ้นไหน “เร่งด่วน” งานชิ้นไหน “สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน” นำเครื่องมือต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยในการทำงานบางอย่าง มอบหมายงานให้ผู้อื่น และตัดงานที่ไม่จำเป็นออกไป นอกจากนี้ คุณอาจจะจัดตารางเวลาในปฏิทิน สร้างเช็คลิสต์ และพัฒนาเทมเพลตสำหรับงานเฉพาะก็ได้เช่นกัน

การแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution)

ความขัดแย้งในองค์กรเป็นสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง หรือหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ ให้พยายามแก้ไขความขัดแย้งนั้นตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ หรืออาจจะใช้ทักษะการสื่อสารและการเจรจาต่อรองที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับตัวคุณและบริษัท บ่อยครั้งที่ความขัดแย้งเกิดจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (รวมไปถึงการขาดข้อมูล) ดังนั้น การสื่อสารแนวทาง การกำหนดเดดไลน์ และการกำหนดนโยบายต่างๆ ที่ชัดเจน ถูกต้อง และทันท่วงทีจึงสามารถช่วยป้องกันความขัดแย้งหลายๆ อย่างในที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

จริยธรรมในการทำงาน (Work Ethics)

คุณต้องมีความรับผิดชอบและยอมรับว่างานไหนเป็นของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องบริหารจัดการทีม ให้จำไว้ว่า “ความรับผิดทั้งหมดอยู่ที่คุณ” หมายความว่าไม่ว่าจะประสบความสำเร็จ เกิดความผิดพลาด หรือมีผลลัพธ์ออกมาอย่างไรก็ตามล้วนจะสะท้อนกลับมาที่ตัวคุณและจริยธรรมของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับผลที่ตามมาของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ได้ อย่าโยนความผิดให้คนอื่น รู้จักส่งงานให้ตรงเวลา เคารพเพื่อนร่วมงาน และแสดงความกระตือรือร้นในทุกๆ วัน

การทำงานร่วมกับผู้อื่นมากกว่าการแข่งขัน (Collaboration Over Competition)

การแข่งขันเป็นเพียงเกมระยะสั้น ในขณะที่การทำงานร่วมกับผู้อื่นจะนำไปสู่การมีสายสัมพันธ์ที่ดีและการเติบโตร่วมกันในระยะยาว การมีทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นยังส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ มากขึ้น สองหัวย่อมดีกว่าหนึ่งหัว ความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการระดมสมองร่วมกันจะผลักดันให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การได้ทำงานร่วมกับสมาชิกจากทีมอื่นๆ อาจยังช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิธีใหม่ๆ ในการจัดการกับงานที่ได้รับมอบหมาย และได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของกันและกัน ซึ่งการแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ทั้งภายในและระหว่างทีมได้ดีเลยทีเดียว

แน่นอนว่าหลายคนยังให้ความสำคัญกับ Hard Skill มากกว่าเพราะมองว่าถ้าเราขาดสิ่งนี้ไปก็คงไม่สามารถประกอบอาชีพนั้นๆ ได้เลย ขณะเดียวกันการที่เราจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ก็ต้องใช้ Soft Skill ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนกลับมองข้ามเพราะอาจด้วยความที่วัดยาก ดังนั้น หากคุณอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อย่าลืมหันไปดูตัวเองว่ายังขาด Soft Skill ใดบ้างใน 10 ข้อนี้ เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น

เขียนโดย Parinya Putthaisong

อ้างอิง fastcompany

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/10-in-demand-soft-skills-to-put-in-ypur-resume