3 นิสัยที่ทำให้งานย่ำอยู่กับที่ พร้อมวิธีเลิกนิสัยทำงานอะไรไม่เสร็จสักอย่าง | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
3 นิสัยที่ทำให้งานย่ำอยู่กับที่ พร้อมวิธีเลิกนิสัยทำงานอะไรไม่เสร็จสักอย่าง
By Siramol Jiraporn มีนาคม 2, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

ปัจจุบันหลายคนอาจชอบการทำงานจากที่บ้าน เนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาเดินทางหรือไม่ต้องแต่งตัวอะไรมาก แต่การรักษา Work-life balance กลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเมื่อบ้านกลายเป็นที่ทำงาน

การทำงานที่บ้านอาจก่อให้เกิดความท้าทายหลายๆ อย่างตามมา เช่น ประสิทธิภาพในการทำงาน และภาวะหมดไฟในการทำงาน

ทำงาน

จากผลสำรวจโดย HighSpeedInternet.com พบว่า คนทำงาน 77% รู้สึกว่าทำงานที่บ้านแล้วไม่ Productive งานวิจัยจาก Eagle Hill Consulting ก็ชี้ให้เห็นว่า พนักงานกว่าครึ่งกำลังประสบกับภาวะหมดไฟ โดยผู้ที่มีภาวะเครียดสูงสุดคือผู้หญิงและคนทำงานวัยหนุ่มสาว

สาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้คนทำงานเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานรุนแรงขึ้น เป็นผลมาจากการมีนิสัยบางอย่างที่ทำเป็นประจำขณะทำงานที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เสียเวลาจนทำงานไม่ถึงไหนสักที และนี่คือนิสัย 3 อย่างที่ให้เสียเวลาในการทำงาน พร้อมวิธีหลีกเลี่ยง

1. การตอบกลับอีเมลทันที

เมื่อทำงานจากที่บ้าน แน่นอนว่าการสื่อสารส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบออนไลน์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล Slack หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ แต่มีหลายคนอาจรู้สึก Productive ในการตอบกลับข้อความทันทีเมื่อได้รับอีเมล แต่จริงๆ แล้วการทำแบบนี้ทำให้เราต้องละเวลาจากงานที่สำคัญกว่ามาตอบ ส่งผลให้เราไม่มีพื้นที่ว่างพอในการโฟกัสกับงานที่ต้องทำให้เสร็จ

Anna Dearmon Kornick โค้ชด้านการบริหารเวลาที่ Clockwise ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับปฏิทินออนไลน์ แนะนำว่า ให้กำหนดเวลาเช็คอิน 30 นาที โดยแบ่งเป็นสามช่วงในการเช็กข้อความระหว่างทำงาน การปิดช่องทางการสื่อสารจะทำให้เราไม่ต้องใส่ใจกับข้อความหรืออีเมลที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลา เราก็จะมีเวลาในการโฟกัสงานที่ต้องทำให้เสร็จมากขึ้น

2. การไล่ตามงานใหม่ๆ ที่ดูล่อตาล่อใจมากกว่า

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เสียเวลาที่สุดคือการจมอยู่กับกองงานที่สุมกันอยู่ เพราะมีงานใหม่ๆ เกิดขึ้นทั้งวัน การทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่บน To-do list อาจทำให้หลายคนรู้สึก Productive แต่สิ่งเหล่านี้กำลังหันเหความสนใจออกจากงานที่สำคัญกว่า

นักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Shiny object syndrome” หมายถึงนิสัยว่อกแว่ก ไม่สามารถโฟกัสกับงานอะไรได้สักอย่าง เพราะมีสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นกว่า จนต้องหันไปทำสิ่งนั้นแทน

การทำงานเล็กๆ น้อยๆ เสร็จทำให้เราได้รับสารโดปามีนหรือสารแห่งความสุข ส่งผลให้เรารู้สึกดีจนเรียงลำดับความสำคัญของงานผิดพลาด เพราะมัวแต่ทำงานเล็กๆ จนงานที่สำคัญกว่าไม่เสร็จสักที 

วิธีรับมือกับ “Shiny object syndrome” คือ เราต้องทบทวน To-do list ในตอนเช้าและเลือก 3 สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะทำให้เสร็จในวันนี้ หลังจากนั้นก็สร้างกรอบเวลาในการทำงานแต่ละอย่างให้สำเร็จ เพื่อช่วยให้เราจดจ่ออยู่กับงานได้ ส่วนงานเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาไว้ค่อยทำหลังจากทำงาน 3 อย่างที่ตั้งเป้าไว้เสร็จแล้ว

3. การไถโซเชียลมีเดีย

จากผลสำรวจโดย OfficeNeedle พบว่า 56% บอกว่าโทรศัพท์เป็นสิ่งที่ทำให้ว่อกแว่กในขณะทำงานที่บ้านมากที่สุด เช่น เราลุกออกจากโต๊ะเพื่อยืดเส้นยืดสายเป็นเวลา 5 นาที ในขณะนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ก หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปแล้ว 30 นาที แต่เราก็ยังคงไถ TikTok, Facebook, Instagram หรือ Twitter อยู่

การปิดแจ้งเตือนและวางโทรศัพท์ไว้ไกลๆ หรืออาจจะวางไว้ในห้องอื่นก็ได้ จะช่วยให้เราลดความอยากในการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นได้ แต่หากไม่สามารถทำได้เพราะต้องใช้โทรศัพท์ในการทำงาน ก็ให้ลองตั้งเวลาในโทรศัพท์ไว้ 20-30 นาทีเพื่อให้ตัวเองหยุดพักจากการเล่นโทรศัพท์ หลังจากครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ก็สามารถเล่นโทรศัพท์ได้ 

การทำแบบนี้อาจไม่ได้ทำให้สิ่งรบกวนหายไป แต่จะทำให้เราสามารถกำหนดขอบเขตในการเล่นโทรศัพท์กับการทำงานออกจากกันได้ และทำให้เราพยายามจดจ่ออยู่กับงานได้มากกว่าเดิม

อ้างอิง CNBC


No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/3-bad-habits-for-wasting-time-at-work