การทำงานที่บ้าน (Work from home) อาจจะเป็นสวรรค์สำหรับใครหลายๆ คน อะไรจะเป็นการดีไปกว่าการที่ไม่ต้องคิดว่าจะต้องแต่งตัวอย่างไรให้ดูดี แค่คุณตื่นมาก็สามารถทำงานได้เลยในชุดนอน หรืออาจจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับหลายคนอีกเช่นกัน การไม่ได้พบปะผู้คนอาจทำให้เกิดอาการเหงา หรือทักษะทางสังคมที่ลดน้อยลง ไปจนถึงการต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานก็อาจจะส่งผลต่อความเครียดและสุขภาพที่แย่ลงได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อการทำงานที่บ้านเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณอาจจะเห็นว่า มีคำแนะนำมากมายสำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่บ้าน ตั้งแต่วิธีจัดการกับข้อผิดพลาด และมีประสิทธิผล อย่างเช่น อย่าลืมอาบน้ำ เปลี่ยนชุดให้เหมาะสมกับการทำงาน ไปจนถึงอย่าใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมากเกินไป
การทำงานที่บ้านนั้นเป็นเรื่องน่ายินดี คุณสามารถทำให้มันสนุก และมีความสุขไปกับมันได้ Ingrid Fetell Lee ผู้เขียนหนังสือ Joyful ได้แบ่งปัน 9 ไอเดีย ในการสร้างพื้นที่การทำงานที่บ้านให้เป็นประสบการณ์ที่คุณสามารถเอ็นจอยไปกับมันได้ มาลองปรับให้เข้ากับตัวเองกันดู แล้วคุณจะพบว่าคุณอาจจะไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีกเลยก็ได้!
1. ดูแลร่างกายตัวเอง
การทำงานที่บ้านอาจจะทำให้หลายคนลืมดูแลร่างกายของตัวเอง ความต้องการขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น การมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน หรือการมีเก้าอี้ที่ช่วยซัพพอร์ทหลัง
คุณไม่จำเป็นต้องสร้างโฮมออฟฟิศแบบเต็มรูปแบบก็ได้ แต่ลองสังเกตร่างกายตัวเองว่าเป็นอย่างไรต่อการทำงานที่บ้าน แน่นอนว่าหนึ่งในข้อดีของการทำงานที่บ้านคือ คุณสามารถเปลี่ยนกิริยาท่าทางในการทำงานได้ตามที่คุณต้องการ หากเบื่อกับการนั่งอยู่ที่เดิมนานๆ ลองเปลี่ยนเป็นการยืนทำงานที่เคาน์เตอร์ครัว นั่งบนโซฟา หรือบนเสื่อโยคะโดยมีโต๊ะกาแฟเป็นที่วางโน๊ตบุ๊คหรือแล็ปท็อป การทดสอบการทำงานในหลากหลายรูปแบบจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ การขยับร่างกาย คุณอาจจะเคยเดินไปซื้อกาแฟเป็นกิจวัตรเมื่อตอนทำงานที่ออฟฟิศ ข้อดีของการทำงานที่บ้านก็คือ คุณจะยืดเส้นยืดสาย หรือขยัยร่างกายเวลาไหนก็ได้ (หากไม่มีงานเร่งด่วนหรือต้องเข้าประชุม) ลองยืดเส้นยืดสายด้วยการเล่นโยคะ หรือเต้นแอโรบิคตามวิดีโอในยูทูป หรือเดินเล่นในหมู่บ้านก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว
2. ใช้เวลาที่เคยใช้ในการเดินทางในการทำกิจกรรมใหม่ๆ
ปกติแล้วคุณใช้เวลาในการเดินทางไปกลับที่ทำงานนานแค่ไหน? 30 นาที? 1-2 ชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้น?
กุญแจสำคัญก็คือ เมื่อคุณได้เวลานั้นกลับคืนมา คุณจะใช้มันอย่างไร ลองวางแผนการใช้เวลาที่เพิ่มขึ้นมาไว้ในปฏิทิน อาจจะทำ time boxing เหมือนกับการที่คุณสร้างตารางการประชุมหรือการทำงานให้ตัวเอง และให้พื้นที่ตัวเองเพื่อเพลิดเพลินไปมัน
3. สร้างภูมิทัศน์ที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส
เมื่อคุณทำงานจากที่บ้านคุณอาจเป็นเหมือนคนงานในการศึกษาที่ควบคุมพื้นที่ทำงานของตนเองและสร้างภูมิทัศน์ทางประสาทสัมผัสที่เหมาะกับคุณ นี่อาจจะรวมไปถึงการกำจัดเสียงรบกวนโดยการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนเพื่อปรับเสียงที่รบกวนสมาธิ หรืออาจจะลองปรับอุณหภูมิห้องเพื่อให้คุณรู้สึกสบายตัว
ลองมองหาวิธีเพิ่มความรู้สึกที่น่ารื่นรมย์ให้กับพื้นที่ทำงาน อย่างเช่น การหารูปภาพมาวางบนโต๊ะ หรือการหันโต๊ะเข้าหาหน้าต่าง จะช่วยให้คุณได้พักสายตาจากหน้าจอ ลองฟังเสียงธรรมชาติใน YouTube ไปจนถึงการเลือกแก้วที่มีสีสันสดใสสำหรับกาแฟยามเช้า
4. ออกไปรับแสงแดด
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับแสงแดดจะมีการนอนหลับที่ดี มีความเครียดน้อยลง และมีความกระตือรือร้นในระหว่างวันมากขึ้น หากตามปกติแล้วแสงที่คุณได้รับจากการทำงานในออฟฟิศคือแสงไฟ การทำงานที่บ้านคือโอกาสที่ดีในการพาตัวเองเข้าไปหาแสงแดด อาจจะลองปรับโต๊ะทำงานเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้น หรือการออกไปเดินเล่นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวันบ้าง
5. เพิ่มสีเขียวให้พื้นที่การทำงาน
สิ่งง่ายๆ ที่จะทำให้พื้นที่การทำงานของคุณมีสีสันมากขึ้นคือการเพิ่มสีเขียวให้สภาพแวดล้อมของคุณ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ แค่การเพิ่มต้นสีเขียวเพียงเล็กน้อยเข้าไปในพื้นที่ ก็จะช่วยลดความเครียดและช่วยฟื้นฟูความสามารถในการทำงาน และเสริมสมาธิได้
6. ทำเพลย์ลิสต์ไว้เปิดฟังในช่วงทำงาน
ลองสังเกตตัวเองว่าจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงไหน ช่วงเวลาที่เงียบสงัด หรือมีเสียงภายนอกเข้ามาบ้างเป็นระยะ ลองหาเพลย์ลิสต์ที่เข้ากับสไตล์การทำงานของคุณ อาจจะแบ่งเป็นเพลย์ลิสต์สำหรับตอบอีเมล สำหรับเขียนงานที่ต้องใช้สมาธิ ไปจนถึงงานที่ต้องใช้ความคิดเชิงตรรกะและความคิดสร้างสรรค์ การสร้างเพลย์ลิสต์ให้การทำงานแต่ละประเภท เป็นเหมือนการกระตุ้นให้ตัวเองรู้ว่า นี่คือเวลาที่คุณต้องโฟกัสไปกับการทำงานแบบไหนบ้าง
7. จัดสรรเวลาของว่างให้เป็นช่วงเวลาพิเศษ
แทนที่จะเป็นการนำอาหารว่างมาทานบนโต๊ะระหว่างทำงาน ลองเปลี่ยนมาเป็นการจัดเวลาในการพักทานอาหารว่าง นี่เปรียบเสมือนเป็นการให้รางวัลตัวเอง Gretchen Rubin นักเขียนชาวอเมริกันกล่าวว่า การทำเช่นนี้สามารถช่วยทำให้เรารู้สึกเหมือนได้รับการใส่ใจ เราจะรู้สึกมีพลังและแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น
8. สร้างพื้นที่การทำงานที่ส่งเสริมให้จินตนาการโลดแล่น
ออฟฟิศถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการทำงาน ที่เกิดขึ้นก็คนมักจะมีมุมมองกับการทำงานว่าการทำงานไม่ใช่การเล่น การทำงานที่บ้านจะเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้นำการเล่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการทำงาน และสิ่งนี้สามารถเริ่มต้นด้วยพื้นที่ทำงานของคุณ
การสร้างพื้นที่ทำงานที่เปิดโอกาสให้คุณได้เล่น อย่างเช่นการใช้ลูกบอลออกกำลังกายแทนเก้าอี้ทำงาน การจับชิ้นเลโก้ในระหว่างที่คุณต้องใช้ความคิด หรืออาจจะเพิ่มของตกแต่งน่ารักๆ บนโต๊ะทำงาน จากการวิจัยของประเทศญี่ปุ่น ชี้ว่าของประดับที่น่ารักนั้นเป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยมันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจ่อของเราได้
9. มีเส้นแบ่งระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต
ความท้าทายของการทำงานที่บ้านคือการมีเส้นแบ่งระหว่างการทำงาน กับการใช้ชีวิต อย่างเช่น การที่คนมักจะมีวันหยุดพักสั้นลง และวันลาป่วยน้อยลง
การสร้างเส้นแบ่งและเวลาในการทำงานให้ตัวเองอย่างชัดเจนนั้นช่วยให้คุณสามารถปิดสวิตตช์ในการทำงานเมื่อถึงเวลาเลิกงานจริงๆ คุณอาจจะนั่งทำงานที่โต๊ะอาหารก็จริง แต่คุณต้องวางทุกอย่าวลง หรือปิดประตูห้องเพื่อที่จะได้ไม่ฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ
การสร้างขอบเขตทางกายภาพจะช่วยให้คุณยังคงมีขอบเขตในการแยกงานและชีวิตส่วนตัว และยังทำให้บ้านของคุณเป็นบ้านได้
แปลและเรียบเรียงเนื้อหาจาก IDEAS.TED.COM