เป็นวัยรุ่นเงินเดือนมันเหนื่อย ทั้งต้องคอยรับแรงกดดันมหาศาลจากที่ทำงาน แรงกดดันทางสังคม เทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่ตลอดจนต้องคอยวิ่งตาม ความกดดันจากเศรษฐกิจที่ทำให้ต้องดิ้นรน และการแสวงหาความสมดุลและความมั่นคงระหว่างชีวิตและการทำงาน มักจะนำเราไปสู่ความเหนื่อยล้าและความท้อแท้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงสิ่งที่แท้จริงของชีวิตและการทำงาน
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ มีแนวคิดหนึ่งที่ชื่อว่า “Amor Fati” ได้นำเสนอมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ในการค้นหาความหมายของการยอมรับในโชคชะตา ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของชีวิตและการทำงาน ในบทความนี้ ConNEXT จะพาไปเจาะลึกการประยุกต์ใช้ Amor Fati ในบริบทการทำงานกัน!
Amor Fati คืออะไร?
Amor Fati วลีภาษาละตินที่แปลว่า "รักในโชคชะตาของตัวเอง" เป็นแนวคิดของนักปรัชญาชาวเยอรมัน ที่มีชื่อว่าฟรีดริช นีตซ์เช (Friedrich Nietzsche) แนวคิดนี้กระตุ้นให้ผู้คนรู้จักยอมรับชะตากรรมของตัวเอง กล้าที่จะลงมือและปรับตัว พร้อมมีทัศนคติเชิงบวกเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
อ่านดูแล้วก็เหมือนจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่ทุกอย่างย่อมมีเหรียญสองด้าน หากคนที่โอบรับแนวคิดนี้นำไปปฏิบัติในทางที่ถูกต้องก็จะเป็นเรื่องดี แต่ถ้านำไปประยุกต์ใช้ไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เราย่ำอยู่กับที่ได้ เพราะฉะนั้นไปเจาะลึกข้อดีและข้อควรระวังของการใช้แนวคิดนี้กัน!
ข้อดีของการประยุกต์ใช้แนวคิด Amor Fati ในชีวิตและการทำงาน
ความท้าทาย=โอกาส
แนวคิด Amor Fati ส่งเสริมให้มองความท้าทายว่าไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสในการเติบโต การโอบรับชะตากรรมหมายถึงการเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนาตนเองและ Career Path
ยอมรับและปรับตัวกับทุกการเปลี่ยนแปลง
คนที่มี Mindset แบบ Amor Fati มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการเปลี่ยนแปลงหน้าที่รับผิดชอบในการทำงาน
ความเครียดที่ลดลง ทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น
ด้วยแนวคิดการยอมรับกับสิ่งที่ไม่แน่นอน จะส่งผลให้ระดับความเครียดและความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับความกลัวว่าจะล้มเหลวหรือความไม่มั่นคงลดลง ยิ่งไปกว่านั้น Mindset นี้ยังช่วยส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ลดข้อขัดแย้ง
เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นในที่ทำงาน Amor Fati สามารถช่วยให้แสวงหาวิธีแก้ปัญหาแทนที่จะจมอยู่กับอารมณ์เชิงลบ
เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
"Amor fati" สอดคล้องกับแนวคิดที่มองว่าทุกประสบการณ์เป็นโอกาสในการได้รับความรู้และทักษะ ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาตนเอง
ความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเพื่อน ๆ ยอมรับความท้าทายและมองว่าเป็นโอกาส ทำให้มีแนวโน้มที่จะพบกับโซลูชันและแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น
ล้มไว ลุกไว
การยอมรับความท้าทายและความพ่ายแพ้เป็นโอกาสในการเติบโตและการเรียนรู้ Mindset นี้สามารถช่วยให้เพื่อน ๆ สร้างความยืดหยุ่นและฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง! ของการประยุกต์ใช้แนวคิด Amor Fati ในชีวิตและการทำงาน
ยอมรับมากเกินไป โดนเอง เจ็บเอง
การยอมรับชะตากรรมมากเกินไป อาจนำไปสู่การที่ต้องอดทนต่อสภาพการทำงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบได้
ไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาว
การยอมรับชะตากรรมที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดความพึงพอใจที่เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้นได้
แรงกดดันจากภายนอก
คนที่ใช้แนวคิด Amor Fati อาจเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก เพื่อให้สอดคล้องกับนิยามของความสำเร็จได้
บทสรุป
การผสมผสาน "Amor Fati" เข้ากับชีวิตการทำงานโดยการยอมรับความเชื่อที่ว่าประสบการณ์ทุกอย่างทั้งทั้งความท้าทายและอุปสรรคทั้งเชิงบวกและเชิงลบ มีส่วนช่วยในการพัฒนาตนเองและการเติบโตของ Career path ซึ่ง Mindset นี้จะสามารถเปลี่ยนจาก Pain point ให้กลายเป็นจุดแข็งและเติมเต็มเส้นทางอาชีพได้มากขึ้นหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้ให้ถูกทางด้วยเช่นกัน
อ้างอิง : linkedin