5 เคล็ดลับการทำงานแบบ Work From Home อย่างไร ให้มีความสุขเหมือนได้ทำงานที่ออฟฟิศ | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
5 เคล็ดลับการทำงานแบบ Work From Home อย่างไร ให้มีความสุขเหมือนได้ทำงานที่ออฟฟิศ
By Connext Team เมษายน 9, 2021
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนนับล้านทั่วโลก บริษัทและองค์กรมากมาย ต่างต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยการทำงานรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Work From Home ซึ่งนั่นหมายความว่า ชีวิตการทำงานของเราจะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

Credit ภาพประกอบ: freepikแม้ว่า บางคนอาจจะคุ้นเคยกับการทำงานจากที่บ้านมาบ้าง แต่การทำงานแบบ Work From Home กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เช่นนี้ และที่สำคัญกว่านั้น เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่เราจะได้กลับไปทำงานออฟฟิศอีกครั้ง

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องทำ ณ ตอนนี้ คือ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและรูปแบบการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ได้ แม้ว่าการทำงานแบบ Work From Home ช่วงแรกๆ อาจจะทำให้เราเครียดและหดหู่กับการทำงานไปบ้าง แต่ถ้าหากเราปรับตัวด้วยเคล็ดลับดังต่อไปนี้ รับรองได้เลยว่า เราจะสามารถทำงานให้สำเร็จตามเวลา และมีความสุขกับสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน  

การแต่งตัวที่เหมาะสมจะทำให้เรามีชีวิตชีวาในการทำงาน

แม้ว่าเคล็ดลับข้อนี้ จะดูเหมือนเป็นคำแนะนำที่ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วมันสำคัญมากนะ ลองจินตนาการว่า เราตื่นเช้าขึ้นมาทำงานที่บ้านด้วยชุดนอนทั้งวัน เราก็คงจะรู้สึกว่า วันนี้ไม่ค่อยอยากทำงานเท่าไหร่ กลับไปนอนต่ออีกสักพักดีกว่า แต่ถ้าเราลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวให้สวยงาม (อาจจะใส่ชุดลำลองธรรมดาก็ได้) มันจะกลายเป็นสัญญาณโดยอัตโนมัติว่า ถึงเวลาตื่นนอนและต้องจัดการภาระหน้าที่ให้เสร็จแล้วล่ะ

Heather Yurovsky ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาชีวิตการทำงาน และผู้ก่อตั้ง Shatter&Shine กล่าวว่า แม้ว่าการแต่งตัวจะดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ Productivity ในการทำงานมากนัก แต่อย่าประเมินพลังของเสื้อผ้าต่ำไปนะ เพราะ จริงๆแล้ว การใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมต่อการทำงานช่วยให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาในการทำงาน และยังเป็นตัวแบ่งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีทีเดียว

นอกจากนั้น การแต่งตัวที่เหมาะสมยังช่วยให้เราหันมาดูแลและใส่ใจต่อภาพลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานแบบ Work From Home เพราะ ถึงแม้เราจะทำงานจากที่บ้าน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีใครเห็นเราไปตลอดกาล เรายังคงต้องประชุมผ่าน Video Conference และติดต่อกับผู้อื่นเป็นปกติ เพราะฉะนั้น ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวให้สวยงาม พร้อมรับวันใหม่กับการทำงานที่จะมาถึง 

แบ่งพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน และตกแต่งโต๊ะทำงานด้วยแสงไฟจากธรรมชาติ

สิ่งหนึ่ง ที่นับว่าเป็นเรื่องท้าทายที่สุด เมื่อต้องทำงานแบบ Work From Home คือ การแบ่งแยกชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันให้ชัดเจน เพราะ เมื่อต้องทำงานที่บ้าน ชีวิตทั้งสองด้านจะหลอมรวมกลายเป็นสิ่งเดียวกันจนแยกไม่ออกอีกต่อไป

ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ เราเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศกันเป็นเรื่องปกติ ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง โดยการทำงานที่ออฟฟิศ คือ การใช้ชีวิตไปกับการทำงาน และเมื่อเลิกงานก็เข้าสู่ช่วงเวลาส่วนตัว แต่ในเมื่อเราไม่สามารถเดินทางไปออฟฟิศได้อีกต่อไป สิ่งที่เราจะทำได้ ณ ตอนนี้ คือ แบ่งพื้นที่สำหรับทำงานและส่วนตัวภายในบ้านของเราเอง

หากเราอาศัยอยู่ในบ้านที่มีหลายห้อง เราอาจจะเลือกสักหนึ่งห้องสำหรับใช้ในการทำงาน และเมื่อเดินออกจากห้องนั้นเมื่อไหร่ หมายความว่า หมดเวลาในการทำงานแล้ว หรือถ้าหากเราอาศัยอยู่ในคอนโดห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เราอาจจะใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในห้องเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ วิธีการนี้ จะช่วยขีดเส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

สิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่ง ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยายามมองหาเก้าอี้คุณภาพดี เพื่อให้เราสามารถนั่งทำงานได้เป็นเวลานานๆ โดยไม่มีอาการปวดหลัง และตกแต่งโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบสบายตา ใช้แสงไฟจากธรรมชาติเพื่อสร้างบรรยากาศที่สดใส เพราะ มิฉะนั้นห้องทำงานของเรา ก็คงจะเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมทึบๆ ที่ไม่น่าเข้าไปทำงานเป็นแน่    

กำหนดเวลาในการทำงานให้ชัดเจนด้วยนะ

เมื่อจัดแบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่ส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจนแล้ว อีกสิ่งที่เราต้องทำ คือ กำหนดเวลาในการทำงานให้ชัดเจนเลยว่า เราจะใช้พื้นที่ทำงานเป็นเวลากี่ชั่วโมงต่อวัน และเมื่อหมดเวลาทำงาน เราก็ต้องลุกออกจากโต๊ะทำงานหรือพื้นที่ที่กำหนดไว้ทันที ยิ่งกว่านั้น หากเราต้องติดต่อประสานงานร่วมกับผู้อื่นในทีม การกำหนดเวลาทำงานของทีมร่วมกัน ก็อาจจะช่วยจัดแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้อีกด้วยนะ 

Heather Yurovsky ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเวลาทำงานแบบ Work From Home ไว้ว่า ข้อแตกต่างระหว่างการทำงานที่บ้าน และการทำงานที่ออฟฟิศ คือ การกำหนดเวลาในการทำงาน เพราะ เมื่อทำงานจากที่บ้าน ไม่มีใครคอยบอกเราว่า ถึงเวลาเลิกงานแล้วกลับบ้านได้ เหมือนการทำงานที่ออฟฟิศ เราเป็นผู้คุมเกมเองว่า เราจะเลิกทำงานเมื่อไหร่ ซึ่งง่ายมากต่อการเผลอทำงานล่วงเวลาโดยไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้น กำหนดเวลาให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเลยว่า จะทำงานเป็นเวลากี่ชั่วโมงต่อวัน และเมื่อถึงเวลาเลิกงานที่กำหนดไว้ ก็ควรจะปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อยและพักผ่อนอย่างสบายใจ คิดอยู่เสมอว่า อะไรที่ไม่เร่งด่วน เราสามารถทำในวันถัดไปได้เสมอ     

อย่างให้สิ่งเร้ารอบตัวมารบกวนการทำงานของเรา

เมื่อทำงานแบบ Work From Home สิ่งหนึ่งที่คอยขัดขวางไม่ให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งเร้ารอบข้าง โดยเฉพาะคนที่อาจจะไม่คุ้นชินกับการทำงานที่บ้าน ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือ พยายามตั้งสมาธิและมีจิตใจจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ตลอดเวลา การพักจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วไปทำอย่างอื่นบ้างเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาในการทำงานให้เหมาะสมด้วย อย่าหลงระเริงไปกับสิ่งเร้ารอบข้างมากเกินไป เพราะ มันอาจทำให้เราเสียการเสียงานได้  

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ได้รับการอัพเดทบนสื่อโซเชียลมีเดียทุกวินาที ทำให้เราถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจากงานได้ง่ายยิ่งขึ้น และยิ่งเราเช็คข่าวสารมากแค่ไหน สมาธิที่เราต้องใช้ในการทำงานยิ่งหายไปมากแค่นั้น

เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาทำงาน พยายามตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ และอย่าให้สภาพแวดล้อมรอบตัวมารบกวนจิตใจของเรา หากต้องการจะเช็คข่าวสารที่เกิดขึ้นในรอบวัน เราสามารถเช็คได้ในเวลาที่เราพักจากการทำงาน หรือเวลาเลิกงานในตอนเย็น วิธีนี้ จะช่วยให้เราทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขณะเดียวกันก็ยังไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในรอบวันอีกด้วย  

อย่าทำงานคนเดียวมากเกินไป พูดคุยกับผู้อื่นบ้าง

เมื่อผู้คนทั้งออฟฟิศจำต้องทำงานแบบ Work From Home นั่นหมายความว่า เรากำลังจะถูกตัดขาดจากการเข้าสังคมที่ได้พบปะพูดคุยกับผู้คนในชีวิตประจำวัน ดังนั้น อารมณ์และความรู้สึกที่ตามมาจากการทำงานที่บ้าน คือ ความเหงาจากการอยู่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปพบเจอผู้คนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เพราะ เราสามารถติดต่อกับเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างได้ผ่านโปรแกรมที่มีอยู่มากมาย เช่น Slack และ Zoom เป็นต้น

และถ้าหากการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานดูจะเป็นหัวข้อที่เครียดเกินไป ลองเปลี่ยนมาคุยเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปกันดีไหม? พยายามคุยกับเพื่อนร่วมงานเหมือนกับการทำงานที่ออฟฟิศปกติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และให้ความรู้สึกว่า เรายังมีเพื่อนร่วมงานมานั่งทำงานเป็นเพื่อน ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ยิ่งกว่านั้น การอัพเดทงานภายในทีมทุกเช้าผ่าน Video Conference ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนภายในทีม ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้กันและกันฟัง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการสร้างบรรยากาศภายในออฟฟิศ ให้เราพร้อมทำงานในแต่ละวันได้ดีทีเดียว     

เพราะฉะนั้น แม้ว่าเราจะไม่สามารถออกไปเจอผู้คนได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้ พยายามทำตัวเหมือนเดิมราวกับว่า เราเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน เพียงเท่านี้ ความเหงาและความเครียดจากการทำงานแบบ Work From Home ก็จะทุเลาลงไปได้มาก และเราก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข

อ้างอิง: The muse 

สำหรับผู้อ่านท่านใดที่สนใจบทความเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน ทักษะที่จำเป็นในอนาคต สามารถลงทะเบียนเพื่อรับอัพเดทข้อมูลข่าวสาร และบทความในอนาคต จาก Techsauce Thailand ได้ ที่นี่ 

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/five-ways-how-to-work-from-home-with-happiness