‘วันก็มี 24 ชั่วโมงเท่าเดิม แต่ทำไมรู้สึกว่าชีวิตมันวุ่นวายไปหมดจนไม่ได้พักหายใจ หรือว่า 24 ชั่วโมงมันไม่พอ’
ทุกวันนี้ ผู้คนมากมายต่างใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการทำงานที่แสนจะเร่งรีบ บางคนทำงานสายตัวแทบขาดจนแทบไม่ได้ทานข้าว แต่จะให้หยุดทำงานแล้วมาพักผ่อนก่อนก็ไม่ได้ เพราะ ภาระหน้าที่มันยังค้ำคอ
บางคนมีเดดไลน์ที่ต้องทำงานส่งเจ้านายตั้งอยู่เป็นกอง ทั้ง ๆ ที่ใจไม่ได้อยากจะทำมันอีกแล้ว และนี่ยังไม่ได้นับรวมถึงปัญหาชีวิตส่วนตัวมากมาย ที่ทำให้เราต้องคอยแบกรับความรู้สึกแย่ ๆ ไว้ในใจด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อโลกแห่งความเป็นจริงมันหมุนเร็วจนเราไม่ทันตั้งตัว ลองหนีออกจากโลกที่แสนโหดร้ายนี้ ไปสัมผัสกับฝืนป่าและธรรมชาติที่แสนสงบดีไหม? เพราะ ฝืนป่าและธรรมชาติที่เราหลงลืมไป สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นผู้เยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเราได้ดีที่สุด
‘Shinrin-yoku’ เคล็ดลับการอาบป่าที่ชำระล้างจิตใจให้เป็นสุขฉบับชาวญี่ปุ่น
เดิมที ‘Shinrin-yoku’ เป็นคำสองคำที่แยกออกจากกันในภาษาญี่ปุ่น โดยคำว่า ‘Shinrin’ หมายถึง ป่า และ ‘Yoku’ หมายถึง อาบน้ำ
เพราะฉะนั้น เมื่อนำสองคำมารวมกัน ‘Shinrin-yoku’ จึงหมายถึง การอาบป่าเพื่อชำระล้างจิตใจที่เศร้าหมอง ด้วยการสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติเงียบสงบนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า การอาบป่า เหมือนกับการออกกำลังกายด้วยการเดินป่าหรือปีนเขาหรือเปล่า? ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การอาบป่าเพียงแค่ต้องการให้เราอยู่กับธรรมชาติ และสัมผัสสิ่งรอบตัวด้วยการมอง การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัสเท่านั้น วิธีการนี้ จึงเปรียบเสมือนกับสะพานที่เมื่อเราเปิดประสาทสัมผัส มันจะเชื่อมไปสู่โลกอีกใบ ที่หลีกหนีออกจากความวุ่นวายในชีวิตที่เราต้องเผชิญ
การอาบป่าช่วยเยียวจิตใจที่บอบช้ำจากโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร?
ในวันที่โลกกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคต ธรรมชาติและฝืนป่ากลับถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ภายในปี 2050 ประชากรกว่า 66% ของโลกจะเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเมือง ที่ ๆ เต็มไปด้วยความเครียด ความกดดัน และความเศร้า จากโลกที่หมุนเร็วเกินไปจนเราไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราหลีกหนีจากโลกแห่งความเป็นจริง และเดินเข้าป่าไป แม้จะเพียงไม่กี่ชั่วโมง เราก็จะสัมผัสได้เลยว่า โลกใบนี้มันช่างสงบสุขเหลือเกิน เนื่องจากการอาบป่าจะช่วยให้เราลืมเรื่องร้าย ๆ ที่ผ่านมาด้วยการอยู่กับปัจจุบัน และชำระล้างจิตใจด้วยความงามจากธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น หากใครที่รู้สึกว่าจิตใจกำลังบอบช้ำ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ลองเดินเข้าป่าไปสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่า คำปลอบโยนที่ได้รับจากการสัมผัสฝืนป่าและธรรมชาติ มันเป็นอย่างไร?
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า แล้วฉันต้องทำอะไรต่อไป?
เมื่อเราแบกรับความรู้สึกที่มีในใจตอนนี้ไม่ไหวแล้ว และตัดสินใจที่จะเดินเข้าป่าเพื่อแก้ปัญหา สิ่งแรกที่เราต้องทำเลย คือ ค้นหาสถานที่ ๆ เงียบสงบและปลอดภัยจากสิ่งรบกวนจิตใจ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เพื่อให้คุณได้ตัดขาดออกจากโลกภายนอกและอยูกับปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
จากนั้นเดินไปตามทางช้า ๆ อย่างไร้จุดหมาย โดยใช้ความรู้สึกเป็นตัวกำหนดเส้นทางที่เราเลือกเดิน มันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องมีจุดหมายปลายทางอะไรมากมาย เพราะ ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่าเส้นชัยที่คุณกำลังจะเดินไปถึง คือ การซึมซับความอ่อนโยนจากธรรมชาติด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้ามากกว่า
ระหว่างที่คุณกำลังเดินเข้าป่าลึกเข้าไป ลองเงียบฟังนกเสียงจ้อยแจ้วกำลังร้องเพลงกับคู่ของมัน ลองมองไปใบไม้สีเขียวเล็กใหญ่ที่มีหยดน้ำค้างตกอยู่ ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อสัมผัสกับกลิ่นของธรรมชาติที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ลองสัมผัสใบไม้ด้วยความอ่อนโยน และจุ่มเท้าลงไปในลำธารเพื่อให้สายน้ำชำระล้างจิตใจที่เศร้ามองออกไป
เมื่อประสาทสัมผัสของเราได้เปิดรับกับสิ่งรอบตัวอย่างเต็มที่ นั่นหมายความว่า เราได้กลายเป็นส่วนกับธรรมชาติไปแล้ว และเมื่อนั้นสะพานที่เชื่อมตัวเรากับธรรมชาติก็จะเปิดออก และเราจะได้พบกับความสุขแสนสงบที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงามของธรรมชาติในท้ายที่สุด
อ้างอิง: TIME
สำหรับผู้อ่านท่านใดที่สนใจบทความเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน ทักษะที่จำเป็นในอนาคต สามารถลงทะเบียนเพื่อรับอัพเดทข้อมูลข่าวสาร และบทความในอนาคต จาก ConNEXT ได้ ที่นี่ https://bit.ly/3xKvJtn
ติดต่อร่วมงานกับ ConNEXT ได้ที่อีเมล [email protected]