The Boss’s Favorite ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ กลับถูกมองว่าได้ดี เพราะเป็นลูกรักเจ้านาย | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
The Boss’s Favorite ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ กลับถูกมองว่าได้ดี เพราะเป็นลูกรักเจ้านาย
By Connext Team มิถุนายน 9, 2021
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

มันผิดตรงไหนเหรอ? ที่เราเผอิญตั้งใจทำงานอย่างหนักด้วยตัวเอง จนงานมันออกมาดีกว่าคนอื่นที่คอยอิจฉาเรา แล้วมันใช่เหรอ? ที่เราจะต้องมาโดนคนในออฟฟิศพากันแอนตี้ เพราะ ความอิจฉาริษยาของพวกเขา

‘อย่าเด่น จะเป็นภัย’ มักจะเป็นวลีที่พ่อแม่คอยสอนเราเสมอเวลาที่ต้องทำอะไรร่วมกับคนอื่นในสังคม ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่สอนเท่าไหร่หรอก เราคิดเสมอว่า ทำไมเราไม่ทำอะไรให้มันเต็มศักยภาพที่เรามีล่ะ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสิ ซึ่งเราก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอด

จนกระทั่งเราเริ่มก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน สังคมที่เบื้องหน้าทุกคนยิ้มแย้มใส่กัน แต่เบื้องหลังพร้อมจะแทงกันตลอดเวลา เราเริ่มต้นทำงานด้วยทัศนคติที่ใช้มาโดยตลอด คือ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เราตั้งใจทำงานมาก อาจจะเพราะว่า เป็นงานแรกของเราด้วยมั้ง เลยตั้งใจทำเป็นพิเศษหน่อย

พอเวลาผ่านไปไม่นาน เราก็รู้สึกเริ่มคุ้นชินกับการทำงานที่นี่ ผลงานของเราก็เริ่มเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน แม้ว่าเราจะยังเป็นน้องใหม่ของออฟฟิศก็ตาม ก็ใช่สิ เราพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เลยนะ จะไม่ให้งานโดดเด่นได้ไงล่ะ อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นนั้นมักจะมาพร้อมกับความอิจฉาริษยาของคนรอบข้างเสมอ เมื่อมันเริ่มเด่นจนเกินไป

เจ้านายเริ่มไว้วางใจให้เรารับผิดชอบในหลายๆโปรเจคมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น โดยที่เราก็ไม่ได้เข้าไปเลียแข้งเลียขาเจ้านายด้วยนะ เราแค่รับผิดชอบหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุด ขณะที่เจ้านายเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้อภิสิทธิ์กับเราหรอก เพียงแต่เราสามารถตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการได้ก็เท่านั้นเอง มันเลยทำให้เราได้ร่วมงานและสนิทกันมากขึ้น

แต่ในสายตาของเพื่อนร่วมงานกลับไม่ใช่ภาพนั้นเลย เมื่อเราเริ่มได้ใกล้ชิดกับเจ้านายทั้งๆที่เข้ามาทำงานได้สักพัก สิ่งแรกที่พวกเขามักจะคิดกัน คือ เราเป็นเด็กเส้น คงจะเส้นใหญ่ซะด้วยถึงข้ามหน้าข้ามตากันขนาดนี้ได้ หรือไม่ก็มองว่า เราเป็นพวกเด็กที่ชอบประจบสอพลอ ตีสนิทกับเจ้านายจนได้งาน

เราเริ่มจับสังเกตได้ว่า ทุกคนในออฟฟิศเริ่มทำตัวแปลกๆกับเรา คือ ต่อหน้าเรา เขาก็พูดคุยเล่นกับเราตามปกติทั่วไปเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ลับหลังก็แอบเอาเราไปใส่ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก บอกว่าเราเป็นอย่างนู้นอย่างนี้บ้างทั้งที่ไม่จริง โดยเฉพาะประโยคทำนองว่า ‘ก็ใช่สิ ทำอะไรก็สู้ลูกรักของเจ้านายไม่ได้หรอก’  

อยากจะบอกเหลือเกินว่า เราไม่เคยอยากจะแก่งแย่งชิงดีเพื่อเป็นลูกรักของใครทั้งนั้น เพราะ มันเหนื่อยกับการที่ทำอะไรก็ตามแล้วจะต้องมีคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เหนื่อยกับการเข้าสังคมปลอมๆที่ต้องคอยเฟคใส่กันทุกครั้งที่เจอหน้า เหนื่อยกับการต้องรับแรงกระแทกจากความอิจฉาของคนอื่นที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน

เราแค่ต้องการเข้ามาเรียนรู้และใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มีในการทำงานเท่านั้นเอง แล้วมันผิดตรงไหนเหรอ? ที่เราเผอิญตั้งใจทำงานอย่างหนักด้วยตัวเอง จนงานมันออกมาดีกว่าคนอื่นที่คอยอิจฉาเรา แล้วมันใช่เหรอ? ที่เราจะต้องมาโดนคนในออฟฟิศพากันแอนตี้ เพราะ ความอิจฉาริษยาของพวกเขา

แต่ว่าก็ว่าเถอะ บางครั้งเราอาจจะจำเป็นต้องทนอยู่กับสังคมออฟฟิศแบบนี้ไปก่อนสักระยะ ไม่ว่าจะเป็นเพราะ เรายังหางานใหม่ทำไม่ได้ ยังพึงพอใจกับเนื้องานที่ทำ หรือเหตุผลอะไรก็ตาม และในเมื่อเราก็คงจะไปเปลี่ยนความคิดของคนรอบข้างเราไม่ได้ด้วย ทางเดียวที่จะทำให้เราสามารถทำงานที่นี่ต่อไปได้โดยไม่ต้องมีปัญหากับใคร ก็อาจจะต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนตัวเราเองก่อน

ในแง่ของการทำงานนั้น เราไม่จำเป็นจะต้องแกล้งโง่หรือลดทอนความสามารถที่เรามี เพื่อเอาใจพวกที่คอยอิจฉาริษยาเราหรอก เพราะ เราไม่ผิดที่จะตั้งใจทำงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ แล้วงานดันออกมาดีจนถูกใจเจ้านาย พวกเขาต่างหากที่ควรจะเอาเวลาที่มาจับผิดเรา ไปตั้งใจทำงานให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ 

อย่างไรก็ตาม เราก็อาจจะต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นในการทำงานร่วมกับเจ้านายด้วย ไม่ว่าจะสนิทกันขนาดไหน เราก็ต้องเว้นระยะห่างระหว่างเจ้านายและลูกน้องสักหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นที่จับจ้องของคนในออฟฟิศมากเกินไป (แม้ว่าบางทีก็ไม่ใช่ความผิดของเราอีกอยู่ดีนั่นแหละ)

อีกประเด็นที่คิดว่าจะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การใช้อภิสิทธิ์ที่ได้จากการเป็นลูกรัก(ในสายตาคนอื่น) ในการแก้แค้นเพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา เราเข้าใจนะว่า เวลาเป็นฝ่ายถูกกระทำทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนผิด มันน่าอึดอัดใจมากแค่ไหน แต่การที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายกระทำกลับเสมอไป 

ดังนั้น เราก็ไม่ควรใช้ความสนิทสนมที่มีกับเจ้านายในการใส่ร้ายป้ายสี หรือทำให้คนอื่นดูแย่ในสายตาของเจ้านายเช่นกัน ไม่เช่นนั้น การกระทำของเราก็คงไม่ต่างอะไรกับเพื่อนร่วมงานที่คอยเลื่อยขาเก้าอี้เราหรอกนะ

ท้ายที่สุด สำหรับคนที่ตั้งใจทำงานอย่างใจจริงโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร ก็อยากจะบอกว่า เธอทำดีแล้ว และเธอไม่สมควรจะต้องโดนแอนตี้จากสังคมออฟฟิศแบบนี้ แต่ก็อย่างว่า สังคมทุกวันนี้มันอยู่ยาก เราก็ต้องปรับตัวกันต่อไป 

ส่วนคนที่คอยอิจฉาริษยาคนอื่น เพียงเพราะเขาทำงานดีกว่าในสายตาของเจ้านาย ก็อยากจะให้ลองคิดดูอีกทีว่า มันเป็นเพราะเขาที่ดีเกินไป หรือเป็นเพราะเราที่ดีไม่พอ เพราะ ถ้าหากเราหันมาโฟกัสกับงานที่ทำ เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดแล้ว เจ้านายที่มีความยุติธรรมก็ย่อมมองเห็นคุณค่าของเราเสมอ    

อ้างอิง: Harvard Business Review

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/how-to-deal-with-peers-when-they-think-that-you-are-boss-favorite