ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นปีที่โหดร้ายสำหรับใครหลายคน (รวมถึงผู้เขียนเอง) ที่กำลังมองหาความก้าวหน้าในชีวิตการทำงาน ผลพวงจากภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำและวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนนับล้านตกอยู่ในสภาวะเครียดและกดดันอย่างหนัก เด็กจบใหม่มากมาย ที่ร่อนใบสมัครงานส่งไปตามบริษัทอย่างไม่หยุดหย่อน กลับต้องผิดหวัง เมื่อไม่มีทีใดติดต่อกลับ พนักงานประจำ ที่ดูเหมือนจะมีการงานมั่นคง กลับต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ รวมถึงคนทำงานอีกมากมาย ที่ต้องสูญเสียงานและรายได้ โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะทำอย่างไรต่อไป

Credit ภาพประกอบ: freepik ‘ครั้งแรก’ คุณอาจรู้สึกว่า มันเป็นความผิดของผู้อื่น ที่ทำให้คุณต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะทางเศรษฐกิจหรือการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น แต่เมื่อคุณพบเจอกับความผิดหวังเหล่านั้นบ่อยครั้ง ในขณะที่คนรอบตัวเริ่มฟื้นตัว คุณจะเริ่มโทษและเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขาเสมอ หากคุณมีวิธีจัดการกับความคิดของตัวเองดีพอ คงเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะก้าวผ่านมันไป แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่สามารถหาทางออกให้กับชีวิตได้ เมื่อนั้นคุณจะจมปลักอยู่กับความคิดเหล่านั้น จนรู้สึกหมดเรี่ยวแรงจะก้าวต่อ ทั้งที่ในความเป็นจริง ชีวิตของคนเรายังต้องดำเนินต่อไป  ดังนั้น อย่าเพิ่งท้อแท้กับโชคชะตาที่คุณกำลังเผชิญ ยังมีทางอีกมากมายที่จะช่วยรักษาสภาพจิตใจของคุณให้กลับมาแข็งแกร่ง  พร้อมต่อสู้เพื่อวันข้างหน้าอีกครั้ง

ตั้ง‘สติ’ก่อนสตาร์ท

เคยเป็นไหม? ทุกครั้งที่ไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน คุณร้องไห้เสียใจและผิดหวังกับตัวเอง จนไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น หรือ ทุกครั้งที่คุณรู้ว่า คุณกำลังจะถูกเลิกจ้างจากบริษัท คุณรู้สึกมืดบอด จนไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คุณไม่ผิด ที่จะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่คุณต้องเผชิญ เนื่องจากอารมณ์และความรู้สึก เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่อย่าปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้น มาบั่นทอนจิตใจของคุณมากเกินไป เพราะ มันจะทำให้คุณไม่เห็นหนทางที่จะก้าวต่อไป ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ‘ตั้งสติ’ ยอมรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน เมื่อมีสติ คุณจะสามารถพิจารณาและวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และหาหนทางในการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นต่อไป  

อย่าใจร้ายกับตัวเองมากนัก

เมื่อเผชิญกับความรู้สึกที่ว่า “คุณกำลังล้มเหลวในชีวิตการทำงาน” หลายคนมักโทษว่า ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดเหล่านั้น เช่น หากคุณเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้งานทำ แต่ตกสัมภาษณ์นับครั้งไม่ถ้วน คุณอาจโทษตัวเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ ที่ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอสำหรับบริษัท ทั้งที่จริง มีปัจจัยอีกมากมาย เช่น จังหวะเวลา ความเหมาะสม ที่ต้องพิจารณาควบคู่กัน หรือหากท้ายที่สุด ความสามารถของคุณไม่เป็นไปตามที่บริษัทต้องการ นั่นก็ไม่ใช่ความผิดที่คุณต้องแบกรับ เพราะ มนุษย์ย่อมมีข้อผิดพลาดและเรียนรู้ได้ หรือถ้าคุณกำลังจะตกงานอีกไม่กี่วัน คุณอาจรู้สึกว่า ตัวเองทำอะไรผิดพลาดไป หรือไม่ดีพอที่จะรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้ ทั้งที่จริง คุณอาจถูกเลิกจ้างจากสาเหตุอื่น เช่น บริษัทกำลังจะล้มละลายจากพิษเศรษฐกิจ ฯลฯ

ดังนั้น หากคุณมั่นใจว่า คุณได้ทำดีที่สุดแล้ว ที่จะไม่ทำให้ชีวิตการงานของคุณต้องพบกับความล้มเหลว อย่าให้ตัวคุณเองต้องเป็นแพะรับบาปกับความผิดที่คุณไม่ได้ก่อ และจงภูมิใจในตัวเองว่า อย่างน้อยที่สุด คุณได้ลงมือทำอะไรบางอย่าง เพื่อตัวคุณเองอย่างเต็มที่แล้ว และสักวันจะต้องเป็นวันของคุณอย่างแน่นอน

เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

“นี่เรามัวนั่งทำอะไรอยู่ ดูสิเพื่อนเค้าไปกันถึงไหนแล้ว?” เป็นคำถามที่คุณอาจย้อนกลับมาถามตัวเอง เมื่อพบว่า เพื่อนร่วมรุ่นของคุณ รุ่นน้อง หรือคนรู้จัก กำลังไปได้สวยในชีวิตการทำงาน ทุกคนรอบตัวต่างวุ่นวายกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนและงานที่เขาเลือก บางคนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นที่เลขานุการของ CEO หรือผู้จัดการอนาคตไกล ในขณะที่คุณรู้สึกว่า ชีวิตของคุณยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หากคุณกำลังถามตัวเองแบบนั้น นั่นหมายความว่า คุณกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

การเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้าง เปรียบเสมือนการทำร้ายจิตใจตัวเองทางหนึ่ง ที่ทำให้เราจมปลักอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ จนไม่สามารถหาทางออกให้กับชีวิตได้ คุณอาจคิดวกวนไปมาว่า คุณไร้ศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองไปสู่จุดที่คนอื่นยืนอยู่ แต่ความจริง คือ จังหวะชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความล้มเหลวที่คุณเผชิญในวันนี้ ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า คุณจะล้มเหลวไปตลอดชีวิต ในทางกลับกัน ก็ไม่ได้หมายความว่า คนรอบข้างที่มีชีวิตสวยหรู จะไม่เจออุปสรรคใดในวันข้างหน้า ดังนั้น หยุดทำร้ายจิตใจด้วยการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น กลับมาส่องกระจก แล้วบอกกับตัวเองทุกครั้งว่า คุณ คือ คนที่เจ๋งที่สุด เพื่อให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองและมีแรงสู้ต่อในวันที่ท้อแท้ จงโฟกัสที่ชีวิตของคุณ ทำทุกสิ่งอย่างให้ดีที่สุด แล้ววันหนึ่งคุณจะประสบความสำเร็จ

ระบายความทุกข์ให้คนรู้ใจรับรู้

คุณอาจมองว่า “ความรู้สึกล้มเหลวในชีวิตการทำงาน”เป็นเรื่องส่วนตัวที่ควรเก็บไว้คนเดียว และละอายใจที่จะเปิดเผยด้านเปราะบางของคุณให้คนอื่นรับรู้ แต่เชื่อเถอะว่า การที่คุณกดทับความรู้สึกเหล่านี้ไว้ในใจ จะทำให้คุณยึดติดกับความคิดแย่ๆของตัวเอง จนไม่สามารถสลัดมันออกไปจากจิตใจคุณได้ 

เพราะฉะนั้น การระบายความทุกข์ให้คนรู้ใจรับรู้ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะช่วยให้คุณลุกขึ้นและก้าวต่อไปได้ ในวันที่คุณล้ม คนรู้ใจนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะ สามีภรรยา หรือ แฟน แต่หมายถึงทุกคนที่คุณสามารถเผยด้านที่เปราะบางที่สุดให้พวกเขารับรู้ได้โดยสนิทใจ แม้ว่าบางครั้ง คุณอาจรู้สึกผิดมาก ที่คนรู้ใจของคุณต้องทนฟังคุณร้องไห้ทั้งคืน หรือเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ แต่ถ้าหากคนเหล่านี้ รักและหวังดีกับคุณจากใจจริง พวกเขาก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำ ที่จะช่วยให้คุณพบทางสว่างและอยู่เคียงข้างคุณทุกครั้งที่คุณต้องการ

ความล้มเหลวเป็นบทเรียนชีวิตอันล้ำค่า

เป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเผชิญกับ ‘ความล้มเหลว’ สักครั้งในชีวิต อย่ามองว่า ความล้มเหลวในชีวิตการทำงานที่คุณเจอ เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่ต้องลบออกไปจากความทรงจำ ในทางตรงข้าม คุณควรจดจำทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น จดจำทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จดจำทุกคนที่อยู่เคียงข้างคุณยามทุกข์ยาก และเรียนรู้ชีวิตจากความทรงจำเหล่านั้น เพื่อก้าวผ่านมันไป ดังนั้น จงรู้สึกยินดี ที่คุณได้เผชิญกับ ‘ความล้มเหลวในชีวิตการทำงาน’ เพราะ นั่นคือ บทเรียนชีวิตอันล้ำค่า ที่เมื่อคุณมองย้อนกลับไป คุณจะรู้สึกขอบคุณความล้มเหลวเหล่านั้น ที่ทำให้คุณเติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่ง และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างสง่างาม 

สำหรับผู้อ่านท่านใดที่สนใจบทความเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน ทักษะที่จำเป็นในอนาคต สามารถลงทะเบียนเพื่อรับอัพเดทข้อมูลข่าวสาร และบทความในอนาคต จาก Techsauce Thailand ได้ ที่นี่