ปัจจุบันเทรนด์การทำงานกำลังเปลี่ยนไปเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นการปรับให้เข้ากับการทำงานทางไกลหรือแบบไฮบริด สิ่งสำคัญคือการพัฒนาทักษะให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ผู้จัดการเกือบ 9 ใน 10 กล่าวว่า ขณะนี้องค์กรกำลังเผชิญกับช่องว่างด้านทักษะ (Skill gaps) อีกทั้งยังคาดหวังให้พนักงานพัฒนาทักษะของตนเองภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยทักษะที่มีความสำคัญต่อการทำงานในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงทักษะเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึง Power Skills ด้วย
Power Skills คืออะไร?
หลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับคำว่า Soft Skills หรือทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะ เป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน แต่การเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า Soft Skills ทำให้รู้สึกว่าทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่มีความสำคัญในการทำงานน้อยกว่า Hard Skills
ดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนคำว่า Soft Skills เป็น Power Skills เพื่อแสดงให้เห็นว่าทักษะเหล่านี้เป็นทักษะทรงพลังที่มีความสำคัญต่อการทำงานและองค์กรไม่แพ้ Hard Skills
Power Skills ที่ควรมีติดตัวในปี 2022
จากข้อมูลโดย Udemy Business ชี้ให้เห็นว่า Power Skills กำลังเป็นที่ต้องการ โดย Power Skills ที่มีการเติบโตสูงมี 3 หมวดหมู่หลักๆ ได้แก่ ความเป็นผู้นำและการจัดการ ความมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาตนเอง โดยข้อมูลจาก Udemy แสดงให้เห็นว่าความต้องการในเรื่องต่างๆ เช่น ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก การคิดเชิงกลยุทธ์ ทักษะการฟัง และการบริหารจัดการเวลาพุ่งสูงขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งการพัฒนาความเป็นผู้นำยังเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกองค์กร ตั้งแต่ทีมผู้บริหารไปจนถึงผู้บริหารระดับกลางและพนักงานคนอื่นๆ โดยทักษะความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง การสร้างแรงจูงใจให้กับทีม และการส่งเสริมการเป็นส่วนหนึ่งของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังเผชิญกับการระบาดของ COVID-19
การสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
เนื่องจากการเติบโตของ Remote work ในปี 2020 ทำให้เราต้องประชุมทางวิดีโอกันมากขึ้น และหลายคนคงรู้จักกับแนวคิด Zoom fatigue หรือความเหนื่อยล้าจากการประชุมติดๆ กัน ซึ่งเกิดจากการที่เราจ้องตัวเองทั้งวันจากการประชุมออนไลน์ แต่ไม่ว่าจะเป็นการประชุมแบบตัวต่อตัว แบบเสมือนจริง หรือแบบผสม สิ่งสำคัญที่ควรมีในช่วงเวลานี้และช่วงเวลาต่อจากนี้ก็คือ ทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
5 ทักษะน่าเรียนรู้ - ความกล้าแสดงออก, การอำนวยความสะดวก, การสร้างทีมสัมพันธ์, การเขียนเชิงธุรกิจ และการคิดเชิงวิพากษ์
ความเป็นผู้นำและการจัดการ
ทักษะความเป็นผู้นำและการจัดการไม่ใช่แค่ทักษะสำหรับผู้ที่มีตำแหน่ง ‘ผู้จัดการ’ แต่เป็นทักษะที่ทุกคนควรมี ธุรกิจใดที่ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมด้านการเป็นผู้นำให้กับพนักงานทุกคน มีแนวโน้มที่จะมีผลงานดีกว่าธุรกิจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ถึง 4.2 เท่า ทั้งในแง่ของอัตราการเติบโตของรายได้ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
5 ทักษะน่าเรียนรู้ - ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก, การตั้งเป้าหมาย OKR, การคิดเชิงกลยุทธ์, การแก้ปัญหา และการโค้ชด้านการจัดการ
ความมีประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกัน
ปัจจุบันมีพนักงานจำนวนมากที่ยังคงทำงานจากที่บ้าน รวมถึงมีการเติบโตของทีมทั่วโลก ทำให้ไม่ว่าจะมีเพื่อนร่วมงานจากที่ไหนในโลกก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรมีก็คือความมีประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการนำเสนอความคิดอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น การใช้ PowerPoint และ Windows จะช่วยให้พนักงานสื่อสารและนำเสนอความคิดของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การรู้ทางลัด (Shortcut) หรือเคล็ดลับต่างๆ ก็จะช่วยให้ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
5 ทักษะน่าเรียนรู้ - ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์, การบริหารจัดการเวลา, Windows 10, SharePoint และ PowerPoint
การพัฒนาตนเองและสุขภาพ
สุขภาวะที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นจากนอกเวลาทำงานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานด้วย จากการวิจัยโดย Deloitte พบว่า พนักงานคาดหวังว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับสุขภาวะที่ดีของพนักงาน โดยผู้นำด้านการเรียนรู้และพัฒนา (L&D) มองว่า การพัฒนาตนเองและสุขภาพ คือ การมอบโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่นอกเหนือจากหน้าที่การทำงานในแต่ละวัน
5 ทักษะน่าเรียนรู้ - ภาษาอังกฤษ (IELTS), การออกแบบภายใน, ทฤษฎีดนตรี, เปียโน และฟิตเนส