เมื่อวิถีชีวิตการทำงานของคนเปลี่ยนไปจากเดิม นิยามคำว่า Work Productivity จะเปลี่ยนไปอย่างไรในยุค Hybrid | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
เมื่อวิถีชีวิตการทำงานของคนเปลี่ยนไปจากเดิม นิยามคำว่า Work Productivity จะเปลี่ยนไปอย่างไรในยุค Hybrid
By Connext Team กันยายน 24, 2021
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นต้นมา เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของมนุษย์เงินเดือนแทบทุกที่ก็ไม่เคยตัดขาดออกจากกันอีกเลย รวมไปถึงพนักงานออฟฟิศของ Microsoft ที่เมือง Seattle ของสหรัฐอเมริกาด้วย ทุกคนล้วนถูกส่งกลับบ้านและเรียนรู้ชีวิตการทำงานแบบ Hybrid ที่ไม่มีใครเคยเข้าใจมาก่อน 

คำถาม คือ เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นิยามคำว่า ‘Productivity’ สำหรับการทำงานจำเป็นต้องเปลี่ยนตามไปด้วยหรือไม่?

ทีมนักวิจัยจำนวนมากทั้งจาก Microsoft LinkedIn และ Github ต่างร่วมมือกันศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับปรากฎการณ์การทำงานที่เกิดขึ้น ซึ่งเรียกกันว่า New Future of Work เพื่อค้นหาคำตอบว่า การทำงานแบบ Work From Home และ Hybrid ให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่เราต้องรับผิดชอบสิ่งอื่นในบ้านไปด้วย ควรจะเป็นอย่างไร? โดยทีมนักวิจัยได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยไปแล้วมากกว่า 50 โปรเจค ณ ขณะนี้

จากการศึกษาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพบว่า มนุษย์ออฟฟิศที่ทำงานแบบ Work From Home มักจะเกิดความรู้สึกย้อนแย้งในตัวเองที่เรียกว่า Hybrid Paradox หรือความรู้สึกที่คิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างออฟฟิศนะ แต่ก็ไม่อยากเสียความเป็นอิสระจากการทำงานที่บ้านเหมือนกัน ซึ่งทำให้นิยามของคำว่า ‘Productivity’ ที่เราใช้วัดและประเมินผลกันอยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

ดังนั้น ผลจากงานวิจัยชี้ว่า หัวหน้างานหรือผู้ประกอบการควรที่จะสร้างนิยามของคำว่า ‘Productivity’ ในการทำงานเสียใหม่ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จ แต่ต้องรวมไปถึงกระบวนทำงานที่สอดคล้องกับวีถีชีวิตแบบใหม่เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพพร้อมกับสุขภาพจิตที่ดีด้วย

‘Productivity’ นิยามใหม่ในยุคการทำงานแบบ Hybrid

จริง ๆ แล้ว การจะวัดและประเมินว่า คนนึง ๆ สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทีมนักวิจัยจึงเลือกข้อมูล 2 ชุด ได้แก่ Self-reported Data ที่ได้จากการสอบถามความรู้สึกของพนักงานเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง และ Worker Activity Data ที่ได้จากจำนวนชิ้นงาน ข้อความ และอีเมลที่ส่งระหว่างการทำงาน มาใช้การศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของผู้คนในยุค Hybrid

พวกเขาพบว่า เมื่อผู้คนส่วนใหญ่หันมาทำงานแบบ Work From Home และ Hybrid ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นด้วยซ้ำ โดยจากการสำรวจความรู้สึกของพนักงานกว่า 30,000 คนทั่วโลก ที่มีต่อประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองพบว่า พวกเขายังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม สอดคล้องกับ Worker Activity Data ที่ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการสำรวจครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ Work From Home และ Hybrid จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ ‘Productivity’ ในการทำงานมากนัก แต่หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว มันกลับซ่อนอะไรไว้มากกว่าที่เราคิด 

ผลจากเส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวที่หายไป เป็นผลให้พนักงาน Microsoft กว่า 50%ทำงานในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น 54% รู้สึกว่าตัวเองทำงานหนัก และ 39% รู้สึกเหนื่อยล้าจากงานที่ทำในปัจจุบัน ซึ่งตัวเลขทั้งหมดถูกซ่อนไว้ภายใต้คำว่า ‘Productivity’ ในความหมายแบบเดิมที่เราเข้าใจกัน 

ยิ่งกว่านั้น พนักงานออฟฟิศยังเสียผลประโยชน์มากมายจากการทำงานที่ออฟฟิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อเพื่อนร่วมงาน โดยพนักงานกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการศึกษาวิจัยกล่าวว่า กระบวนการทำงานที่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น Group Brainstorming เป็นไปด้วยความยากลำบากเมื่อเทียบกับการทำงานที่ออฟฟิศ 

เพราะฉะนั้น นิยามของคำว่า ‘Productivity’ สำหรับการทำงานแบบที่เราเคยเข้าใจกัน จึงไม่เหมาะสมกับวิถีชีวิตการทำงานที่เปลี่ยนไป และถึงเวลาที่จะต้องนิยามออกมาในรูปแบบใหม่ด้วยแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังต่อไปนี้

#Well-being ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนทำงาน

เมื่อทำงานแบบ Work From Home พวกเราทุกคนมักรู้สึกว่า การนั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็นเสมือนว่าเราทำงานที่ออฟฟิศ เป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพและใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก อย่างไรก็ตาม การทำงานจากบ้านที่เราต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ด้านอื่นด้วย เช่น งานบ้าน การเลี้ยงดูเด็กหรือสัตว์เลี้ยง ทำให้เราไม่สามารถโฟกัสอยู่กับงานได้ตลอดเวลาเหมือนเดิมอีกต่อไป

ดังนั้น คำว่า ‘Productivity’ สำหรับการทำงานในยุคนี้ จึงเปลี่ยนจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ไปเป็นการจัดสรรเวลาระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัวต่างหาก เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราโดยภาพรวมดีขึ้นกว่าเดิม มิฉะนั้นแล้ว หากเรายังฝืนทนทำงานต่อไปทั้งที่รู้ว่า เราไม่สามารถจัดการชีวิตของตัวเองได้ ต่อให้พยายามทำงานหนักมากแค่ไหน การทำงานในครั้งนั้นก็ไม่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าหรอก   

#Collaboration การทำงานและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น

สำหรับพนักงาน Microsoft นั้น เหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาอยากจะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ก็คือ การได้กลับไปเจอเพื่อนร่วมงานและทำงานด้วยกันเหมือนที่เคยเป็น อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบ Work From Home หรือแม้กระทั่ง Hybrid เอง ก็อาจจะไม่ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนและทุกทีมกลับเข้าไปทำงานพร้อมกันได้เหมือนเดิม ถึงแม้ว่ากระบวนการทำงานบางอย่าง เช่น Group Brainstorming จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อทำงานที่ออฟฟิศก็ตาม

ดังนั้น คำว่า ‘Productivity’ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงการทำงานร่วมกันด้วย เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการทำงานรูปแบบใหม่ ซึ่งแต่ละทีมจำเป็นจะต้องปรึกษาและตกลงถึงสไตล์การทำงานร่วมกันว่า ทิศทางการทำงานในอนาคตจะเป็นอย่างไร? มีอะไรที่จำเป็นต้องมาทำร่วมกันที่ออฟฟิศบ้าง? นอกจากนี้แล้ว การนัดพูดคุยหรือทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานภายในทีม ก็สามารถช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานยังคงแน่นแฟ้นต่อไปได้ แม้จะไม่ได้ใช้เวลาในการทำร่วมกันมากเหมือนเดิมก็ตาม 

#Innovation การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ

แน่นอนว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำงานในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและไม่มีอะไรแน่นอน ซึ่งการที่องค์กรหนึ่ง ๆ จะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรสักอย่างออกมาได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกคนในการแสดงเสนอไอเดีย แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับการแบ่งสัดส่วนการทำงานแบบ Collaboration และ Individual ได้อย่างเหมาะสม

ดังนั้น เมื่อพิจารณาร่วมกับนิยามของคำว่า ‘Productivity’ ในข้อสองแล้วนั้น แม้ว่าการทำงานร่วมกันจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น แต่กระบวนการทำงานบางอย่าง ก็เหมาะแก่การใช้สมาธิในการทำงานเงียบ ๆ คนเดียว โดยเฉพาะเมื่อหน้าที่รับผิดชอบของทุกคนในทีมถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยวิธีนี้จะทำให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์งานได้อย่างเต็มที่ จนเกิดออกมาเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิดต่อไปในอนาคต

อ้างอิง: Harvard Business Review

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/redefine-the-meaning-of-work-productivity