ลาก็เหมือนไม่ได้ลา เพราะต้องคอยเข้าประชุมที่ถูกยิงมาโดยไม่รู้ตัว
ป่วยก็พักไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีเรา งานก็เดินต่อไปไม่ได้
มีทีมแต่ก็เหมือนทำงานอยู่คนเดียวต้องคอยรับจบทุกจ็อบตลอด
ถ้าเพื่อน ๆ ประสบปัญหาแบบด้านบนอยู่ ConNEXT เข้าใจ! ในบทความนี้เราจะมาให้เพื่อน ๆ ลองเช็กตัวเองว่ากำลังประสบปัญหาเดอะแบกอยู่หรือเปล่า? พร้อมวิธีแก้ไขให้บ่าของเราเบาลง พร้อมแล้วไปต่อกันเลย
เดอะแบกคืออะไร?
- คนอื่นมักจะนึกถึงเราเสมอ เมื่อมีงานเร่งด่วน งานยาก ๆ หรืองานที่ไม่มีใครทำ
- ใส่ใจกับความต้องการของผู้อื่น แต่กลับละเลยความต้องการของตัวเอง
- รู้สึกไม่ชอบ ถ้ารู้ว่าคนอื่นขาดความรับผิดชอบ แต่จะหลีกเลี่ยงการปะทะและปัญหา เลยรับจบเองคนเดียว
- เป็น People Pleaser ชอบ Say ‘YES’ กับสิ่งที่ถูกขอให้ทำ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเต็มใจเท่าไหร่
- ชอบลุยเดี่ยว แอบเป็น Perfectionist ไม่ชอบปล่อยผ่านข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ
- ขี้เกรงใจไม่กล้าขอให้ใครช่วยแบ่งเบาภาระงาน
- พอทำงานเยอะสมองเบลอ ก็เกิดความผิดพลาดเยอะมากขึ้น ทำให้ความมั่นใจตัวเองลดลง
หากเพื่อน ๆ เป็นคนตามที่ลิสต์ข้างบนกล่าว อาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังมีความรับผิดชอบมากเกินไป แม้ว่าการถูกนึกถึงจะทำให้รู้สึกว่าเรามีความสามารถและการช่วยเหลือผู้อื่นก็ทำให้เรารู้สึกดี แต่สิ่งเหล่านี้อาจสร้างบ่อเกิดของความเครียดและหมดไฟได้ในที่สุด
3 วิธีหาสมดุลให้งานที่กองอยู่บนบ่าตัวเองเบาลง
1. รู้จักสาเหตุที่ทำให้เราไม่ยอมปฏิเสธ
สาเหตุที่ทำให้ใคร ๆ ก็ชอบโยนงานขึ้นบ่าเรา อาจจะเกิดจากประโยคสั้น ๆ จากเราเอง เช่น ได้ค่ะ หรือ ได้เลย… เดี๋ยวจัดการให้ แม้จะไม่พอใจที่ได้งานเพิ่มแต่กลับปากหนัก ปฏิเสธไม่ออกเลยต้องก้มหน้ารับงานนั้นมา
แต่รู้หรือไม่? พฤติกรรมนี้อาจติดตัวเรามาตั้งแต่เด็กโดยสถานการณ์บางอย่าง ที่อาจทำให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ว่าความต้องการของเราไม่เคยได้รับการตอบสนองและไม่ได้รับความสนใจ จนทำให้ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าวัย
ส่งผลให้หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการปะทะทางอารมณ์ โดยการสนใจความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองและแสวงหาการยอมรับผ่านการเสียสละทั้งแรงกายและแรงใจนั่นเอง
ซึ่งวิธีแก้ที่สาเหตุคงต้องเริ่มที่การปรับ Mindset ใหม่ โดยการหัดยอมรับความรู้สึกตัวเอง จดบันทึกความคิดและความรู้สึกเป็นอีกวิธีที่ดีที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเอง นอกจากนี้ให้คิดว่าการปฏิเสธจะนำมาซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถและความมั่นใจในการทำงานให้กับผู้อื่น ปล่อยให้พวกเขาเผชิญกับงาน แก้ไขปัญหาและยอมรับความผิดพลาดด้วยตัวพวกเขาเอง
2. ยอมรับความช่วยเหลือ
หยุด Say ‘YES’ และเลิกขอความช่วยเหลือจากตัวเอง ถึงเวลาที่จะปรับสมดุลการทำงานใหม่แล้วโดยการฝึกยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยให้คิดว่าคนที่ยื่นมือมาช่วยเรา หากเรายอมรับความช่วยเหลือนั้น เขาก็จะมีความสุขที่ได้ช่วยเรา เหมือนตอนที่เราไปช่วยคนอื่น นอกจากนี้ การมีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระงานยังช่วยทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ แถมยังเพิ่มระดับความสัมพันธ์ในการทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงานแบบเชิงบวกได้อีกด้วย
3. ส่งมอบความรับผิดชอบ
ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเต็มใจรับงานที่ได้รับหรือถูกบังคับให้รับงาน ถึงเวลาแล้วที่จะส่งคืนให้กับเจ้าของตัวจริง
เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เช่น แบ่งงานง่าย ๆ ให้เพื่อนร่วมงานที่ควรทำและคืนความรับผิดชอบของโปรเจ็กต์นั้น ๆ ให้กับสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ช่วยกันทำต่อไป
โดยอาจจะสื่อสารถึงงานที่เพื่อน ๆ กำลังทำและการทำงานร่วมกันในขั้นตอนของการโอนย้ายงาน ตัวอย่างเช่น “เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ตรวจสอบงานทุกอย่างที่อยู่ใน List ของฉันและได้เขียนอีเมลอัปเดตเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้แล้ว และฉันคิดว่าความรับผิดชอบในขั้นตอนต่อไปควรเป็นของคุณและอยากให้คุณดำเนินการแทนตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หากต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้เลยนะคะ”
แม้ในการโอนถ่ายงานในช่วงแรกจะตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ขอฝืนใจ ไม่เช่นนั้น เพื่อน ๆ อาจจะต้องกลับไปวนลูปรับภาระงานขึ้นบ่าจุดเดิมแน่นอน
มาเริ่มเป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกับคนในทีมอย่างมีประสิทธิภาพแทนการแบกงานทั้งโลกไว้ที่บ่าตัวเองกันนะ อย่าลืม “หัดปฏิเสธ-ยอมรับความช่วยเหลือ-แบ่งงาน” พร้อมแล้วก็ไปลุย เพื่อเราคนใหม่กันเถอะ!
อ้างอิง HBR, Laurakconnell