หลายคนรู้ดีว่ากาแฟดีต่อสุขภาพและช่วยยืดอายุขัย แต่ต้องดื่มเวลาไหนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกันล่ะ
จากการศึกษางานวิจัยต่าง ๆ รวมกัน 127 งานวิจัย พบว่า การดื่มกาแฟ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 20
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ 5 เปอร์เซ็นต์
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
- ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคพาร์กินสันได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
กาแฟสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ โดยทำให้ร่างกายของเราเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ซ่อมแซม DNA บรรเทาอาการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และปรับปรุงประสิทธิภาพของเอ็นไซม์ที่ควบคุมอินซูลินและกลูโคส จึงไม่น่าแปลกใจที่โดยเฉลี่ยแล้ว คนดื่มกาแฟจะมีอายุยืนยาวกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟ
อย่างไรก็ดี งานวิจัยด้าน “กาลเภสัชวิทยา” (Chronopharmacology) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของประสาทวิทยาที่ศึกษาว่า ยาทำงานอย่างไรกับนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติของผู้คน พบว่า การดื่มกาแฟในช่วงเวลาที่แตกต่างกันสามารถเพิ่มหรือลดประโยชน์ของกาแฟได้ หรือแม้กระทั่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สมองของเรานั้นมีส่วนหนึ่งที่เรียกว่า suprachiasmatic nucleus (SCN) ส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมคอร์ติซอล หรือ “ฮอร์โมนความเครียด” เช่นเดียวกับคาเฟอีน เมื่อมีคอร์ติซอล เราจะรู้สึกสดชื่น มีพลัง แต่เมื่อไม่มีคอร์ติซอล เราจะรู้สึกง่วง
SCN จะปล่อยคอร์ติซอลตามนาฬิกาชีวิตของเรา ซึ่งเป็นรอบ 24 ชั่วโมงที่แตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับคนแต่ละคน ตัวอย่างเช่น คนที่นอนเร็วตื่นเช้า หรือ ‘Early Bird’ และคนที่นอนดึกตื่นสาย หรือ ‘Night Owl’ จะมีจังหวะชีวิตที่ตรงข้ามกันประมาณ 12 ชั่วโมง
นักประสาทวิทยา Steven L. Miller ซึ่งเป็นนักวิจัยด้านดุษฎีบัณฑิตที่ Geisel School of Medicine at Dartmouth กล่าวว่า การดื่มกาแฟในขณะที่ SCN ของเราปล่อยคอร์ติซอลออกมาจำนวนมากจะจำกัดผลในเชิงบวก เนื่องจากเรา “ถูกกระตุ้นและตื่นตัว” แล้ว
กล่าวคือ กาแฟ + คอร์ติซอล = ความเครียดที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพของเรา)
ตรงกันข้าม หากเราดื่มกาแฟในขณะที่ระดับคอร์ติซอลต่ำ จะทำให้อารมณ์และระดับพลังงานของเราราบรื่นขึ้น เราจะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นโดยไม่กระวนกระวายใจ
สำหรับคนทั่วไป (เช่น คนที่ตื่นนอนประมาณ 6:30 น.) ระดับคอร์ติซอลจะสูงสุดที่:
- 8.00–9.00 น.
- เที่ยงวัน ถึง 13.00 น.
- 17:30 ถึง 18:30 น.
คนที่นอนเร็วตื่นเช้า (เช่น Tim Cook CEO ของ Apple ซึ่งตื่นนอนเวลา 03:45 น.) ต้องปรับตัวเลขเหล่านี้กลับหลังประมาณ 3 ชั่วโมง และคนที่นอนดึกตื่นสาย (เช่น Alexis Ohanian ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit ซึ่งตื่นนอนเวลา 10.00 น.) ต้องปรับตัวเลขเหล่านี้ไปข้างหน้าประมาณ 3 ชั่วโมง
ดังนั้น ด้วยวงจรเหล่านี้ เวลาที่ดีที่สุดเพื่อดื่มกาแฟแก้วแรกของคนทั่วไปคือเวลาใดกันล่ะ
ในช่วงเช้า ระดับคอร์ติซอลจะเริ่มสูงเพื่อช่วยให้เราตื่นตัวเมื่อตื่นนอน ดังนั้น หากเราดื่มกาแฟแก้วแรกเป็นอาหารเช้าหรือระหว่างเดินทาง เราจะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่และอาจสร้างความเครียดโดยไม่จำเป็น
ในช่วงมื้อกลางวัน ระดับคอร์ติซอลจะสูง หากเราดื่มกาแฟแก้วแรกในช่วงนี้ ประสิทธิภาพก็จะลดลงได้
ในช่วงบ่าย แม้ว่าคอร์ติซอลจะลดลง การดื่มกาแฟก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะจากรายงานของ WebMD คาเฟอีนยังคงอยู่ในระบบของเรานานถึง 12 ชั่วโมงและสามารถสร้างอาการนอนไม่หลับ (insomnia) สร้างแหล่งความเครียดมหาศาล และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การดื่มกาแฟในตอนเย็นก็เช่นเดียวกัน (แม้ว่า decaf ก็น่าจะโอเค)
ดังนั้น เวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนทั่วไป (ที่ไม่ใช่คนนอนเร็วตื่นเช้าและคนนอนดึกตื่นสาย) ที่จะดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน คือ ระหว่าง 9:30 น. — 11:30 น.
นอกจากนี้ เพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากกาแฟ เราควรดื่มกาแฟ 4–6 แก้ว ( 8 ออนซ์) ในช่วงเวลาสองชั่วโมงนั้น
หมดแก้ว!
รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมเลือกเวลาดื่มให้เหมาะสมและจำกัดปริมาณอย่าให้มากจนเกินไป เราจะได้สุขภาพดีและดื่มกาแฟได้อีกนาน
อ้างอิง: Inc. Magazine
สำหรับผู้อ่านท่านใดที่สนใจบทความเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน ทักษะที่จำเป็นในอนาคต สามารถลงทะเบียนเพื่อรับอัพเดทข้อมูลข่าวสาร และบทความในอนาคต จาก ConNEXT ได้ ที่นี่ https://bit.ly/3xKvJtn
ติดต่อร่วมงานกับ ConNEXT ได้ที่อีเมล [email protected]