คนเราเปลี่ยนกันได้จริงหรือ? Introvert เปลี่ยนเป็น Extrovert มีผลดีและผลเสียอย่างไร? | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
คนเราเปลี่ยนกันได้จริงหรือ? Introvert เปลี่ยนเป็น Extrovert มีผลดีและผลเสียอย่างไร?
By Chanapa Siricheevakesorn พฤศจิกายน 4, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

เชื่อว่าทุกคนรู้จักนิยามของคนประเภท “Extrovert” และ “Introvert” กันอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทยุคใหม่เปรียบเสมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ Extrovert เนื่องจากคนประเภทนี้มักเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นและเลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น 

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทยุคใหม่หลายแห่งต้องการ Extrovert มากขึ้น และมักจะสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเข้าสังคมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ Introvert หลายคนจึงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น Extrovert แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่ ConNEXT จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน

การวิจัยพบว่าการเข้าร่วมสังคมก็จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ของคนประเภท Introvert ในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ และเมื่อ Introvert ได้ทำกิจกรรมเข้าสังคมมากกว่าปกติ พวกเขาจะรู้สึกดี มีความสุข และมีพลังงานบวกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังแสดงให้เห็นอีกว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อาจจะให้ผลดีในระยะสั้น แต่ส่งผลเสียในระยะยาว Introvert ที่พยายามปรับตัวเป็น Extrovert มีแนวโน้มว่าจะมีความสุขและพลังงานที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของตนเองจะส่งผลให้ระดับพลังงานลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะนำไปสู่อาการเหนื่อยล้าทางจิตใจในที่สุด

ตัวอย่างเช่น การเข้าร่วมงานสร้างเครือข่ายซึ่งเปิดโอกาสให้ได้พบปะผู้คนมากขึ้นอาจทำให้ Introvert รู้สึกเหนื่อยล้าจนเกิดความเครียดและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงแนะนำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสมและพอประมาณ ไม่รีบร้อน และจงให้เวลากับตัวเอง

ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไรจึงจะเหมาะสมและเกิดความสมดุล? 

การไตร่ตรองและประเมินตัวเองเป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง ถามตัวเองว่า ถ้าเราต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์หรือสังคมที่แตกต่างกันไป เราจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์หรือสังคมนั้น ๆ และต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจจากการเข้าไปอยู่ในที่นั้น ๆ การประเมินตัวเองและเลือกแนวทางเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเป็นการคาดการณ์เบื้องต้นว่าแนวทางไหนจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับตัวเอง

เมื่อประเมินตัวเองและกำหนดแนวทางได้แล้ว ขั้นต่อไป คือ การใช้เทคนิคจากนักวิจัยที่สามารถช่วยให้การเปลี่ยนแปลงจาก Introvert สู่ Extrovert เกิดความสมดุลได้ ซึ่งการกำหนดเวลาหรือจัดตารางเวลาเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก ตัวอย่างเช่น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Barack Obama เผยว่าตนเองเป็นคนประเภท Introvert แต่จำเป็นต้องทำงานแบบ Extrovert ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องจัดตารางเพื่อแบ่งเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งแบบ Introvert และ Extrovert เช่น หลังจากได้พบปะผู้คน เข้าร่วมการอภิปรายสาธารณะ และกล่าวสุนทรพจน์ เขามักจะใช้เวลาแกะสลักตามลำพังคนเดียว

การจัดตารางเวลาแบบนี้จะช่วยให้ Introvert ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมดุล เพราะจะมีเวลาพักที่สามารถอยู่กับตัวเองคนเดียวได้หลังจากที่ได้เข้าสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนการรีชาร์จหรือเติมเต็มพลังให้ตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวลมากเกินไป

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเป็น Extrovert มีผลประโยชน์แก่โลกการทำงาน เนื่องจากในการทำงานนั้นจำเป็นต้องมีการผลักดันตัวเองเข้าสู่สังคมเพื่อความก้าวหน้าในสายงาน ไม่ว่าจะเป็นการพูดในประชุมหรือแม้แต่งานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัท 

อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่เป็น Extrovert โดยธรรมชาติก็สามารถหมดไฟได้เช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น Extrovert ต้องรู้จักประเมินตัวเองก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การรู้จักขีดจำกัดของตัวเอง ใช้พลังงานของตัวเองอย่างชาญฉลาด และอย่าลืมให้เวลาตัวเองเพื่อชาร์จพลังงานในยามจำเป็นด้วย

เขียนโดย Chonlasit Tadapairot

อ้างอิง HBR 

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/life-hacks/what-benefits-and-drawbacks-do-introverts-and-extroverts-each-have