ในปี 1860 ประเทศฟินแลนด์ประสบวิกฤติ ปัญหาความอดอยาก ซึ่งคร่าชีวิต 9 % ของประชากร ต่อมาในปี 2018 เครือข่าย Sustainable Development Solutions Network ภายใต้องค์การสหประชาชาติ ได้ยกให้ฟินแลนด์เป็นประเทศที่ “ประชาชนมีความสุขที่สุดในโลก” ประเทศอื่น ๆ ในแถบนอร์ดิกที่ได้อันดับรองลงมาได้แก่ นอร์เวย์ เดนมาร์ก และ ไอซ์แลนด์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟินแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นประเทศที่มีความมั่นคงที่สุด อิสระที่สุดและปลอดภัยที่สุดจากการจัดอันดับของหลายองค์กร ซึ่งก็อาจะเข้าใจได้ แต่ประเทศที่มีอุณหภูมิ ที่ประมาณ -20 ° C อีกทั้งบางตอนของประเทศแทบไม่ได้รับแสงอาทิตย์เลย มันเป็นเรื่องน่าคิดว่าอะไรกันที่ทำให้ประชาชนมีความสุข
The World Happiness Report รายงานความสุข ได้ใช้ข้อมูลการสำรวจทั่วโลกจาก Gallup ทำการวัดความพึงพอใจในชีวิตของผู้คน โดยวัดจากตัวแปรต่าง ๆ เช่น GDP ต่อหัว การสนับสนุนทางด้านสังคม การมีอายุขัยที่แข็งแรง เสรีภาพในการเลือกใช้ชีวิต ความเอื้ออาทร และอัตราการทุจริต
ความแตกต่างระหว่างประเทศที่ติดอันดับต้นๆ มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประเทศที่ติดห้าอันดับแรก ตัวเลขไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว
รายงานของปีนี้วัดความสุขของผู้ย้ายถิ่นฐาน หรือ imigrant เป็นครั้งแรกด้วย และฟินแลนด์ก็ติดอันดับในหมวดนี้ด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า สังคมที่มีความสุขก็คือสังคมที่มีระบบ และสถาบันทางสังคมที่สนับสนุน เกื้อหนุนกันและกัน อีกทั้งพวกเขายังมีความเต็มใจที่จะรับ และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อพยพด้วยกันมากขึ้น
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ประเทศที่ยากจนที่สุด และมีความรุนแรงที่สุด เป็นประเทศที่น่าสงสาร เป็นเรื่องที่ยากที่จะมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นประเทศเยเมนหรือซีเรีย
เคล็ดลับความสุขของคนฟินแลนด์คืออะไร?
ฟินนิช หรือคนฟินแลนด์เนี่ย เขาบอกว่า “ความสุขคือการมีกระท่อมสีแดงในฤดูร้อน และทุ่งมันฝรั่งเป็นของตัวเอง”
นอกจากนี้ คือการศึกษาฟรี สิทธิลาคลอด (Parental leave) ที่ค่อนข้างให้อิสระ และมี work-life balance เพื่อที่จะเป็นการให้ประชามั่นใจว่า พวกเขาจะมีเวลา และวิธีการที่จะแสวงหาความสุขของตนเอง
กว่า 80% ของคนฟินแลนด์ มีความเชื่อในตำรวจ การศึกษา และระบบการดูแลสุขภาพของประเทศพวกเขา
อีกทั้งเนื่องจากระบบการจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้า และการกระจายความมั่งคั่ง ทำให้วิถีชีวิตของคนรวยและคนจนจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทั้งชายและหญิง ฟินแลนด์ได้รับการยกย่องในวงขวางว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกในการเป็นแม่คน
ความสุขของผู้อพยพ มาจากการมีเครือข่ายการสนับสนุนที่เข้มแข็ง การมีนโยบายการบริหารแบบบูรณาการ อีกทั้งผู้อพยพในฟินแลนด์มักจะมาจากสถานที่ที่มีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว เช่น เอสโตเนียและรัสเซีย
ในอันดับความสุขก็มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน ประเทศที่ร่ำรวยที่สุด ไม่ได้เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุด อย่างอเมริกา แม้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าต่อคนในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยหล่นไปอยู่อันดับที่ 18 ลดลง 5 อันดับจากปี 2016 ส่วนอังกฤษอยู่ในอันดับที่ 19
ผลการสำรวจยังได้ให้ โรคอ้วน ภาวะซึมเศร้า และการติดยาเสพติด เป็นปัจจัยที่ทำการฉุดรั้งประเทศร่ำรวยเหล่านี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนในวัยวัฒนธรรมและชนชั้นทางสังคมที่แตกต่างกันกำหนดความสุขในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ผู้คนในละตินอเมริการายงานว่าพวกเขามีความสุข โดยไม่อิงจากความมั่งคั่งของประเทศ การคอรัปชั่น หรือความรุนแรงระดับสูง เนื่องจากความสุขของพวกเขาเชื่อมโยงกับสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันของคนในครอบครัว
นอกจากนี้ ปัจจัยทางวัฒนธรรมอื่นๆ และลักษณะประจำชาติก็อาจมีส่วนเกี่ยวก้วย ชาวฟินน์ มีคำว่า sisu ซึ่งหมายถึง การมีความบากบั่นอดทนและอดทน ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้าเรื่องอะไรก็ตาม