ล่าสุด! ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้เผยผลสำรวจ Global 2023 Gen Z and Millennial Survey ซึ่งเป็นผลการศึกษา สะท้อนมุมมองของคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม
Deloitte Global 2023 Gen Z and Millennial Survey จัดทำขึ้นโดยดีลอยท์ ต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 12 ทำการสำรวจมุมมองแนวคิดเชิงลึกของคนในเจนซี (ผู้ที่มีอายุ 19-28 ปี) และมิลเลนเนียล (ผู้ที่มีอายุ 29-40 ปี) มากกว่า 22,000 คนจาก 44 ประเทศทั่วโลก เพื่อที่จะติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านแนวคิดและมุมมองต่าง ๆ ของคนทั้งสองกลุ่มที่เป็นกำลังสำคัญในตลาดแรงงานทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยนั้น ดีลอยท์ได้ทำการสำรวจเจนซี 200 คน และมิลเลนเนียล 100 คน ในประเทศไทย โดยพบว่าผลการสำรวจสะท้อนมุมมองเชิงลึกคนในเจเนอเรชั่นดังกล่าวที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้
ด้านเศรษฐกิจ
จากผลสำรวจพบว่า โดย 51% ของเจนซีและ 41% ของมิลเลนเนียล พอใจมากกับการสร้างสมดุลให้ชีวิตและการทำงาน (Work/life Balance) สูงกว่าคนในวัยเดียวกันทั่วโลกถึง 34% ในกลุ่มคนเจนซีและ 31% ในกลุ่มคนมิลเลนเนียลทั่วโลกตามลำดับ นอกจากนี้ 45% ของเจนซี และ 24% ของมิลเลนเนียลในไทยพอใจกับการที่องค์กรให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลาย ความเสมอภาคและการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, and Inclusion) สูงกว่าคนในช่วงวัยเดียวกันทั่วโลกที่ร้อยละ 33 และร้อยละ 28 ตามลำดับเช่นกัน
ประเด็นที่คนไทยรุ่นใหม่ทั้งสองเจเนอเรชั่นกังวลมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ค่าครองชีพสูง 2) การว่างงาน และ 3) ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่ความกังวลในการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคล โดยเจนซีกว่า 67% และมิลเลนเนียลกว่า 62% กล่าวว่ามีการบริหารจัดการเงินแบบเดือนชนเดือน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าคนในเจเนอเรชั่นเดียวกันทั่วโลกถึง 51% และ 52% ในเจนซีและมิลเลนเนียลตามลำดับ
จากข้อกังวลดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้เจนซี 66% และมิลเลนเนียล 71% ในประเทศไทย ต้องทำงานเสริมเพื่อให้มีแหล่งรายได้ที่สอง โดยเจนซีนิยมทำงานเป็นกะ เช่น การเป็นพนักงานส่งอาหาร การเป็น Social Media Influencer และ Content Creator มากที่สุด ในขณะที่กลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่นิยมขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจถึง 86% ของเจนซี และ 65% ของมิลเลนเนียลในไทย มีแนวโน้มจะเปลี่ยนงานใหม่ หากบริษัทผู้ว่าจ้างต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานเต็มเวลาที่ออฟฟิศ และเกือบ 70% ของทั้งคนไทยรุ่นใหม่ทั้งสองเจเนอเรชั่น มีแนวโน้มที่จะขอให้บริษัทมีนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น ที่มุ่งส่งเสริมแนวคิดการสร้างสมดุลให้ชีวิตและการทำงาน (Work/life Balance) ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) มีทางเลือกในการทำงานร่วมกันได้มากขึ้น 2) ควรหาวิธีทำให้พนักงานพาร์ทไทม์ (part-time) มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในอาชีพ และ 3) เปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ เป็นต้น
ทั้งนี้รูปแบบการทำงานที่ไม่สามารถสร้างสมดุลให้กับชีวิตส่วนตัวและการทำงานนั้นยังเป็นสิ่งที่เจนซีและมิลเลนเนียลในไทยกังวลอย่างมาก จากผลสำรวจ 40% ของมิลเลนเนียล ต้องตอบข้อความ หรืออีเมลล์นอกเวลางานทุกวัน ในขณะที่ 32% ของเจนซีต้องตอบข้อความหรืออีเมลล์ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่งผลให้คนในทั้งสองเจเนอเรชั่นเกิดความเครียดจากการทำงานหนัก และเจนซี 72% และมิลเลนเนียล 63%รู้สึกเบื่อ อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) จากปริมาณงานและความต้องการด้านอื่น ๆ
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การเงินในอนาคต 2) การเงินในชีวิตประจำวัน และ3) สุขภาพและความเป็นอยู่ของครอบครัว ทำให้มากกว่า 90% ของทั้งเจนซีและมิลเลนเนียลในประเทศไทย สนใจร่วมงานกับองค์กรที่มีนโยบายใส่ใจและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีของพนักงาน ซึ่งสูงกว่าคนในช่วงวัยเดียวกันทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80%
ด้านสังคม
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลด้านความพึงพอใจของทั้งเจนซี และมิลเลนเนียล กับบทบาทขององค์กรต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากผลการสำรวจ พบว่าความพึงพอใจของคนทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มที่ลดลงในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2021-2023 โดยคนไทยรุ่นใหม่สองกลุ่มนี้ มองว่า นักการเมือง กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางสังคม และผู้สื่อข่าว มีบทบาทสำคัญในการชี้นำประเด็นทางสังคมมากกว่านักแสดง ผู้นำทางศาสนา หรือนักกีฬา
เจนซี 82% และมิลเลนเนียล 85% ในไทย เชื่อว่าตัวเองมีพลังในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง ซึ่งสูงกว่าคนในช่วงวัยเดียวกันทั่วโลกอยู่ที่ 58% และ 55% ตามลำดับ โดย 75% ของเจนซีและ 52% ของมิลเลนเนียลปฏิเสธที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมาย หากงานนั้นขัดกับความเชื่อและจริยธรรมส่วนบุคคล และ 63% ของเจนซี และ 52% ของมิลเลนเนียลปฏิเสธการร่วมงานกับองค์กรที่มีแนวคิดขัดกับความเชื่อและจริยธรรมส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้สิ่งที่คนไทยทั้งสองเจเนอเรชั่น ถือเป็นความภาคภูมิใจในการบ่งบอกความเป็นตัวตน 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) งานหลัก 2) เพื่อนและครอบครัว และ 3) งานเสริม
นอกจากนี้สิ่งที่คนไทยทั้งสองเจเนอเรชั่นให้คุณค่าในการชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การใช้ชีวิตตามแนวทางของตัวเองโดยไม่ขึ้นหรืออิงกับความคาดหวังของสังคม 2) ความสามารถในการสร้างสมดุลให้กับชีวิตและการทำงาน และ 3) ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ
ด้านสิ่งแวดล้อม
เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา 78% ของเจนซี และ 81% ของมิลเลนเนียล กล่าวว่ารู้สึกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดย เจนซี 80% และมิลเลนเนียล 83% ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการที่ส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้ง 2 คำตอบของคนไทยสูงกว่าคนในเจเนอเรชั่นเดียวกันทั่วโลกที่ประมาณ 60% นอกจากนี้ 30% ของคนไทยทั้ง 2 เจเนอเรชั่น เชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่มีการดำเนินการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งสูงกว่าคนในเจเนอเรชั่นเดียวกันทั่วโลก ที่ประมาณ 18%
คนไทยรุ่นใหม่มองว่าสิ่งที่สามารถลงมือทำด้วยตนเองเพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม คือการลดการใช้สินค้าฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) เป็นอันดับแรก และสิ่งที่คนไทยรุ่นใหม่ตั้งใจจะลงมือทำในอนาคตเพื่อช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1) ปรับปรุงบ้านให้ประหยัดพลังงาน และ 2) เปลี่ยนมารับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน (Vegan)
นอกจากนี้คนไทยรุ่นใหม่ทั้ง 2 เจเนอเรชั่นยังมีข้อเสนอแนะว่าองค์กรควรที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อจัดการกับความท้าทายในด้านเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้ชุมชนโดยรอบอาคารสำนักงานเป็นพื้นที่สีเขียว 2) การอบรมพนักงานในเรื่องความยั่งยืน และ 3) ให้เงินสนับสนุนแก่พนักงานให้ใช้เลือกสินค้าและบริการที่ส่งเสริมความยั่งยืน
คุณอริยะ ฝึกฝน กรรมการบริหาร ดีลอยท์ คอนซัลติ้ง กล่าวว่า “จากผลสำรวจพบว่า คนไทยรุ่นใหม่มีมิติความคิดที่แตกต่างจากคนในเจเนอเรชั่นเดียวกันของประเทศเพื่อนบ้านและโลกอย่างมีนัยสำคัญ และคนไทยทั้งสองเจเนอเรชั่นเองก็มีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็นเชิงลึกลงไปอีก ดังนั้นการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องบริหารจัดการด้วยความละเอียดอ่อนมากขึ้น”
ดร. โชดก ปัญญาวรานันท์ ผู้จัดการ Clients & Markets ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “การพิจารณาข้อมูลของประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในปีเดียวกัน และข้อมูลเปรียบเทียบของประเทศไทยเองในแต่ละปี จะสะท้อนภาพรวมการเปลี่ยนแปลง และแนวโน้มต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การวางแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
สรุปภาพรวม
- เจนซีและมิลเลนเนียลในประเทศไทยพึงพอใจกับเรื่อง Work/Life Balance และให้ความสำคัญขององค์กรในด้านความหลากหลาย ความเสมอภาคและการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity and Inclusion : DEI) สูงกว่าคนในเจเนอเรชั่นเดียวกันทั่วโลก
- คนทั้งสองเจเนอเรชั่นมีความกังวลเรื่องค่าครองชีพมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการว่างงาน และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
- เจนซีและมิลเลนเนียลในไทยที่ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน มีจำนวนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนในช่วงวัยเดียวกันทั่วโลก ทำให้ต้องทำงานเสริม แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลให้ชีวิตและการทำงาน (Work/Life Balance)
- การต้องตอบอีเมลล์หรือข้อความนอกเวลางานบ่อยครั้งส่งผลให้ไม่สามารถแยกชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันได้ ทำให้คนทั้งสองกลุ่มนี้มีภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เมื่อประกอบกับแรงกดดันอื่น ๆ ได้แก่ ความมั่นคงทางการเงิน และสุขภาพในครอบครัว ทำให้คนรุ่นใหม่ในไทยมองหาองค์กรที่ใส่ใจกับเรื่องสุขภาพจิตที่ดีของพนักงาน
- ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (2021-2023) ความพึงพอใจกับบทบาทขององค์กรต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของคนรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มลดลง โดยคนไทยรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มเชื่อว่าตนมีพลังในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง สูงกว่าคนในช่วงวัยเดียวกันทั่วโลกอย่างมาก
- คนไทยรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธงานที่ได้รับมอบหมาย หรือเลือกที่จะไม่สมัครงานที่ขัดกับความเชื่อและจริยธรรมส่วนบุคคล เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- งานหลักยังเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของคนไทยรุ่นใหม่มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาด้วยเพื่อนและครอบครัว และงานเสริม ตามลำดับ
- คนไทยรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มชื่นชมคนในวัยเดียวกันที่ใช้ชีวิตตามแนวทางของตัวเอง หาแนวทางการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่เหมาะสมกับตนเองได้ และมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ
- เจนซีและมิลเลนเนียลในไทยประมาณร้อยละ 80 ยอมซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาแพงกว่า หากสินค้าหรือบริการนั้นส่งเสริมแนวคิดความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ Deloitte Global 2023 Gen Z and Millennial Survey ได้ที่ https://www.deloitte.com/global/en/issues/work/content/genzmillennialsurvey.html