มาอีกระลอกกับข่าว Layoff ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันในการควบคุมต้นทุนและเพิ่มผลกำไร เนื่องจากยังคงสูญเสียรายได้จากธุรกิจสตรีมมิ่งหลักรวมถึง Disney+

ส่งผลให้ Bob Iger ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Walt Disney Co. บริษัทสื่อและความบันเทิงรายใหญ่จากสหรัฐได้ออกมาเผยว่า มีการเตรียมเลิกจ้างงานพนักงานกว่า 7,000 ตำแหน่ง โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3% ของพนักงานทั้งหมดประมาณ 220,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลข ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2022 โดยดิสนีย์มีพนักงาน 166,000 คนในสหรัฐและประมาณ 54,000 คนในต่างประเทศ

โดยการ Layoff ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์และวางแผนปรับโครงสร้างโดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ภาคส่วนได้แก่ 

1. Disney Entertainment รวมทั้งบริการสตรีมมิ่งและการดำเนินงานด้านสื่อ
2. ESPN รวมทั้งที่มีเครือข่ายโทรทัศน์และบริการสตรีมมิ่ง ESPN+
3. ธุรกิจสวนสนุก การมอบประสบการณ์ และผลิตภัณฑ์

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการของ Bob Iger ที่สำคัญที่สุด หลังจากได้หวนคืนสู่ Disney อีกครั้งในฐานะ CEO เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วโดย Disney ประกาศแผนปรับโครงสร้างไม่กี่นาทีหลังจากเพิ่งรายงานผลประกอบการรายไตรมาสรอบล่าสุด

และด้วยการประกาศในครั้งนี้ส่งผลให้หุ้น Disney พุ่งขึ้นประมาณ 5% ในการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐที่ปิดทำการไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

การ Layoff หรือการลดจำนวนทรัพยากร ‘คน’ ดังกล่าวของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทบันเทิง สื่อ และเทคโนโลยีที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงของการเกิดวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา

อ้างอิง : latimes,variety,cnbc