เปิดนโยบาย 'ด้านการศึกษา' ของชัชชาติ เพิ่มคุณภาพการเรียนการสอน ลดภาระครูและผู้ปกครอง | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
เปิดนโยบาย 'ด้านการศึกษา' ของชัชชาติ เพิ่มคุณภาพการเรียนการสอน ลดภาระครูและผู้ปกครอง
By Connext Team พฤษภาคม 24, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

หลังจากผ่านพ้นช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอย และตอนนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป 

หลายคนคงสงสัยว่าหลังจากได้ผู้ว่าฯ คนใหม่แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เพราะทีมชัชชาติได้จัดทำนโยบายเอาไว้ถึง 214 นโยบาย เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยมีการแบ่งนโยบายออกเป็นหลายหมวดหมู่ และหนึ่งในนั้นคือนโยบาย ‘เรียนดี’ เป็นนโยบายด้านการศึกษาที่มีเป้าหมายหลักคือ เพิ่มหลักสูตร เพิ่มคุณภาพในการดูแลนักเรียน ลดภาระงานคุณครู และลดภาระผู้ปกครอง 

บทความนี้จะพาไปสำรวจนโยบายด้านการศึกษาบางส่วนของชัชชาติว่าจะเข้ามาพลิกโฉมการศึกษาของโรงเรียนสังกัด กทม. อย่างไร

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

1. เพิ่มหลักสูตร 

นโยบาย ‘ให้การศึกษา พัฒนานักเรียนสู่พลเมืองโลก’

เนื่องจากปัจจุบันหลักสูตรยังไม่มีการปรับให้เท่าทันสถานการณ์โลกเท่าที่ควร อีกทั้งทักษะการคิดวิเคราะห์ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมี จึงจะมีการปรับหลักสูตรให้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น เช่น เพิ่มเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ การใช้เทคโนโลยี และประเด็นทางสังคมต่างๆ เข้ามาในโรงเรียนสังกัด กทม.

นโยบาย ‘ฝึกอาชีพพัฒนาทักษะยุคใหม่ตอบโจทย์ตลาดงาน’

ข้อควรคำนึงถึงเมื่อต้องจัดหลักสูตรการศึกษาคือ ความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อให้นักเรียนเรียนจบไปแล้วมีทักษะติดตัว เป็นที่ต้องการของตลาด มีงาน และมีรายได้อย่างแท้จริง กทม.จะเพิ่มทางเลือกทางการศึกษาให้กับนักเรียนมากขึ้นผ่านโรงเรียนและศูนย์ฝึกอาชีพ กทม. เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น e-Commerce

2. เพิ่มคุณภาพในการดูแลนักเรียน

นโยบาย ‘After School Program เรียน เล่น หลังเลิกเรียน’

เมื่อเวลาเลิกเรียนของนักเรียนกับเวลาเลิกงานของผู้ปกครองไม่ตรงกัน ทำให้นักเรียนต้องอยู่โรงเรียนต่อเพื่อรอผู้ปกครองมารับ ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเพิ่มขึ้น นโยบาย ‘After School Program เรียน เล่น หลังเลิกเรียน’ จึงจะเข้ามาช่วยสร้างกิจกรรมหลังเลิกเรียนให้กับนักเรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม พร้อมเพิ่มค่าตอบแทนให้กับครูที่อยู่ดูแลนักเรียน

ตัวอย่างกิจกรรม:

- การฝึกซ้อมกีฬา

- การสอนดนตรี ศิลปะ และทักษะอื่นๆ

3. ลดภาระงานครู

นโยบาย ‘คืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานเอกสารด้วยเทคโนโลยี’

ปกติแล้วครูต้องเสียเวลาไปกับการจัดทำเอกสารหลายอย่าง ตั้งแต่การทำรายงานต่อผอ.โรงเรียน สำนักการศึกษา ไปจนถึงกระทรวงศึกษา อีกทั้งยังมีภาระงานด้านเอกสารอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนอีกมาก กทม.จึงจะลดภาระงานเอกสารของครูด้วยการเปลี่ยนการทำเอกสารจากกระดาษเป็นระบบดิจิทัล

นโยบาย ‘ปรับหลักเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะให้สอดคล้องกับการสอน ลดภาระการทำเอกสาร’

การประเมินวิทยฐานะของครูในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นระบบเก่าที่ต้องทำเอกสารและงานวิจัยหลายอย่าง ทำให้เป็นการสร้างภาระให้กับครู จนอาจไม่มีเวลาเตรียมการสอนให้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น กทม. จึงจะปรับหลักเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะให้สอดคล้องกับการสอนมากขึ้น เพื่อลดภาระงานเพิ่มเติมครูให้มีเวลาไปดูแลนักเรียนมากขึ้น

4. ลดภาระผู้ปกครอง

นโยบาย ‘เรียนฟรี ชุดฟรี ไม่มีเก็บเพิ่ม’

รัฐและกทม.จะเพิ่มเงินสนับสนุนเกี่ยวกับการเรียนให้กับนักเรียนในสังกัด กทม. เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น เพิ่มเงินอุดหนุนค่าชุดและอุปกรณ์การเรียน ซึ่งครอบคลุมราคา เสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า กระเป๋า และอื่นๆ

นโยบาย ‘ร่วมกับเอกชนในการจัดหาแท็บเล็ตให้นักเรียนใช้ โดยเฉพาะในช่วงการ study from home’

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความพร้อม ทำให้ไม่สามารถเข้าเรียนได้ กทม.จึงจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อจัดหาแท็บเล็ตให้นักเรียนยืมกลับไปใช้ที่บ้านได้ พร้อมมีซิมอินเทอร์เน็ตไว้ให้ยืม เพื่อเป็นการลดภาระผู้ปกครอง

อ้างอิง chadchart 

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/news/educational-policy-chadchart