จริงหรอ? Gen Z เกือบครึ่งให้ความสำคัญกับ "ความมั่นคงทางการเงิน" มากกว่า "ความถูกใจในรูปลักษณ์ภายนอก" ในการเลือกคู่รัก ต้นเหตุจากพิษเศรษฐกิจ ทั้งโควิด ทั้งเงินเฟ้อ ทำให้ต้องคิดยาว ๆ ถึงอนาคต
ผลสำรวจจาก Northwestern Mutual's Planning & Progress study 2023 ได้สำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกัน 2,740 คน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ในปี 2023 เกี่ยวกับมุมมองเรื่อง ’การเงินและความสัมพันธ์‘ พบว่า
- เกือบครึ่งของ Gen Z กว่า 49% มองว่า ‘สถานะทางการเงิน’ สำคัญกว่า ‘รูปร่างและหน้าตา’
- Gen Z อีก 41% มองว่า ‘สถานะทางการเงิน’ สำคัญกว่า ‘ความเข้ากันทางไลฟ์สไตล์’ และ "ความสนใจ" ที่ตรงกัน
- Gen Z กว่า 32% เชื่อว่าการพูดคุยเรื่องเงินควรเกิดขึ้นก่อนที่ความสัมพันธ์จะจริงจัง
- 72% ของทุก Gen เห็นตรงกันว่าการพูดคุยเรื่องเงินควรเกิดขึ้น "ก่อนอยู่ด้วยกันหรือก่อนแต่งงาน"
- Gen Z มากกว่า 1 ใน 3 ระบุว่าการเงินเป็นปัญหาสำคัญหรืออุปสรรคใหญ่ที่สุด
- Gen Z มีความกังวลเรื่องเงินมากกว่ารุ่นก่อน เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลต่อมุมมองด้านความสัมพันธ์
ผลสำรวจของ Deloitte ในปีที่แล้ว ยังพบว่ากว่าครึ่งของ Gen Z ใช้ชีวิตแบบ " Paycheck-to-Paycheck" (ใช้เงินเดือนชนเดือน) โดยการเงินเป็นปัญหาอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ Gen Z ส่วนใหญ่ เชื่อว่าเป้าหมายอย่างการเป็นเจ้าของบ้านและการมีครอบครัว เป็นสิ่งที่ยากเกินเอื้อมมากขึ้น
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอย่าง Francisco Fuentes ก็ได้ออกมาเผยว่า "Gen Z ทุกวันนี้ต้องเผชิญกับความกังวลเรื่องเงินหลายด้าน"
ในขณะเดียวกัน Matt Schulz นักวิเคราะห์จาก Lendingtree ตลาดสินเชื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ กล่าวเสริมว่า "ทุกอย่างแพงขึ้นหมด! ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า ดอกไม้ ค่ารถ ร้านอาหารหรู คอนเสิร์ต หรือแม้แต่กาแฟหลังเดท ก็ต้องใช้เงินและทุกอย่างก็แพงไปหมด!"
รายงานของ Lendingtree เมื่อปี 2022 ยังเผยว่า Gen Z กว่า 19% เคยเป็นหนี้เพราะเดท! ซึ่งค่าใช้จ่ายเดทครั้งหนึ่งจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 91 เหรียญ (ราว ๆ 3,000 บาท) นี่เลยทำให้เงินกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ เวลาคิดจะจริงจังกับใครสักคนนั่นเอง
สรุป
ผลสำรวจต่าง ๆ ชี้ให้เห็นว่า Gen Z มองอนาคตไกลมากขึ้น มองหา "ความมั่นคง" และให้ความสำคัญกับการพูดคุยเรื่องการเงินกับคู่รักก่อนที่จะจริงจังในความสัมพันธ์ ซึ่งนับเป็น Steps แรกที่ดีในการทำความเข้าใจกันและกัน เพราะว่าถ้าตั้งใจจะรักแล้ว เราก็ล้วนอยากได้คนที่สามารถมี ‘อนาคตร่วมกัน’ ได้จริงไหม?
อ้างอิง : businessinsider, essence