อยากขอขึ้นเงินเดือนแต่ไม่กล้า ไม่รู้ว่า Performance ของตัวเองพอสำหรับเงินเดือนเท่านั้นไหม?
ช่วงนี้เป็นเทศกาลประเมินประสิทธิภาพของพนักงานประจำปี เพื่อปรับฐานเงินเดือนและให้โบนัส ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันที่เราจะสามารถพูด-คุยกับหัวหน้าเรื่องขอขึ้นเงินเดือนได้เช่นกัน
สำหรับเพื่อน ๆ บางคน การขอขึ้นเงินเดือนอาจเป็นหนึ่งในบทสนทนาที่ชวนอึดอัดและน่ากังวลที่สุดในที่ทำงาน ยิ่งเราเป็น First Jobber ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็ยิ่งทำให้ชวนปวดหัวกันไปใหญ่
เพราะด้วยบรรทัดฐานและเงื่อนไขทางสังคมที่หล่อหลอมทำให้ “การพูดคุยเรื่องเงินกลายเป็นเรื่องยาก” ส่งผลให้เพื่อน ๆ หลายคนรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้ง เมื่อจำเป็นต้องพูดเรื่องการขอขึ้นเงินเดือนจากหัวหน้า แต่ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้
พนักงานทั่วโลกไม่ค่อยกล้าขอขึ้นเงินเดือน
การศึกษาของ Payscale หนึ่งเว็บไซต์หางานจากหลายประเทศทั่วโลก ได้สำรวจพนักงานมากกว่า 160,060 คน และพบว่ามีเพียง 37% เท่านั้นที่เคยขอให้หัวหน้าพิจารณาขึ้นเงินเดือนให้ แล้วผลลัพธ์ที่ได้คือโอกาสที่จะได้รับการขึ้นเงินเดือนนั้นค่อนข้างดี เพราะมีพนักงานกว่า 39% ได้รับการขึ้นเงินเดือนตามจำนวนที่ขอ 31% ได้รับเงินเดือนต่ำกว่าที่ขอ และอีก 30% ไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือน
วันนี้ ConNEXT เลยจะมาแบ่งปันทริคดี ๆ ที่ควรทำสำหรับการขอขึ้นเงินเดือน รวมทั้งแจกเทคนิค G-I-M-M-E และตัวอย่างสำหรับการขอขึ้นเงินเดือนแบบมีลุ้น! มาฝาก
วิธีเตรียมตัว-เตรียมใจขอขึ้นเงินเดือน
สิ่งที่ควรทำ
- มัดรวมผลงาน ฟีดแบ็กและผลลัพธ์ที่ผ่านมา
รวบรวมโปรเจ็กต์หรือผลงานที่ผ่านมา ที่เรามีส่วนร่วมและเป็นกำลังสำคัญในการทำให้ผลงานนั้น ๆ สำเร็จ รวมถึงยกตัวอย่างคำชมที่เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าทีมหรือลูกค้าให้ และที่ขาดไม่ได้คือตัวเลขผลลัพธ์ของผลงานที่เราทำ ที่อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณา เพราะข้อมูลเหล่านี้นอกจากจะเสริมสร้างความมั่นใจระหว่างการเจรจาแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและความสำเร็จที่เราได้ลงมือทำว่าสมน้ำสมเนื้อกับฐานเงินเดือนใหม่ที่ขออีกด้วย
- ลองคิดดูว่าเหตุใดหัวหน้าจึงจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้เรามากขึ้น
ใด ๆ ในโลกล้วนต้อง Win-Win เมื่อเรามีการวางแผนที่จะขอขึ้นเงินเดือนก็ควรวางแผนตอบแทนกลับให้องค์กรด้วยเช่นกัน โดยอาจมีการวางแผนการพัฒนาโปรเจ็กต์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและแสดงความมุ่งมั่นในวางแผนเติบโตในองค์กรแบบระยะยาว แบบนี้ถึงจะเป็นการซื้อใจและได้ใจซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย
- สำรวจฐานเงินเดือนในตลาดและกำหนดตัวเลขที่เหมาะสม
สำรวจและรวบรวมข้อมูลฐานเงินเดือนของตำแหน่งเดียวกัน แล้วนำมาพิจารณากับเนื้องาน ประสบการณ์ ทักษะ และผลงานที่ผ่านมาของเรา รวมถึงความต้องการของตลาด แล้วเลือกตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับการเจรจา ดูวิธีเช็กเงินเดือนได้: ที่นี่
- รู้คุณค่าตัวเองและเตรียมใจหากโดนปฏิเสธ
รู้จุดแข็งของตัวเองที่ไม่สามารถมีใครในทีมทำแทนได้ และเตรียมตัวเตรียมใจในการโดนปฏิเสธโดยหาเหตุผลที่หัวหน้าจะปฏิเสธการขอขึ้นเงินเดือน และหาวิธีการรับมือกับความผิดหวัง โดยเราอาจขอเป็นสวัสดิการอื่น ๆ แทนหากไม่ได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือนหรือขอปรึกษาหารืออีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องการขึ้นเงินเดือน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- อ้างเหตุผลส่วนตัว
หลีกเลี่ยงการนำประเด็นส่วนตัว เช่น ค่าเช่าที่พักแพง มีค่ารถต้องผ่อนหรือมีภาระที่ต้องใช้เงิน มาพูดในการเจรจาขอขึ้นเงินเดือน แต่ให้พยายามยึดข้อมูลและความสำเร็จในการทำงานเพื่อเสริมความสมเหตุสมผลในการพิจารณาขอขึ้นเงินเดือน
- ขอขึ้นเงินเดือนให้ถูกเวลา
พิจารณาสถานการณ์โดยรวมขององค์กรก่อนขอขึ้นเงินเดือน โดยคอยอัปเดตความเคลื่อนไหวของบริษัท เหตุการณ์ล่าสุด
- ขอเงินเดือนเกินสมควรและปั้นน้ำเป็นตัวให้เครดิตตัวเองเกินความจริง
การขอเพิ่มเงินเดือนควรพิจารณาตามความเหมาะสมโดยอิงจากตลาด ทักษะ ประสบกาณ์ เนื้องานและความสามารถของเรา รวมถึงพูดความจริงเกี่ยวกับเนื้องานและผลลัพธ์ นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการพูดเกินจริงในหน้าที่ของตัวเอง และอย่าลืมให้เครดิตเพื่อน ๆ ในทีมที่ช่วยกันทำให้ผลงานสำเร็จด้วยนะ
เทคนิค G-I-M-M-E พร้อมตัวอย่าง
หลังจากรู้วิธีเตรียมตัว-เตรียมใจแล้ว ขั้นต่อไปคือเทคนิคและสเตปในการสื่อสารให้มีลุ้นได้ขึ้นเงินเดือนกัน!
- G-Give Background: แนะนำตัวเองและตำแหน่งงานของคุณในบริษัท
- I-Introduce Why You're Awesome: แสดงผลลัพธ์ของการทำงานและการมีส่วนร่วม โดยเน้นเหตุการณ์และผลงานสำคัญ ๆ ของโปรเจ็กต์ที่ได้ลงมือทำ
- M-Make Your Case Research-based: ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลฐานเงินเดือนซึ่งอ้างอิงจากตลาดงานเพื่อสนับสนุนเหตุผลในการขอขึ้นเงินเดือน
- M-Make the ask: ระบุเงินเดือนที่ตั้งใจไว้แบบสมเหตุสมผล เพื่อถือเป็นขวัญและและกำลังใจในการพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
- E-End With Bang: เจรจาด้วยความมั่นใจ ไม่กลัว Period
ตัวอย่าง
"ในฐานะที่ดิฉันเป็น Content Creator ที่รับผิดชอบในการอัปเดตและเขียนบทความที่ให้ความรู้กับกลุ่ม Target ของที่นี่มา 1 ปี ดิฉันได้เล็งเห็นว่าความต้องการของ Target มีการเปลี่ยแปลงไป จึงทำให้ได้เริ่มจุดประกายความคิดคนในทีมเพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับ Target มากขึ้น และผลจากการพัฒนาปรับปรุงทิศทางเนื้อหาและการสื่อสารของเพจในโซเชียลมีเดียร่วมกับทีม ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเพจมีการเติบโตขึ้นถึง 70% และตอนนี้ดิฉันและทีมก็ได้มีการมองภาพรวมเพื่อพัฒนาและปรับปรุงเพจอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มหมวดใหม่ขึ้นมาเพื่อขยาย Target ใหม่ ๆ
และหลังจากที่ดิฉันรีเสริชจากตลาดงาน เมื่อพิจารณาจากบุคคลที่มีบทบาทและความรับผิดชอบคล้ายกัน ดิฉันพบว่าการเพิ่มเงินเดือนประจำปี 10% สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมและทักษะดิฉัน จึงอยากจะขอรบกวนให้ทางหัวหน้าทบทวนเรื่องเงินเดือนของดิฉันใหม่เพื่อสะท้อนถึงผลงานที่ผ่านมา
นับตั้งแต่เข้าร่วมทีมและบริษัทนี้ ดิฉันยังคงพัฒนาทักษะและรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และดิฉันก็จะทุ่มเทเวลาและความพยายามนั้นต่อไปเพื่อความสำเร็จในระยะยาวกับที่นี่ ด้วยค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาเนื้อหาและโปรเจ็กต์ใหม่ๆ รวมถึงสร้างประโยชน์ให้กับบริษัทต่อไปได้ค่ะ”
หลังจากที่เพื่อน ๆ ขอขึ้นเงินเดือนแล้ว ให้ตั้งสติและให้เวลาหัวหน้าพิจารณาข้อเสนอ หากคำตอบคือ “Say No” ก็อาจจะยื่นข้อเสนออื่น ๆ แทน เช่น ขอวันหยุดเพิ่มเติมหรือสิทธิประโยชน์ทดแทน แต่ถ้าสุดท้ายผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างหวัง ก็อาจจะถึงคราวพิจารณา “ที่ใหม่ ที่ใช่” สำหรับเราเท่านั้นเอง เพราะเราก็มีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเช่นกัน
การขอขึ้นเงินเดือนเป็นทักษะที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการเจรจาต่อรอง ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็รู้ทริคดี ๆ เกี่ยวกับขอขึ้นเงินเดือนเรียบร้อยแล้ว หวังว่าบทความนี้จะเพิ่มโอกาสในการได้รับค่าตอบแทนที่เพื่อน ๆ สมควรได้รับนะ จำไว้ว่า “ความมั่นใจ การเตรียมตัว และการสื่อสารเป็นองค์ประกอบสำคัญ” ในการขอขึ้นเงินเดือนขึ้น!
อ้างอิง : payscale, careercontessa