ในทุกๆ ปีจะมีนักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแสนคนที่กำลังจะเรียนจบ และต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อเริ่มสร้างชีวิตและอาชีพของตนเอง

เมื่อพูดถึงบริษัทที่จะไปทำงานแล้ว เส้นทางของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนเริ่มทำงานที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมา บางคนก็เริ่มทำงานในอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้อง

วันนี้ ConNEXT จะพาไปสำรวจตลาดแรงในสหรัฐฯ ว่าอุตสาหกรรมใดคืออุตสาหกรรมที่จ้างเด็กจบใหม่มากที่สุด จากข้อมูลโดย ZipRecruiter 

ก่อนที่จะไปส่อง ส่อง 10 อุตสาหกรรม ที่จ้างเด็กจบใหม่มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน หรือเจ้าของธุรกิจ ก็สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับ Techsauce Global Summit 2022 งาน Tech Conference ระดับเอเชียได้ ซื้อบัตรราคาพิเศษด่วนที่ https://bit.ly/3NXwoPU

1. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 17.65%

2. อุตสาหกรรมค้าปลีก

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 12.35%

3. อุตสาหกรรมโฆษณาและการตลาด

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 7.06%

4. อุตสาหกรรมยานยนต์

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 5.29%

5. อุตสาหกรรมการศึกษา

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 5.29%

6. อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและยา

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 5.29%

7. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 4.71%

8. อุตสาหกรรมความบันเทิง

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 4.71%

9. อุตสาหกรรมการเงิน

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 4.12%

10. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เครื่องจักร และบ้าน

สัดส่วนการจ้างงานเด็กจบใหม่: 3.53%

แม้ว่าการหางานของเด็กจบใหม่จะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายบริษัทต่างก็ต้องการคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน แต่ก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะยังมีอีกหลายที่ที่ยินดีต้อนรับเด็กจบใหม่อยู่ ทางที่ดีเด็กจบใหม่ควรทำการวิจัยดูก่อนว่าในตลาดแรงงานมีงานอะไรน่าสนใจและคุณสนใจอะไรบ้าง หลังจากนั้นให้ดูที่เว็บไซต์ต่างๆ เช่น JobsDB JobThai และ LinkedIn ว่ามีงานที่ไหนเปิดรับในสาขาที่คุณสนใจบ้างและเขาต้องการคนแบบไหน จะได้เตรียมตัวเริ่มต้นอาชีพได้อย่างถูกจุด

สำหรับใครที่อยากรับฟังคำแนะนำหรือประสบการณ์การทำธุรกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น NFT/Digital Assets, AI/DATA, Deep Tech, Metaverse, FinTech / DeFi, Startup / VC และอื่นๆ อีกเพียบ ห้ามพลาดกับงาน Techsauce Global Summit 2022 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 - 27 กรกฎาคมนี้ ที่ ICONSIAM ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้ รีบซื้อบัตรได้ที่ https://bit.ly/3NXwoPU

อ้างอิง CNBC