อยากทำงานสาย Data และ Marketing แต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร?
หากคุณสนใจในสายงานนี้ มาร่วมหาคำตอบเหล่านี้ผ่าน Tech ConNEXT Talk ในหัวข้อ "Beyond Data & Digital Marketing Trends ทักษะสื่อสารดิจิทัลมาแรงปี 2023 ต่อยอดคนรุ่นใหม่สู่โลกการทำงานแห่งอนาคต" กับคุณอภิรดา เบ็ญจฆรณี CEO of Customer Experience Management จาก Dentsu International Thailand
Job Trends ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พบว่ามากกว่า 70% ของงานที่มีอัตราเพิ่มขึ้นปี 2023 ใน 15 อันดับแรกคือ สายงานด้าน Data และ Digital โดยสายอาชีพที่มาแรงเป็นอันดับหนึ่งคือ งานที่เกี่ยวข้องกับ AI ส่วนงานที่จะหายไปในอนาคตก็คงหนีไม่พ้นงานที่เกี่ยวข้องกับธุรการ หรืองานที่ทำซ้ำ ๆ ที่มีกระบวนการทำงานชัดเจน
Data และ Digital สำคัญต่ออนาคตอย่างไร?
เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่า Data จะไม่ใช่การหยิบใช้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นการนำใจความสำคัญของข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาลมาทำให้เกิดกลยุทธ์ ส่วน Digital ก็จะไม่ใช่เพียงแค่การตลาด แต่จะกลายเป็นตัวช่วยสร้างธุรกิจ และจะกลายเป็นแกนหลักที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ
สายงาน Data ทำอะไรบ้าง?
ส่วนใหญ่แล้วสายงาน Data ที่หลาย ๆ คนนิยม คือ Data Analyst และ Data Scientist ในส่วนของ Data Scientist จะทำเกี่ยวกับ Programing, Big Data และ Machine Learning แต่ถ้าเป็น Data Analyst จะต้องวิเคราะห์ข้อมูล ต้องมีความแม่นยำในด้านธุรกิจที่สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจได้
ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ที่ทำงานด้าน Data Analyst สามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมในส่วนที่เป็น Programing, Machine Learning หรือ Software Engineering ได้ ก็จะสามารถขยับไปเป็น Data Scientist ได้เช่นกัน
อีกสายงานที่เกี่ยวกับ Data จะเป็นอาชีพ Data Engineering ซึ่งต้องเก่งในเรื่อง Programing เพราะว่าต้องทำงานเกี่ยวกับข้อมูลเป็นหลัก มีหน้าที่ตั้งค่าระบบในการรวบรวม จัดการ และแปลงข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลที่พร้อมใช้งานให้ Data Scientist และ Data Analyst เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลเพื่อหา Insight ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
Digital Marketing ทำอะไรบ้าง
Digital Marketing คือ การตลาดบนโลกดิจิทัลที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลาง จากปกติที่คุณอาจจะต้องโฆษณาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า ปัจจุบันนี้เพียงแค่คุณโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียต่างๆ คุณก็สามารถเข้าถึงตัวลูกค้าได้ ซึ่ง Digital Marketing จำเป็นต้องใช้ศาสตร์หลาย ๆ อย่างประกอบกัน เช่นการเรียนรู้วิธีการใช้โซเชียลมีเดีย ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือการทำ SEO (Search Engine Optimize) ที่ทำให้เว็บของเราติดอันดับบน Google และเว็บไซต์ที่เป็นส่วนสำคัญที่นักการตลาดดิจิทัลจำเป็นต้องดู เพราะว่า Journey ของลูกค้าก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรพลาด อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับ Digital Marketing ในยุคนี้ คือ Conversation Marketing และการที่เราจะก้าวเข้าไปเป็น Social commerce หรือ การซื้อขายสินค้าบนช่องทางของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ก็จำเป็นต้องมี E-mail Marketing ด้วยเพื่อเป็นตัวเชื่อมให้ Digital Marketing มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำ Inbound Marketing หรือการทำการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้าง “แรงดึงดูด” ให้กลุ่มคนที่น่าจะเป็นลูกค้าเข้ามารู้จักกับแบรนด์ด้วยตัวพวกเขาเอง ผ่านการทำ Content ที่มอบคุณค่า ความรู้ และประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้านั่นเอง
จบไม่ตรงสาย ทำงาน Data และ Digital Marketing ได้ไหม?
ปัจจุบันคนที่จบตรงสาย Data มีเพียง 20% ในตลาดแรงงาน ที่เหลืออีก 80% เรียกได้ว่าจบไม่ตรงสายเลย ส่วน Digital Marketing มีคนที่จบตรงสายเพียง 15% เท่านั้น ทำให้คนที่จบไม่ตรงสายยังมีโอกาสให้เรียนรู้และสามารถทำงานในงานสายนี้ได้
อยากย้ายสายงานต้องทำอย่างไร
อย่างแรกเราต้องรู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร ถ้ายังไม่รู้ อยากให้เรียนเสริมไว้เยอะ ๆ อย่าปิดกั้นตัวเอง ถ้าสมมติได้ฟีดแบ็กอะไรมา อย่าพึ่งต่อต้าน ให้ลองรับฟังและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองก่อน ฉะนั้นนอกเหนือจาก Hard Skill ที่เราต้องมีแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเราต้องมี Soft Skill ด้วย เพราะการจะย้ายสายงานหรือการจะเติบโตไปข้างหน้าได้จำเป็นต้องมี Mindset ที่ดี กล้าที่จะลองปรับตัวและลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ด้วย อีกส่วนหนึ่ง คือเราต้องเรียนรู้แบบเป็ด เรียนรู้หลาย ๆ อย่าง แต่เราต้องเป็ดที่ดีที่รู้กว้างและรู้ลึกในสิ่งนั้นด้วย
ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนั้น เราจะทำอย่างไรให้มีข้อได้เปรียบมากกว่าคนอื่น
อย่างแรกเราต้องมีผลงานหรือ Portfolio ที่ดี โดยเฉพาะคนที่อยากทำงานในด้านสาย Data หรือ Digital Marketing หากไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านนี้ คุณอาจจำเป็นต้องมีเกียรติบัตรเป็นใบเบิกทางให้ตัวเอง หรือต้องสร้างคอนเนคชั่นให้ตัวเอง และสิ่งสุดท้ายที่ช่วยให้เรามีข้อได้เปรียบจากคนอื่น ๆ คือการมีความคิดสร้างสรรค์ สิ่งนี้จะทำให้เรามีความแตกต่างและไม่เหมือนคนอื่น
จะทำอย่างไรให้เราโดดเด่นมากกว่าคนอื่น
ต้องถามก่อนว่าเราอยากโดนเด่นแบบไหน เป้าหมายหลักในชีวิตของเราคืออะไร แล้วอะไรจะพาเราไปถึงตรงนั้นได้ สมมติเวลาสัมภาษณ์งาน เราไม่จำเป็นต้องให้องค์กรเลือกเราเพียงอย่างเดียว เพราะเราก็สามารถเลือกองค์กรได้เหมือนกัน ทุกครั้งในการไปสัมภาษณ์งานอยากให้มองว่าองค์กรนั้นมีวัฒนธรรมองค์กรอย่างไร หรือองค์กรนั้นเปิดกว้างให้เราได้แสดงศักยภาพไหม เปิดกว้างให้เราได้ทดลองทำมากน้อยแค่ไหน รวมถึงหัวหน้าที่เราจะต้องทำงานด้วยเป็นคนอย่างไร เปิดกว้างรับสิ่งใหม่ ๆ ไหม และถ้าเป็นไปได้ให้เลือกองค์กรที่เปิดโอกาสให้เราได้เติบโตได้ด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ตัวเองโดดเด่นขึ้น ง่าย ๆ เลยอย่างแรกเราต้องฝึกฝนตัวเอง แล้วก็สร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมา ต้องเอาจุดแข็งของตัวเองมาเป็นแต้มต่อ แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไร เราจำเป็นต้องทดลองหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้รู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร
สุดท้ายจะเห็นว่า Data และ Digital Marketing เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดที่เป็นศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่างกันในแต่ละด้าน และยังเป็นอีกอาชีพที่ผู้คนให้ความสนใจมากในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนที่จบตรงสาย Data เพียง 20% ของทั้งหมดในตลาดแรงงาน ส่วน Digital Marketing มีคนที่จบตรงสายเพียง 15% เท่านั้น ทำให้หลายคนที่กำลังมองหางานหรือสนใจงานทางด้านนี้ มีโอกาสได้เรียนรู้ และสำหรับคนย้ายสายงานการจะสร้างข้อได้เปรียบได้ จำเป็นต้องมี Portfolio, Certificate, Connection และ Creativity จึงจะทำให้คุณได้เปรียบใน Career path สายนี้ได้