เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทุกวินาทีล้วนมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจและองค์กรให้เติบโตทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม? นักพัฒนาระบบหรือ developer ต่างเป็นที่ต้องการตลาดมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่บังคับให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กและกลางเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินทุนที่มีอย่างจำกัด ทำให้องค์กรธุรกิจเหล่านี้จำเป็นจะต้องคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนลงทุนสิ่งใดก็ตาม และต้องมั่นใจว่าสิ่งนั้นจำเป็นต่อการพัฒนาองค์กรในยุคดิจิทัลจริง ๆ ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นการพัฒนาเครื่องมือในการทำงานและเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่จำเป็นต้องอาศัยนักพัฒนาระบบหรือ Developer เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อน
และในเมื่อทุกคนต่างต้องการ Developer มาพัฒนาองค์กรให้ก้าวล้ำไปไกลกว่าคู่แข่งในตลาด ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา คือ การขาดแคลนบุคลากรด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและกลางอย่างมีนัยยะสำคัญ
จากข้อมูลของ ICIMS ระหว่างปี 2016 ถึง 2019 พบว่า มีเพียง 60% ของตำแหน่งงานสายเทคในสหรัฐฯ เท่านั้น ที่มีบุคลากรเข้าทำงาน ขณะที่อีก 40% ยังไม่สามารถหาบุคลากรเข้ามาทำงานได้ ทั้งนี้ เนื่องจากตำแหน่งงานว่างของนักพัฒนาซอฟต์แวร์มีมากถึง 1,365,500 ตำแหน่ง ขณะที่มีผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาที่ต้องการเพียงแค่ 65,000 คนต่อปีเท่านั้น
ด้วยสัดส่วนแบบนี้ นักพัฒนาระบบที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงาน จึงเปรียบเสมือนของล้ำค่าที่ทุกองค์กรพร้อมจะให้เงินเดือนและผลตอบแทนที่สูงกว่า เพื่อดึงดูดให้กลุ่มคนเหล่านี้มาร่วมงาน และแน่นอนว่า ธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่ไม่ได้มีเงินทุนสำหรับการจ้างบุคลากรเทียบเท่ากับธุรกิจดิจิทัลขนาดใหญ่อย่าง Google, Amazon และ Microsoft ก็คงจะไม่ดึงดูดให้นักพัฒนาระบบรุ่นใหม่อยากเข้าไปทำงานอย่างแน่นอน
แล้วธุรกิจขนาดเล็กและกลางจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? เพื่อให้องค์กรดึงดูดนักพัฒนาระบบมาร่วมงาน และสามารถก้าวข้ามผ่านยุค Digital Transformation ไปได้อย่างมั่นคง?
Freelance Developer ทางออกสำหรับองค์กรที่มีเงินทุนจำกัด แต่จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
อย่างที่ทราบกันดีว่า ข้อจำกัดทีทำให้องค์กรธุรกิจขนาดเล็กและกลางไม่สามารถแข่งขันในการสรรหาบุคลากรสายเทคเข้าร่วมงานได้เมื่อเทียบธุรกิจขนาดใหญ่ คือ เงินทุนในการจ้างบุคลากรประจำที่ใช้งบค่อนข้างสูง
เพราะฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและกลาง คือ การจ้างนักพัฒนาระบบแบบ Part-time หรือที่เข้าใจกันง่าย ๆ ว่าเป็น Freelance Developer นั่นเอง เนื่องจากการจ้างงานในลักษณะนี้ สามารถลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้เป็นอย่างดี โดยที่นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างเต็มเวลา แต่ขึ้นอยู่กับโปรเจคที่ทำ ณ ขณะนั้น ซึ่งเหมาะกับองค์กรธึรกิจขนาดเล็กและกลางที่มีเงินทุนค่อนข้างน้อยและต้องการความยืดหยุ่นทางการเงินค่อนข้างสูง
เมื่อคนรุ่นใหม่อยากเป็น Freelance Developer มากขึ้น ธุรกิจขนาดเล็กและกลางจะกลับมาได้เปรียบในแง่ของการสรรหาบุคลากรมาพัฒนาระบบดิจิทัลอีกครั้ง
ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากการที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หรือความเป็นอิสระในการทำงานที่เพิ่งจะค้นพบจากการทำงานแบบ Work From Home ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนรุ่นใหม่กำลังสนใจที่จะผันตัวไปเป็นฟรีแลนซ์กันมากขึ้น
โดยจากการสำรวจพบว่า กว่า 58% ของคนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพฟรีแลนซ์ และเพิ่งมาทำงานแบบ Work From Home หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา มองว่า อาชีพฟรีแลนซ์ คือ อาชีพแห่งอนาคต สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจฟรีแลนซ์ที่เกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเติบโตมากขึ้นถึง 15.3% ภายในปี 2026 ด้วย
ความสนใจที่มีต่อการทำงานลักษณะฟรีแลนซ์ของคนรุ่นใหม่นี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่เปิดตำแหน่ง Freelance Developer จะสามารถแข่งขันและเพิ่มแรงดึงดูดให้กับนักพัฒนาระบบรุ่นใหม่มาร่วมงานได้มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดแข็งที่องค์กรใหญ่สามารถทำได้ยาก และเมื่อองค์กรเหล่านี้ สามารถหาบุคลากรมาเพื่อพัฒนาเครื่องมือในการทำงานและเทคโนโลยีการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมแล้ว องค์กรก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านยุค Digital Transformation ได้อย่างมั่นคงในท้ายที่สุด
อ้างอิง: Harvard Business Review