หลายปีที่ผ่านมานายจ้างและลูกจ้างทั่วโลกได้ค้นพบว่าการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นั้นช่วยลดอาการหมดไฟ(Bruntout) ในการทำงานได้ ทำให้หลายองค์กรมองว่าการลดวันทำงานเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ อาจทำให้พวกพนักงานของพวกเขากระฉับกระเฉงและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปกว่านั้นยังส่งผลดีต่อสุขภาพและการเงินของพนักงานแต่ละคนอีกด้วย
จากผลการทดลองเป็นเวลา 6 เดือนในสหราชอาณาจักร โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร “4 Day Week Global และ Autonomy” ซึ่งมีพนักงานเกือบ 3,000 คนใน 61 บริษัท ได้เริ่มดำเนินการทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2022 ทำให้เป็นการทดลองการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ที่ยาวนานและใหญ่ที่สุด ณ ตอนนี้
ในการทดลองนี้ใช้รูปแบบ 100-80-100 คือ พนักงานได้เงินเดือนเต็มจำนวน 100% ในการทำงาน 80% ของเวลา แลกกับผลงานตามปกติ 100% ซึ่งการทดลองนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก กว่า 92% ของบริษัทได้ปรับวันทำงานลงเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์อย่างถาวรและได้ผลตอบรับในทางที่ดี พวกเขากล่าวว่า “ประสิทธิภาพทางธุรกิจและความ Productivity ของพนักงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ทั้งนี้ยังมีผลประกอบการที่ดีมากขึ้นในขณะที่อัตราลาออก (Turnover) มีจำนวนลดลง
ทางด้านพนักงานกว่า 90% กล่าวว่า พวกเขาต้องการวันทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ต่อไปอย่างแน่นอน 55% ของพนักงานบอกว่าพวกเขามีประสิธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น และอีก 15% กล่าวว่าไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้พวกเขากลับไปทำงานแบบ 5 วันได้
เมื่อทำงาน 4 วันก็มีเวลาในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น
การที่ได้มีเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้นทำให้เกิดข้อดีหลายอย่าง เข่น ความเครียดในการทำงานลดลง สุขภาพจิตดีขึ้น ความคิดในแง่ลบลดลง มีเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น 4 Day Week Global ระบุว่ากลุ่มตัวอย่างในการทดลองนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ชายกับผู้หญิง องค์กรเล็กกับองค์กรใหญ่ ผลของการทดลองของผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นมีผลลัพธ์ที่ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาการหมดไฟลดลง ไม่เกิดความเหนื่อยล้า สุขภาพจิตดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาส่วนนี้ทำงานบ้านและดูแลลูกมากยิ่งขึ้น
การทำงาน 4 วันทำให้คุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น
Tyler Grange ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักร หนึ่งในองค์กรที่ปรับจำนวนวันทำงานให้เหลือเพียงแค่ 4 วัน บริษัทเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทั้งธุรกิจและพนักงาน เพราะพนักงานมีความกะตือรือร้นเพิ่มมากขึ้นถึง 22% มีอัตราการสมัครงานเพิ่มขึ้น 88% และมีการขาดงานลดลง 66% นอกจากนี้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ยังลดลงอีกด้วย เพราะผู้คนขับรถออกไปทำงานน้อยลง แถมพนักงานยังมีความเหนื่อยล้าน้อยลงและมีความสุขมากขึ้น
ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้พนักงานรู้สึกผูกพันต่อกันและกันมากยิ่งขึ้น เพราะสัปดาห์การทำงานที่สั้นลงจะกระตุ้นให้พนักงานเข้าออฟฟิศเพื่อใช้เวลาที่เคยเสียไปกับการทำงานแบบ Hybrid ให้กับเพื่อนร่วมงาน บางคนก็ใช้ช่วงเวลาในวันว่างในการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานนอกสถานที่ นอกจากนี้พนักงานยังประหยัดค่าน้ำมัน ค่าเดินทางในการเข้าบริษัท ค่าอาหารกลางวันและค่าดูแลเด็กอีกด้วย
Simon Ursell กรรมการผู้จัดการของ Tyler Grange กล่าวว่าความท้าทายอย่างหนึ่งในฐานะผู้นำ คือ การทำให้แน่ใจว่าพนักงานจะไม่รู้สึกว่างานมันหนักเกินไปจากตารางงานที่สั้นลง แต่ให้มองว่าวันทำงานที่ลดลงก็เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ความสุขและสมาธิเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น คุณก็จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น เมื่อเรามีวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ยาวขึ้น เราก็อยากมาทำงานในเช้าวันจันทร์มากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าการลดวันทำงานลงเหลือเพียงแค่ 4 วันต่อสัปดาห์ สามารถร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย เพราะเมื่อใดที่พนักงานมีความสุข มีสุขภาพจิตที่ดี ก็พร้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่จึงถือเป็นรูปแบบการทำงานใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมากว่าในอนาคต การทำงานเพียงแค่ 4 วันต่อสัปดาห์จะกลายเป็นวันทำงานมาตรฐานของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยหรือไม่?
เขียนโดย : Nichaphat Srijumpa
อ้างอิง : cnbc