เปิดเส้นทางเรียนภาษาเกาหลีฟรี พร้อมเรียนต่อป.โทด้วยทุนรัฐบาลเกาหลี (GKS) จนได้งานที่บริษัท Webtoon แห่งหนึ่งในประเทศเกาหลี! | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
เปิดเส้นทางเรียนภาษาเกาหลีฟรี พร้อมเรียนต่อป.โทด้วยทุนรัฐบาลเกาหลี (GKS) จนได้งานที่บริษัท Webtoon แห่งหนึ่งในประเทศเกาหลี!
By Siramol Jiraporn มีนาคม 1, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

เมื่อพูดถึงประเทศเกาหลี แน่นอนว่าหลายคนคงอยากลองไปเรียนต่อและไปใช้ชีวิตที่ประเทศเกาหลีดูสักครั้ง แล้วรู้หรือไม่ว่าเราจะสามารถไปเรียนต่อเกาหลีทางไหนได้บ้าง? แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำงานที่ประเทศเกาหลีได้?

บทความนี้ ConNEXT จะพาไปดูเส้นทางของคุณกิตินัทธ์ อ่อนสี เด็กจบใหม่ที่ได้ทุน AUN ไปเรียนภาษาเกาหลีฟรี อีกทั้งยังได้ทุนรัฐบาลเกาหลีหรือ GKS เพื่อศึกษาต่อปริญญาโท เรามาดูกันว่ากว่าจะมีงานทำที่ประเทศเกาหลีในวันนี้คุณกิตินัทธ์ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

เรียนต่อเกาหลี

“ภาษาเกาหลี” ไม่ได้มีดีไว้แค่ติ่งอย่างเดียว

ย้อนกลับไปตอนเรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราเรียนภาษาเกาหลีเป็นวิชาโทและสอนพิเศษภาษาเกาหลีบ้างด้วย อีกทั้งตอนนั้นเราชอบ K-pop มาก แล้วรู้สึกว่าถ้าเราพูดเกาหลีได้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะตอนนั้นคนที่มีความรู้ด้านภาษาเกาหลียังมีไม่ค่อยมาก และเราก็รู้สึกว่าหากเรามีความรู้ภาษาเกาหลีก็สามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่นได้ เช่น ล่าม ครูสอนภาษาเกาหลี และอื่นๆ สิ่งนี้ก็ทำให้เห็นได้ว่านอกจากแค่ติ่งอย่างเดียว แต่เรายังสามารถนำความรู้ที่มีไปใช้ทำประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง 

ก่อนที่เราจะไปเรียนภาษาต่อก็ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ และกำลังจะหางาน แต่ทุนเกาหลีตัวหนึ่งที่สมัครไปประกาศผลออกมาก่อน จึงตัดสินใจมาเรียนภาษาต่อที่ประเทศเกาหลี 

เตรียมตัวอย่างไรให้ได้ทุนเรียนภาษา AUN?

ทุนภาษาที่เราได้ชื่อว่า Asean University Network Scholarship (AUN) เป็นทุนที่ Seoul National University เป็นมหาวิทยาลัยหลักที่ให้ทุนกับนักศึกษามหาวิทยาลัยในประเทศอาเซียนสมัครเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็จะ Offer ทุนมาให้ ซึ่งจะเป็นทุนให้ไปเรียนภาษาที่โรงเรียนสอนภาษาในมหาวิทยาลัยนั้นๆ 

ทุนนี้เป็นทุน 100% มีให้ทั้งค่าเทอม ค่ากินอยู่ ค่าที่พัก และค่าตั๋วไป-กลับให้ หากถามว่าค่ากินอยู่พอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าหากประหยัดหน่อยก็คงพอ แต่สำหรับเรารู้สึกว่าไม่ค่อยพอเท่าไหร่ เนื่องจากอยู่เกาหลีมีสิ่งล่อตาล่อใจและสิ่งที่ชอบหลายๆ อย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

สำหรับผู้ที่สนใจทุนนี้หลักๆ เลยคือต้องเขียน Personal Statement และ Statement of Purpose ให้ชัดว่าหากเราได้ทุนไปเรียนภาษาต่อแล้วเราจะนำความรู้ตรงนั้นไปใช้ทำอะไรต่อ นอกจากนี้ก็ควรมีผลสอบวัดระดับภาษาเกาหลีด้วย เนื่องจากทางคณะกรรมการจะเห็นได้ว่าเราสนใจเรียนภาษาเกาหลีจริงๆ อีกทั้งกิจกรรมที่เคยทำมาก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะเขาจะดูว่าเราทำกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องกับภาษาเกาหลีมาก่อนบ้าง

ก่อนสมัครทุนเราก็เตรียมตัวมาพอสมควรในเรื่องการเขียนเรียงความและการสอบวัดระดับภาษาออกมาให้คณะกรรมการรู้สึกว่าเราสนใจภาษาเกาหลีจริงๆ เพราะว่าระหว่างผู้สมัครทุนที่รู้ภาษาเกาหลีโดยมีหลักฐานยืนยันกับผู้ที่ไม่เคยมีความรู้มาก่อน แน่นอนว่าคณะกรรมการจะต้องเห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้ที่มีความรู้พื้นฐานมาก่อนและให้โอกาสคนนั้นไปพัฒนาภาษาต่อให้มีความรู้สูงขึ้น 

บรรยากาศในการเรียนประเทศเกาหลี

ตอนเข้าไปเรียนภาษา เราไม่ได้เข้าไปเป็นเด็กมาวิทยาลัยจริงๆ แต่เข้าไปเรียนโรงเรียนสอนภาษาของมหาวิทยาลัยนั้นๆ โดยตรง ในห้องก็จะไม่มีคนเกาหลีเลย แต่ก็อาจจะมีเพื่อนเกาหลีบางคนที่เป็นลูกครึ่งแล้วภาษายังไม่แข็งแรงมาเรียนด้วย 

นอกจากนี้ครูคนสอนก็เป็นคนเกาหลี บรรยากาศในห้องก็ไม่ได้มีความเคร่งเครียดอะไร เพราะอาจารย์ก็จะคอยช่วยเราฝึกทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน อีกทั้งยังมีสื่อการเรียนการสอนให้ดู และมีการแชร์เรื่องต่างๆ ของเพื่อนในห้องที่มาจากหลายๆ ประเทศ เช่น การคุยกันว่าประเทศเธอเป็นอย่างไรบ้าง การคุยทั้งหมดก็จะคุยเป็นภาษาเกาหลีเป็นหลัก ทำให้เราได้ฝึกภาษาเกาหลีทุกวัน

แต่เมื่อเทียบกับการเรียนปริญญาโทที่ประเทศเกาหลีแล้วพูดได้คำเดียวเลยว่า ‘เครียด’ เนื่องจากด้วยเนื้อหาและเพื่อนตอนเรียนปริญญาโทมีความแตกต่างจากตอนเรียนปริญญาตรีพอสมควร โดยส่วนใหญ่เพื่อนคนเกาหลีก็จะต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าเรามีเพื่อนสนิทก็จะช่วยเรื่องนี้ได้มาก อย่างเราเองก็มีเพื่อนสนิทเป็นคนจีน เมื่อถึงเวลาใกล้สอบก็จะมาติวและอ่านหนังสือด้วยกัน

ก้าวแรกสู่การเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศเกาหลี

เมื่อพูดถึงบรรยากาศในห้องเรียนตอนเรียนปริญญาโทไปแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราเรียนอะไร? หลังจากที่เราเรียนภาษาจบสักพัก เราก็ได้เรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศเกาหลี คณะเกาหลีศึกษา โดยเราได้ทุน GKS เป็นทุนรัฐบาลเกาหลีที่มีให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเปิดรับสมัครปีละ 2 รอบ 

ในรอบแรกจะเป็นรอบของนักเรียนมัธยมปลายที่สนใจเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศเกาหลี โดยจะเปิดรับสมัครประมาณช่วงเดือนตุลาคม ส่วนอีกรอบหนึ่งจะเป็นของปริญญาโทกับปริญญาเอก จะเปิดรับทุกๆ เดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้ก็เปิดรับสมัครอยู่ 

โดยเราสามารถสมัครสาขาไหนหรือมหาวิทยาลัยใดก็ได้ที่ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลเกาหลีว่าจะเปิดรับสมัครทุน เมื่อสมัครเข้าไปแล้ว เขาก็จะมาพิจารณาอีกทีว่าใครจะเป็นผู้ที่ได้รับทุนบ้าง และหากเราได้รับทุนแล้วแต่ไม่มีความรู้ภาษาเกาหลีก็จะได้เรียนปรับพื้นฐานภาษาเกาหลีฟรีๆ 1 ปีก่อนเรียนปริญญาโท

การเรียนปริญญาโทไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีอุปสรรคกว่าที่คิด

ปัญหาหลักๆ ที่เจอในการเรียนคือเรื่องภาษา เพราะว่าด้วยเนื้อหาในการเรียนปริญญาโทแล้ว เอกสารต่างๆ ก็จะมีทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษปนๆ กันไป แล้วเราเป็นคนต่างชาติ ภาษาเกาหลีในเอกสารการเรียนก็จะเป็นคนละระดับกับตอนทุนเรียนภาษา แต่ช่วงแรกๆ เราก็ต้องปรับตัว พยายามทำใจให้ชินและเปิดกว้างเข้าไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถแนะนำได้คือ การมีเพื่อนช่วยเรื่องภาษาเราได้ดีมาก 

เราไม่มีทางรู้ทุกอย่าง ดังนั้นเราจึงพยายามเท่าที่เราได้และทำเท่าที่เราไหว

ส่วนอุปสรรคอีกเรื่องหนึ่งคงเป็นเรื่องของอาจารย์ เนื่องจากอาจารย์ไทยและอาจารย์เกาหลีต่างกันด้วยนิสัย วัฒนธรรม และการเข้าหา โดยอาจารย์เกาหลีเราสามารถเข้าหาได้ยากกว่าอาจารย์ไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเป็นเด็กต่างชาติ ทำให้ภาษายังไม่แข็งแรงและสื่อสารกันไม่ได้มากขนาดนั้น ส่วนอีกสาเหตุเป็นเพราะนักเรียนเกาหลีจะเคารพและยกย่องอาจารย์มาก การคุยเล่นกันหรือสนิทกันก็จะน้อยมากเมื่อเทียบกับอาจารย์ไทย

นอกจากนี้ เนื่องจากในห้องมีนักเรียนชาวต่างชาติซึ่งผ่านวิธีการเรียนมาต่างกัน อย่างทางยุโรปหรืออเมริกาก็จะมีการเรียนกันแบบ Active โต้ตอบกันตลอดจนเป็นนิสัย แต่สำหรับประเทศไทยเราค่อนข้างที่จะ Passive และด้วยความที่เราไม่ค่อยมีความมั่นใจในการพูดในห้องเท่าไหร่เพราะเรื่องภาษาด้วย ตอนนั้นก็เลยรู้สึกเครียดว่าทำไมเพื่อนพูดได้อย่างกระฉับกระเฉง แต่เราผ่านจุดนั้นมาได้ด้วยการเปลี่ยนจากการตอบคำถามไม่ได้เป็นการถามคำถามอาจารย์ให้มากขึ้น และต้องพยายามอ่านหนังสือก่อนเข้าเรียนเพื่อตามเพื่อนให้ทัน

การทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนปริญญาโทที่ว่ายากก็ผ่านมาแล้ว!

ช่วงที่เรียนปริญญาโทเป็นช่วงที่เราทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย การหางานพาร์ทไทม์ที่เกาหลีสำหรับชาวต่างชาติก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากคนเกาหลีจะจ้างคนต่างชาติก็ต่อเมื่องานนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ภาษาอื่น ส่วนใหญ่ที่เราเจอก็จะเป็นงานที่ต้องใช้ภาษาเกาหลีและภาษาไทยควบคู่กันไป

โดยงานที่ใช้ภาษาไทยส่วนใหญ่ก็จะเป็นงาน Call Center งานพัฒนาแอปพลิเคชัน งานติดต่อลูกค้า งานล่าม และอื่นๆ งานเหล่านี้คนเกาหลีเองก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากไม่ได้ใช้ภาษาเกาหลีเป็นหลักขนาดนั้น 

อย่างตอนนั้นเราก็ได้ทำงานพาร์ทไทม์ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการอ่านคำอัตโนมัติ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คล้ายๆ กับ Google translate ที่กดสัญลักษณ์ลำโพงแล้วจะมีเสียงออกมา งานพาร์ทไทม์ที่เราทำก็เป็นแอปพลิเคชันคล้ายๆ แบบที่กล่าวมา โดยเรามีหน้าที่เช็กภาษาไทยที่ใช้ในแอปพลิเคชันนั้นว่าภาษาถูกต้องและเป็นธรรมชาติหรือไม่ อีกทั้งยังมีหน้าที่เป็น Translator ด้วย

เกาหลีมีดีอย่างไรทำไมใครหลายคนถึงชอบ?

เรียนต่อเกาหลี

การใช้ชีวิตที่ประเทศเกาหลีแตกต่างจากไทยมาก เพราะเขาออกแบบเมืองและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้คนได้อยู่อาศัย ดังนั้นการเดินทางหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็จะมีเยอะมาก 

นอกจากนี้เรื่องสภาพอากาศก็แตกต่างเช่นกัน ถ้าเป็นประเทศไทยก็จะรู้สึกร้อนตลอดปี แต่ประเทศเกาหลีจะร้อน 3 เดือน นอกนั้นก็ค่อนไปทางหนาว ก็จะทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดกับสภาพอากาศเท่าไหร่ อีกทั้งยังทำให้นิสัยเราเปลี่ยนเป็นคนที่ชอบทำอะไรเร็วขึ้นด้วย

นอกจากนี้สำหรับใครที่เป็นติ่งเกาหลี ก็จะสามารถติดตามศิลปินที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น เนื่องจากตอนอยู่ประเทศไทยเราทำได้แค่รอจนกว่าศิลปินจะมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศเรา

แต่ทุกที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน สิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบที่ประเทศเกาหลีคือ ถึงแม้เราจะชอบที่คนเกาหลีเป็นคนรวดเร็ว จนทำให้เรากลายเป็นคนรวดเร็วไปด้วย แต่การที่ทุกอย่างมันเร็วตลอดเวลาก็ทำให้เรารู้สึกเหนื่อย เพราะทุกอย่างมันดูเร่งรีบไปหมดจนเรารู้สึกว่าไม่เคยได้พักหายใจ อีกทั้งคนเกาหลีก็ยังไม่ได้เป็นมิตรกับชาวต่างชาติขนาดนั้น เพราะช่วงโควิดระบาดแรกๆ ร้านอาหารบางร้านก็จะแปะป้ายไว้ข้างหน้าเลยว่า ห้ามชาวต่างชาติเข้า

เส้นทางชีวิตการทำงานที่เกาหลีหลังเรียนจบสวยหรูหรือไม่?

หลังจากเรียนจบปริญญาโทแล้วเราก็ได้ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีเป็นบริษัทเว็บตูน ในตอนนี้ก็วางแผนชีวิตไว้แค่ว่าจะทำงานและเก็บประสบการณ์ต่อไปเรื่อยๆ เพราะถ้าถามว่าอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ไทยไหม ก็ยังรู้สึกว่ายังสนุกกับการทำงานที่ประเทศเกาหลีอยู่ คงยังไม่มีแผนจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ไทยเร็วๆ นี้

เมื่อย้อนกลับไปถึงภาษาเกาหลีที่เรียนมาก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานจริงอย่างที่ตั้งเป้าไว้ เพราะการทำงานในบริษัทเกาหลี แน่นอนว่าต้องใช้ภาษาเกาหลีเป็นหลัก เนื่องจากต้องคุยงานและติดต่อประสานงานกับคนเกาหลี อีกทั้งด้วยตัวเนื้องานที่ทำเองทุกอย่างก็เป็นภาษาเกาหลีหมดด้วย ซึ่งก็เหมือนเราเอาทุกอย่างที่เรียนมาใช้ไปกับการทำงานจริงๆ แล้วเราก็ยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกวันผ่านการทำงานด้วย 

เพราะงานที่เราทำคือ Project Manager มีหน้าที่ดูแลคอนเทนต์ในเรื่องเกี่ยวกับการแปล รวมถึงเนื้อหาเว็บตูนว่าจะทำอย่างไรให้คนอ่านสามารถเข้าใจเว็บตูนเกาหลีได้ โดยที่เนื้อหาไม่เกาหลีจ๋า และไทยจัดจนเกินไป ซึ่งจะต้องทำให้คนอ่านรู้สึกสนุก อ่านง่าย และอ่านสบาย

วัฒนธรรมการทำงานในเกาหลี

สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยและประเทศเกาหลีมีเหมือนกันคือ ระดับภาษา โดยภาษาเกาหลีจะมี 2 ระดับเหมือนกับไทย ดังนั้นเราก็ต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องกาลเทศะด้วย ทำให้เราไม่สามารถคุยเล่นกับทุกคนในบริษัทได้ นอกจากนี้เรายังต้องทำงานให้ตรงเวลา เนื่องจากหัวหน้าจะไม่ค่อยประนีประนอมกับเราเท่าไหร่ 

หากพูดถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่เราทำอยู่ในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างดี เพราะเราสามารถเข้ากับคนในทีมทั้งคนไทยและคนเกาหลีได้ หากเทียบกับประเทศไทยในเรื่องนี้ก็คงไม่สามารถเทียบได้ เพราะเราไม่เคยทำงานมาก่อน เพราะถึงแม้จะเคยฝึกงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ตอนนั้นเป็นเหมือนการเรียนรู้งานมากกว่า 

ซึ่งการฝึกงานทำให้รู้สึกว่าเรามีความรับผิดชอบในงานนั้นๆ แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่พอทำงานจริงๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดมันตกอยู่ที่เรา ซึ่งเราต้องตัดสินใจอะไรเองในหลายๆ เรื่อง ก็จะค่อนข้างเครียดเพราะไม่รู้ว่าเราตัดสินใจถูกหรือไม่

เมื่อเทียบระหว่างการฝึกงานที่ประเทศไทยกับการทำงานที่ประเทศเกาหลีก็คือ ตอนฝึกงานพี่ในทีมก็จะค่อยๆ สอน แต่พอทำงานจริงในประเทศเกาหลีเจ้านายก็จะดุๆ หน่อย

ฝากถึงน้องๆ ที่มีความฝันอยากได้ทุนไปเรียนเกาหลี

สำหรับใครที่เรียนภาษาเกาหลีอยู่ ก็อยากให้เรียนต่อไปเรื่อยๆ เพราะภาษาเกาหลีจะยิ่งเพิ่มระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องรู้เป้าหมายของตัวเองว่าเราอยากเรียนไปเพื่ออะไร อย่างเรามีเป้าหมายการเรียนว่าอยากนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงอยากนำไปใช้ทำมาหากิน 

หลังจากนั้นเราก็ต้องวางแผนว่าจะทำให้เป้าหมายนี้ให้เป็นจริงได้อย่างไร เราต้องหาเส้นทางของตัวเองให้ชัดว่าการเรียนปริญญาโทหรือการเรียนภาษาที่ประเทศเกาหลีมันตอบโจทย์เป้าหมายของเราจริงๆ หรือไม่ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนที่อยากมาเรียนที่เกาหลีในอนาคต

เรียกได้ว่าคุณกิตินัทธ์เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในประเทศเกาหลีตั้งแต่การได้ทุนไปเรียนภาษาต่อ การได้ทุนเรียนปริญญาโท การทำงานพาร์ทไทม์ และการทำงานฟูลไทม์แบบครบจบในคนเดียวเลยจริงๆ และสำหรับใครที่มีความฝันอยากไปเรียนต่อที่ประเทศเกาหลี ก็ควรรู้เป้าหมายของตัวเองให้แน่ชัด และเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ให้เต็มที่ แล้ววันหนึ่งเราก็จะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างที่ตั้งใจไว้เหมือนอย่างคุณกิตินัทธ์ได้นั่นเอง


No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/talent-insights/how-to-study-and-work-abroad-in-korea