LinkedIn ปรับเปลี่ยนการทำงานของสำนักงานใหญ่เป็นระบบ Hybrid อย่างไรให้พนักงานมีประสิทธิภาพ | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
LinkedIn ปรับเปลี่ยนการทำงานของสำนักงานใหญ่เป็นระบบ Hybrid อย่างไรให้พนักงานมีประสิทธิภาพ
By Chanapa Siricheevakesorn พฤศจิกายน 25, 2022
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

หลังจากเกิดการแพร่ของโรคระบาดครั้งใหญ่ ส่งผลให้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในโลกการทำงาน บริษัทต่างๆ หันมาใช้รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัท LinkedIn ที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเมืองซันนีเวล รัฐแคลิฟอร์เนีย

แนวคิดที่ทำให้ LinkedIn ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานปกติมาเป็นแบบ Hybrid?

ข้อมูลจาก Gallup ผู้คนกว่า 50% ต้องการทำงานในรูปแบบของ Hybrid รองลงมา 30% ต้องการทำงานที่ออฟฟิศ (On-site) และ 20% ต้องการทำงานจากระยะไกล (Remote) 

หากเราอ้างอิงจากข้อมูลนี้จะเห็นถึงความเป็นไปได้ที่รองรับเป้าหมาย LinkedIn ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงให้การทำงานของพนักงานเป็นไปในรูปแบบ Hybrid ได้อย่างยั่งยืน

Lisa Britz ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบสถานที่ทำงานของ LinkedIn และ Robert Norwood หัวหน้านักออกแบบภายในของ NBBJ ได้กล่าวว่า ในเมื่อก่อนเราจะคิดถึงการออกแบบเพื่อสามารถรองรับพนักงานได้เยอะๆ แต่เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นจึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลายเป็น Work from home อย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องสถานที่ทำงานแบบดั้งเดิมที่อาจจะไม่ตอบโจทย์แล้วในปัจจุบัน

เราจึงพยายามทำความเข้าใจแนวโน้มในที่ทำงานให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ และล่าสุดได้นำแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำงานแบบ Hybrid มาทดสอบในการออกแบบสำนักงานใหญ่ระดับโลก ขนาด 250,000 ตารางฟุตของ LinkedIn ที่เรียกว่า B1 บนพื้นที่ 29 เอเคอร์ในซิลิคอนวัลเลย์

LinkedIn ทำอย่างไร? ให้พนักงานสามารถทำงานในรูปแบบ Hybrid ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำให้สถานที่ทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการทำงานได้ทุกประเภท

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ LinkedIn มีพื้นที่ที่สามารถใช้สำหรับการพักผ่อน พื้นที่ที่สามารถโฟกัสกับงาน พื้นที่ในการทำงานร่วมกันเป็นทีม พื้นที่ในการเรียนรู้ และพื่นที่ในการเข้าสังคม

ในช่วงล็อกดาวน์ Lisa และ Robert ค้นพบว่าเมื่อผู้คนมีอิสระส่วนบุคคลมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานก็จะเพิ่มขึ้น จึงทำให้ตระหนักว่าพนักงานต้องการความยืดหยุ่นในรูปแบบของการทำงาน เช่น การจัดตารางเวลาในการทำงานเอง หรือการ Work from home 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ LinkedIn ทำกับการออกแบบสำนักงานใหญ่คือการลดจำนวนเวิร์กสเตชันแบบดั้งเดิมลงประมาณ 40% และแทนที่ด้วยพื้นที่นั่งเล่นหลายสิบแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งทำหน้าที่เป็น “Neighborhoods” ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่เพื่อจัดไว้รองรับกิจกรรมทั่วไปของแต่ละทีม

นอกจากนี้ โครงสร้างทั้งหมดได้รับการออกแบบในแนวตั้งให้สอดคล้องกับการไล่ระดับของรูปแบบการทำงาน โดยชั้นล่างจะเน้นไปที่การเข้าสังคมมากที่สุดโดยมี co-working spaces โรงอาหาร และร้านกาแฟ เป็นต้น

รองรับความหลากหลายในที่ทำงาน

ในปัจจุบันโลกแห่งการทำงานเปิดกว้างมากขึ้น ส่งผลให้พนักงานมีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบสำนักงานเพื่อให้สามารถรองรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการรับรู้ซึ่งเป็นสิ่งที่ LinkedIn ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นการออกแบบทั้งหมดของ LinkedIn สำหรับสำนักงานใหญ่แห่งใหม่จึงเป็นไปตามหลักการออกแบบที่ครอบคลุมให้พนักงานงานทุกคนสามารถเข้าถึง Facilities ต่างๆ ของสถานที่ทำงานได้

LinkedIn ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่พื้นไปจนถึงหลอดไฟ ระดับแสง ระดับเสียง และระดับความเป็นส่วนตัวไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่รองรับต่อท่าทางที่แตกต่างกันกว่า 60 แบบ โดยคำนึงถึงพนักงานในสภาวะต่างๆ เช่น อัมพาต ความบกพร่องทางสายตาหรือการได้ยิน ความแตกต่างของระบบประสาท ความวิตกกังวล และอื่นๆ

และหลังจาก LinkedIn เปิดตัวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ก็ได้ย้ายพนักงานกว่า 63% เพื่อมาประจำที่ B1 อย่างเป็นทางการโดยพนักงานทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทำงาน สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่ให้บริการต่างๆ ได้ และนอกจากนี้พนักงานยังคงสามารถทำงานจากที่บ้านได้อีกด้วย

จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นว่า LinkedIn สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และเล็งเห็นถึงความต้องการของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของโรคระบาดได้อย่างดี เพราะฉะนั้นหากองค์กรใดที่มีฟังก์ชั่นในที่ทำงานและรูปแบบการทำงานที่หลากหลายเพื่อรองรับพนักงานประเภทต่างๆ ได้ องค์กรนั้นก็จะสามารถรักษาพนักงานที่มีคุณภาพและดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อองค์กรและสังคมได้อย่างแน่นอน


อ้างอิง HBR, ONEs Blog, Gallup

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/talent-insights/linkedin-headquarters-as-a-hybrid-system-for-employee-efficiency