เปิดประสบการณ์ฝึกงานในฝัน กับ Disney International College Program ที่ทุกคนควรจะได้ไปสักครั้งก่อนเรียนจบ | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
เปิดประสบการณ์ฝึกงานในฝัน กับ Disney International College Program ที่ทุกคนควรจะได้ไปสักครั้งก่อนเรียนจบ
By Connext Team สิงหาคม 25, 2021
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

เมื่อเอ่ยถึง Disney หลายคนคงนึกถึงตัวการ์ตูนและเหล่าเจ้าหญิงที่โลดแล่นอยู่บนจอ คอยสร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราเองก็อดที่จะชอบตัวละครเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน

และสำหรับแฟน ๆ Disney แล้ว การไปเยือน Disneyland ดินแดนในฝันที่เต็มไปด้วยเหล่าตัวละครที่ชื่นชอบผ่านบรรยากาศดั่งโลกนิยาย ถือเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้

แต่สำหรับนักศึกษาที่เรียนชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป และยังไม่จบการศึกษาจากอุดมศึกษา มีสิทธิพิเศษมากกว่าการไปเที่ยวชมซะอีก นั่นก็คือ การไปฝึกงานที่ดินแดนในฝันแห่งนี้นี่เอง เพราะนอกจากจะได้เข้าไปอยู่ในโลก Disney แล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับผู้คนมากมายได้อีกด้วย

ConNext จึงได้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับ คุณรัดฎาภรณ์ ศรีมูล หรือคุณอาร์ พนักงานสุดสวยจากบริษัท Techsauce ตำแหน่ง Project Manager ซึ่งมีโอกาสได้ไปฝึกงานที่ Walt Disney World เมือง Orlando รัฐ Florida เป็นเวลา 3 เดือน กับโครงการ Disney international College Program จาก London House ตัวแทนจาก Disney แห่งเดียวอย่างเป็นทางการของประเทศไทย 

สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังเตรียมตัวอยู่ ก็สามารถเอาประสบการณ์จากคุณอาร์ไปปรับใช้กันได้เลย!

Disney International College Program คือ อะไร? และรู้จักโครงการนี้ได้อย่างไร

Disney International College Program เป็นโปรแกรมสำหรับนิสิต/นักศึกษาที่สนใจฝึกงานกับทาง Walt Disney World ในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม โดยคุณอาร์ได้เล่าว่าได้รู้จักกับโครงการนี้จากรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ผ่านเรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้จากการไปฝึกงานกับ Walt Disney World มาแล้ว 

ถ้าจะสมัครต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง และรีวิวขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว

Disney International College Program เป็นโปรแกรมที่รับสมัครนิสิต/นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ระดับชั้นปีที่ 2 ขึ้นไปเท่านั้น และไม่รับจบ 3 ปีครึ่ง รวมถึงไม่รับปริญญาโทด้วย อีกทั้งยังต้องมี GPAX รวมเฉลี่ยเกิน 2.75 ขึ้นไป และอายุระหว่าง 18-28 ปี สามารถมาเข้าร่วมการสอบสัมภาษณ์และประชุมตามวันที่กำหนดได้ โดยห้ามพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว

ส่วนประสบการณ์ของคุณอาร์นั้น เป็นการสมัครผ่าน Road Show ที่ได้จัดขึ้นในมหาวิทยาลัย จึงไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองที่นั่งสำหรับ Road Show หลังจากจบกิจกรรม Road Show จะได้รับ Interview card เพื่อใช้สำหรับเข้าสัมภาษณ์รอบที่ 1 

โดยจะต้องเลือกตำแหน่งงานของเราในขั้นตอนนี้ได้เลย ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 ประเภท (แต่ละปีจะมีตำแหน่งให้เลือกแตกต่างกันไป)

  1. Lifeguard  
  2. Quick Service Food & Beverage 
  3. Merchandise 

ซึ่งคุณอาร์ได้เลือกตำแหน่ง Quick Service Food & Beverage หรือพนักงานขายของตามจุดต่าง ๆ ใน Walt Disney World

จำเป็นต้องภาษาอังกฤษไหม บอกเล่าความรู้สึกตอนสัมภาษณ์หน่อยว่าเจออะไรบ้าง

แน่นอนว่าก่อนสมัครโครงการ หลายคนคงมีคำถามนี้ หรือบางคนอาจไม่กล้าสมัครเพราะเรื่องของภาษาที่ใช้ในการสื่อสารนี่แหละ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป เพราะคุณอาร์ได้เล่าว่าในขณะนั้นตัวคุณอาร์เองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่ก็พยายามในการสื่อสารให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องไวยากรณ์ถูกต้องทั้งหมดก็ได้

และในตอนรอบสัมภาษณ์จะมีการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งหมด โดยรอบแรก จะเป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับ Disney จากทาง London House เช่น เราชอบตัวละครไหนใน Disney โดยคุณอาร์ได้แอบบอกเคล็ดลับว่าให้เราแสดงออกถึงความสดใสในแบบที่พร้อมมอบความสุขให้กับคนอื่น ๆ เพราะว่านั่นคือบุคลิกที่เหมาะสมกับการทำงานในดินแดนแห่งความสุขนั่นเอง 

ส่วนในการสัมภาษณ์รอบที่ 2 จะเป็นการสัมภาษณ์จาก Disney โดยตรง โดยคุณอาร์ได้เข้าสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเลย แบบตัวต่อตัว ส่วนในเรื่องคำถามจะเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปที่เกี่ยวกับพื้นฐานการทำงานในตำแหน่งที่เราได้เลือกไป เช่น คุณอาร์ได้เลือกตำแหน่ง Quick Service Food & Beverage ก็อาจได้คำถามที่เกี่ยวกับประสบการณ์การขายสินค้า ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถเตรียมตัวและเก็งคำถามได้

เมื่อไปถึง Disney ใช้ชีวิตอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องเรียนรู้

เริ่มจากการเดินทางไปยังเมือง Orlando รัฐ Florida เราจะได้เข้าพักในหมู่บ้านสำหรับ Exchange Program โดยเราสามารถเลือกบ้านได้ โดยการกดจองผ่านเว็บไซต์ของ Disney ซึ่งจะมีบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 หลัง แต่ละหลังก็มีราคาแตกต่างกันออกไปตามความเก่า-ใหม่ของตึก 

ซึ่งคุณอาร์ได้เลือกบ้าน Vista Way ที่ต้องอยู่รวมกัน 12 คนต่อชั้น ซึ่งในชั้นนั้นจะมี 2 ห้อง ซึ่งในห้องนั้นจะแยกออกเป็นห้องนอนอีก 3 ห้อง ดังนั้นจะมี 2 คนต่อห้อง เรียกได้ว่าอยู่ได้แบบสบายมาก ๆ ส่วนในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันทั้งอุปกรณ์ครัวสำหรับทำอาหาร ไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า คุณอาร์แอบกระซิบว่าเครื่องนอนต่าง ๆ ให้เตรียมไปเองหรือไปซื้อเอาก็ได้ เพราะเค้าจะไม่มีให้นะ ส่วนในเรื่องอาหารการกินก็พกผงพร้อมปรุงจากเมืองไทยไปมากหน่อย ถึงไปไม่นาน แต่จะคิดถึงอาหารไทยมาก

เมื่อไปถึงที่ Disney คุณอาร์ได้เล่าว่าก่อนอื่นเลยจะมีวันปฐมนิเทศที่เราจะต้องไปจับสลากเพื่อสุ่มตำแหน่งร้านที่ต้องไปทำงาน เพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งกายและรายละเอียดข้อบังคับของแต่ละจุด ซึ่งจะมีการเรียนเพื่อฝึกทักษะที่จำเป็นเพื่อใช้ทำงานในโรลที่สมัครและต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การเรียกลูกค้าว่า “Guest” และเรียกพนักงานว่า “Cast Member” 

ยังไม่พอในการทำงานเราจะต้องเข้าไปดูตารางงานผ่านทางเว็บไซต์สำหรับพนักงาน ซึ่งในแต่ละสัปดาห์จะมีตารางการทำงานบอกเราว่าต้องทำโซนไหนในแต่ละวันนั่นเอง รวมไปถึงจะบอกรายละเอียดต่าง ๆ ที่ควรทำในวันนั้น เรียกได้ว่าเป็นระบบการจัดการที่ดีสุด ๆ 

ในส่วนของการเดินทางนั้น ทาง Walt Disney World ได้มีรถสำหรับรับ-ส่งพนักงานโดยเฉพาะ และมีการบริการจักรยานฟรี เพิ่มความสะดวกให้กับพนักงานอย่างดี อีกทั้งถ้าเราจะออกไปข้างนอก เราสามารถใช้บัตรพนักงานเป็นส่วนลดครึ่งราคาสำหรับค่าโดยสารได้อีกด้วย

มีช่วงที่ท้อแท้อยากกลับบ้านบ้างไหม เจออุปสรรคอะไรบ้างระหว่างการทำงาน

แน่นอนว่าการไปเยือนต่างประเทศ ต่างที่ก็ต่างวัฒนธรรม มันก็ต้องมี Culture Shock บ้างเป็นเรื่องธรรมดา คุณอาร์ได้เล่าประสบการณ์การพบเจอกับคนต่างวัฒนธรรมว่าแอบตกใจเกี่ยวกับการ Skinship ของที่นู่น เช่น การทักทายแบบกอดหรือ Kiss 

ส่วนเรื่องของอุปสรรคในการทำงานคุณอาร์ได้เล่าว่ามีปัญหาหลัก ๆ ก็เป็นเรื่องของภาษา แต่ในช่วงของการฝึกก็สามารถแอบจำประโยคเพื่อเอาไว้พูดให้ลูกค้าได้ชื่นใจได้ เช่น may the force be with you จากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Star Wars 

อีกหนึ่งอุปสรรคที่คุณอาร์ได้พบ คือ การนับหน่วยเงินของประเทศอเมริกา เนื่องจากตำแหน่ง Quick Service Food & Beverage จะมีการเดินขายสินค้าบ้าง ทำให้ไม่มีตัวช่วยในการคำนวณค่าเงิน รวมถึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่ใช้พูดเกี่ยวกับค่าเงินด้วย เช่น quarter, penny, dime, nickle เพราะถ้าเกิดคิดเงินผิดแล้ว อาจจะโดนลบคะแนนความประพฤติได้นะ

คุณอาร์ได้เพิ่มเคล็ดลับให้อีกว่าถ้านับเลขเป็นภาษาสเปนได้จะดีมาก เพราะคนที่ไปส่วนใหญ่จะใช้ภาษาสเปนกัน ฟังออก 1-10 ก็นับว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย

เหตุการณ์ที่ประทับใจจนทุกวันนี้

ได้ชื่อว่าดินแดนในฝันของใครหลายคน การสร้างความสุขในที่แห่งนี้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งกิจกรรมที่คุณอาร์ประทับใจที่สุดคือ Magic Hour ที่เราสามารถให้ของกับ Guest เพื่อสร้างความสุขได้แบบ Exclusive สุด ๆ อย่างคุณอาร์เคยมอบไอศกรีมให้กับ Guest เด็ก ๆ แล้วได้รับรอยยิ้มพร้อมคำขอบคุณ แค่นี้ก็มีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับเลย

สิ่งที่ได้จากประสบการณ์การฝึกงานที่ Disneyland

คุณอาร์ได้บอกว่าสิ่งที่ได้จากประสบการณ์การฝึกงานที่ Disneyland มีทั้งการเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและกระตุ้นให้เราได้ปรับตัวกับสังคมที่ต่างกันออกไป รวมถึงทำให้เราได้เปลี่ยนแปลงมุมมองเกี่ยวกับคนต่างวัฒนธรรมมากขึ้น เรียกได้ว่านอกจากจะได้ประสบการณ์การทำงานแล้ว ยังได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ในชีวิตอีกด้วย

มีคำแนะนำอะไร ฝากถึงคนที่อยากมาฝึกงานกับ Disneyland ไหม?

สำหรับคนที่อยากไปกับโครงการนี้ คุณอาร์ได้แนะนำว่าให้ดูว่าเราอยากไปหาประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศในแบบที่ไม่ต้องพบกับความเสี่ยงมากเท่ากับโครงการอื่น ๆ อีกทั้งค่าร่วมโครงการก็ไม่แพงมาก ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 110,000 บาท และไม่มีค่าเข้าโครงการอีกด้วย ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการไปต่างประเทศแบบ Adventure มาก แต่ได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่าแบบสุด ๆ

เรียกได้ว่า Disney International College Program เป็นอีกหนึ่งในโครงการที่ได้ประสบการณ์การทำงานในดินแดนที่อบอวลไปด้วยความสุขทั้ง Guest และ Cast Member กันเลยทีเดียว ใครที่ยังมีโอกาสก็อย่าพลาดที่จะไปซักครั้งในชีวิตกันนะ

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/talent-insights/the-internship-experience-from-disney-international-program