อยากเข้าวงการเทค แต่ไม่ได้จบสายตรง จะมีโอกาสเติบโตในสายงานนี้ได้ไหม? กับ ท๊อป จิรายุส | Techsauce
talentsauce logo
ฝากประวัติ ค้นหา Tech Talent Talent Insights Job Hack Life Hacks News Video Podcast
อยากเข้าวงการเทค แต่ไม่ได้จบสายตรง จะมีโอกาสเติบโตในสายงานนี้ได้ไหม? กับ ท๊อป จิรายุส
By Connext Team สิงหาคม 11, 2021
share facebook icon share facebook icon hover share x icon share x icon hover share line icon share line icon hover share icon share icon hover

ปฎิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันวงการเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งครอบคลุมแทบจะทุกแง่มุมของชีวิตเรา อาชีพใหม่ ๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลก แต่ถ้าไม่ได้จบสายตรงเกี่ยวกับเทคโนโลยีเลยล่ะ จะมีโอกาสเติบโตในสายงานนี้ได้ไหม ?

เพื่อไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้นท่ามกลางคนรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมเทค คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder & Group CEO ของ Bitkub จึงได้มาแชร์และนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางการทำงานในอนาคตในวงการเทคโนโลยีจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในงาน ConNEXT Virtual Job Fair & Career Talk 2021 

สำหรับใครที่พลาด Session ของคุณท๊อป ลองมาค้นหากันดูว่า เราจะสามารถทำอะไร และอยู่ตรงจุดไหนของอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้ได้บ้าง

วงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง? และจะเติบโตขึ้นอีกขนาดไหน?

ย้อนกลับไปในปี 2013 เมืองไทยมีไม่กี่สตาร์ทอัพ เช่น HUBBA ที่เป็น Co-Working Space ที่แรกในเมืองไทย ตอนนั้นถือเป็นวงการที่เล็กมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น Ecosystem ที่ยังไม่ค่อยพร้อม หรือกฎหมายที่ยังไม่ดึงดูดนักลงทุน 

แต่ปัจจุบัน มีธุรกิจด้านเทคโนโลยีสตาร์ทอัพมากขึ้นเรื่อย ๆ Growth Rate ของวงการสตาร์ทอัพในเมืองไทยเมื่อเทียบกับวงการอื่น อย่าง Brick and Mortar Business ที่โตแบบ Single Digit โตที่ 5% มากสุดก็ 10% แต่วงการสตาร์ทอัพโตแบบ Double Digit มาโดยตลอด ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่โตเร็วมาก ๆ 

Bitkub เองอยู่ใน Subset ของสตาร์ทอัพที่เรียกว่า Fintech ตอนปี 2016 Fintech ในเมืองไทย มีขึ้นไม่ถึง 50 บริษัท ปี 2020 มีประมาณ 170 บริษัท โดยภาพรวม เม็ดเงินไหลเข้ามามากขึ้นใน 8 ปีที่ผ่านมา จำนวนคนเข้ามาเปิดสตาร์ทอัพมากขึ้นเรื่อย ๆ และวิธีการทำงานเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้มี Cloud-Based Application มากมายซึ่งช่วยลดต้นทุนการสร้างบริษัทได้อย่างมหาศาล 

ล่าสุดมียูนิคอร์นตัวแรกของไทยคือ Flash Express และมี 1-2 สตาร์ทอัพที่กำลังจะเข้า IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอในเมืองไทย กำลังจะดู SPAC ที่จะเข้าที่ตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาที่ Nasdaq ก็หวังว่าจะมี Big Exit กันในอีก 1-2 ปีข้างหน้าและหวังว่าจะมี Unicorn เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

ในอนาคต วงการนี้จะเป็นวงการที่โตเร็วที่สุดวงการหนึ่ง เป็น New Economy และอิทธิพลของสตาร์ทอัพต่อ GDP ของประเทศจะเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบริษัทที่ใหญ่จนเหมือนเป็น Infrastructure ของประเทศไปแล้ว 

เด็กจบใหม่จะมาทำงานในวงการสตาร์ทอัพมากขึ้น คนใน Old Economy ต้อง Reskill และ Upskill เพื่อให้มี Skill Set ที่สอดคล้องกับโลกอนาคตมากขึ้น บริษัทยุคเก่าจะอายุขัยจะสั้นลงเพราะโลกเปลี่ยนตลอดเวลาและเปลี่ยนในอัตราที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทยุคใหม่จะเกิดมาและประสบความสำเร็จในอัตราที่เร็วขึ้นเพราะโลกเชื่อมต่อกันมากขึ้นและเทคโนโลยีทำให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้น 

อยู่เมืองไทย หรือ ไปต่างประเทศ? หากอยากทำงานในวงการเทคให้รุ่ง

คุณท๊อปได้พูดถึง Business Model 2 รูปแบบ คือ Global Monopoly และ Local Monopoly 

สำหรับ Global Monopoly เช่น Facebook ลูกค้าของเขา คือ คนทั่วโลก บริษัทพวกนี้จะอยู่ที่ Silicon Valley ซึ่งก็จะได้เปรียบกว่า เพราะเม็ดเงินอยู่ที่นั่น คนที่สร้าง Scalable Technology อยู่ที่นั่นทั้งหมด ความรู้อาจยังกระจุกตัวอยู่ที่ Silicon Valley Engineer ส่วนน้อยที่จะทำเป็น มันจึงมีโอกาสมากกว่าในเรื่องของ Resource ที่จะไปเปิดสตาร์ทอัพที่ต่างประเทศ หรือแม้แต่เรื่องของกฎหมายที่เอื้ออำนวยมากกว่า

แต่ Local Monopoly ก็มีข้อดี เช่น Alibaba ที่เมื่อก่อน Amazon จะไปบุกจีนก็ต้องถอยทับ Alibaba เป็น Local Winner ของจีน Amazon เป็น Local Winner ของอเมริกา เมืองไทยตอนนี้ Lazada Shopee กำลังแข่งกัน ต้องลุ้นกันว่าใครจะเป็น Local Winner หนึ่งเดียวของประเทศไทย หรือ เมื่อก่อน Grab กับ Uber แข่งกัน สุดท้าย Uber ก็ต้องถอยทับ ตอนนี้ Grab กับ Gojek แข่งกัน Gojek ก็ต้องถอยทับ มันมีได้แค่หนึ่ง Local Monopoly ของแต่ละประเทศ

ดังนั้น ส่วนตัวคุณท๊อปมองว่า ถ้าเราไม่ได้ Target ไปที่ Global Market เราอยู่เมืองไทยได้ มันมีข้อได้เปรียบกว่าเพราะแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน มันไม่ใช่ One size fits all เช่น ประเทศ ASEAN ที่แม้จะอยู่ในโซนเดียวกันแต่มีความแตกต่างกัน เช่น ประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประชากรกว่า 50% ไม่มีบัญชีธนาคาร ใช้เงินกระดาษเป็นหลัก ซึ่งก็จะเห็นว่าโอกาสของ Social Banking น่าจะเกิดที่สองประเทศนี้มากกว่าประเทศอื่น

อย่าง Bitkub เองเป็น Local Monopoly คล้าย ๆ กับ E-commerce  ถ้าไปสร้าง Bitkub ที่อเมริกาก็คงไม่มาถึงจุดนี้เพราะการแข่งขันเยอะกว่า คนเก่ง ๆ ก็เยอะ และ Infrastructure ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจริง ๆ อยู่ที่  Business Model ด้วย ที่ต่างประเทศก็มีโอกาส หรือแต่ละประเทศที่อยู่ใน ASEAN ก็มีโอกาส แต่เป็นคนละรูปแบบว่าเราจะ Target Global หรือ Local Market คู่แข่งก็แตกต่างกัน Resource ก็แตกต่างกัน มันมีข้อดีข้อเสียแล้วแต่ประเภท

สายอาชีพในวงการเทคโนโลยีและมาแรงที่สุดตอนนี้ คือ อะไร?

ในสิบปีที่ผ่านมาอาชีพที่ทุกคนแย่งกันในตลาด คือ Engineer ไม่ว่าจะเป็น Coder หรือ Front-End, Back-End, และ Full Stack Developer  เรียกได้ว่าขาดตลาดมาก ๆ  

แต่ในอนาคต กลุ่มคนอีกประเภทที่เป็นที่ต้องการของตลาด คือ กลุ่มคนประเภท Smart Creative หรือกลุ่มคนที่มี Skills 3 อย่าง ได้แก่ Business Expertise, Technology Expertise และ Creativity 

ทั้งนี้ คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ Pioneer ของ Technology แต่เป็นคนที่เป็น Pioneer ของ Application of Technology เช่น ทุกวันนี้เราใช้ Zoom, Skype คุยกัน คนส่วนใหญ่ใช้เป็น แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีข้างหลังบ้าน คือ TCP/IP คนประสบความสำเร็จไม่ใช่คนคิดค้น TCP/IP แต่เป็นคนที่นำเทคโนโลยีตรงนี้มาประยุกต์ใช้เป็น Application แก้ไขปัญหาสังคม ให้การสื่อสารเพียงพอเข้าถึงคนทั่วโลกได้ 

ดังนั้น เมื่อเรามีทั้ง 3 Skills เราจะต้อง Combine นำมาประยุกต์ใช้และสร้างบริษัทที่คนมองไม่เห็นว่าเราใช้ Application หรือ Technology ตรงนี้มาแก้ไขปัญหาให้กับสังคมได้

และคนที่จะเรียนรู้ 3 Skills นี้ได้ดีที่สุด คือ คนที่เปิดบริษัทเอง เพราะในหนึ่งปีที่คุณเปิดบริษัทเองคุณจะเรียนรู้อะไรเยอะมาก เยอะกว่าไปทำงานให้คนอื่น 5 ปี เพราะคุณจะต้องทำเองทุกอย่าง และอย่ากลัวความล้มเหลว เพราะไม่มีใครไม่ล้มแล้วประสบความสำเร็จ 

แต่ถ้าเสี่ยงไม่ได้ คุณท๊อปแนะนำให้ทำงานในบริษัทที่เป็น New Economy เรียนรู้ Skill Set ใหม่ ๆ อย่าไปเรียนรู้ Skill Set เก่า ๆ ถ้าเราเป็นคนส่วนน้อยที่ทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้โอกาสจะมีมากมายและยิ่งเป็นวงการที่โตเร็วมาก ๆ โอกาสจะยิ่งมหาศาล 

“ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ของน้อง ๆ ทุกคนที่กำลังจบมาพอดีที่ไม่ต้องไปเรียนรู้ธุรกิจเก่า ๆ แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จในวงการเก่าไม่ได้เปรียบเด็กจบใหม่เลย เด็กจบใหม่ได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้าไฟฟ้าจะใหม่ คนที่สร้างเทียนไขมาทั้งชีวิตเขาสร้างไฟฟ้าไม่ได้ เขาก็คิดว่าจะสร้างเทียนไขอย่างไรให้ใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น จุดไฟได้นานขึ้น ไฟฟ้าต้องเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำจากเทียนไข มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย เพราะฉะนั้น เรากระโดดข้ามไปได้เลย อย่าคิดว่าคนยุคเก่าเอาโอกาสของเราไปหมดแล้ว ไม่ใช่ โอกาสมีมากมายมหาศาลในอีก 10 ปีข้างหน้า อยากให้มองอนาคต ส่วนตัวผมตื่นเต้นกับโลกอนาคต”

ตอนนี้ Bitkub เปิดรับสมัครตำแหน่งงานอะไรบ้าง?

ตอนนี้เปิดทุกตำแหน่งเนื่องจากบริษัทเติบโตขึ้นทำให้ต้องรับคนเพิ่มขึ้น สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://careers.bitkub.com/ 

หากใครสนใจอยากพัฒนาวงการการเงินของโลกอนาคต และสร้าง Tech ตัวแรกให้เป็นของคนไทยที่ทุกคนภาคภูมิใจ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ Bitkub ได้เลย การันตีว่าภายใน 1 ปีที่ Bitkub จะได้เรียนรู้อะไรเยอะมากเพราะเราใช้มากกว่า 50 Applications ในการทำงานที่สามารถนำไป Apply กับบริษัทอื่น ๆ ได้ จะได้ Skill Set ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับโลกอนาคตอย่างแน่นอน 

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ติดตามคอนเทนต์ที่น่าสนใจจาก session อื่นๆ ภายในงานได้ที่ ConNEXT

No comment

คัดลอก URL

×

https://techsauce.co/talentsauce/talent-insights/top-bitkub