เมื่อเรียนจบมาใหม่ๆ และผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์งานมาหลายที่ จนได้งานพร้อมกันสองที่ เหตุการณ์นี้อาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่ากังวลไปพร้อมๆ กันได้ เพราะการได้รับข้อเสนองานหลายๆ ที่เป็นเหมือนสิ่งที่บ่งบอกว่าเราก็มีคุณสมบัติที่ดีพอ ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
หากต้องตัดสินใจเลือกงานใดงานหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงทุกแง่มุมและต้องคิดให้รอบคอบว่าทางเลือกทั้งหมดจะส่งผลต่อเป้าหมายเส้นทางอาชีพของตัวเองอย่างไร สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้มาร่วมหาคำตอบจากการถามคำถามตัวเอง 4 ข้อกันว่าเราควรตัดสินใจเลือกเส้นทางไหนดี
1. เรากำลังสนใจแค่เรื่องสวัสดิการอยู่หรือเปล่า?
ปัจจุบันเพื่อให้ได้พนักงานที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน หลายบริษัทต่างก็พร้อมใจกันเสนอสวัสดิการเพื่อดึงดูดใจคนเก่ง ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ข้าวกลางวันฟรี หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทำให้ผู้สมัครงานหลายคนสนใจแค่สวัสดิการ จนมองข้ามแง่มุมอื่นๆ ของงานไป
เมื่อต้องมาเจอกับความกดดันในการเลือกเส้นทางอาชีพที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน สิ่งแรกที่ควรทำคือ การย้อนกลับไปดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เราสมัครงานเหล่านั้นตั้งแต่แรก นั่นก็คือ Job description แม้ว่าบริษัทหนึ่งจะเสนอสวัสดิการอะไรให้กับเราก็ตาม แต่เราอาจรู้สึกชอบรายละเอียดงานของอีกบริษัทหนึ่งที่ให้สวัสดิการน้อยกว่าก็ได้
แน่นอนว่าเรื่องสวัสดิการเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ แต่สุดท้ายแล้วแม้ว่าสวัสดิการนั้นจะดีแค่ไหน ถ้าเราไม่รู้สึกสนุกไปกับการทำงาน สิ่งที่ได้รับตอบแทนมาก็คงไม่คุ้มค่ามากนัก ดังนั้นจึงควรถาม Hiring manager ให้ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับงานที่เราจะต้องทำในตำแหน่งนั้นๆ
2. งานไหนที่จะให้โอกาสเติบโตมากที่สุด?
สมมติว่าเราได้งานสองที่พร้อมกัน งานแรกเป็นงานที่ได้เงินเดือนเยอะ แต่อาจจะไม่มีโอกาสเรียนรู้หรือพัฒนาตัวเองต่อไปได้มากเท่าไหร่ ส่วนงานที่สองเป็นงานที่ได้เงินไม่เท่าที่แรก แต่เรารู้ว่ามีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ และมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพต่อไปมากกว่า หลายคนอาจจะคิดว่าก็ต้องเลือกงานที่ให้เงินเดือนเยอะสิ
เมื่อมองพิจารณาดูจริงๆ แล้ว การได้เงินเดือนเยอะๆ อาจทำให้เรามีความสุขได้แค่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ในอนาคตเราจะรู้สึกเบื่อถ้าต้องทำงานนั้นไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถพัฒนาหรือก้าวหน้าต่อไปได้
ถ้าใครกำลังอยู่ในช่วงที่ไม่ได้อยากลงหลักปักฐานว่าจะทำงานนี้ไปตลอด จะเลือกงานที่ให้ค่าตอบแทนเยอะก็ย่อมได้ แต่ถ้าใครที่กำลังมองหางานที่จะช่วยให้ตัวเองเติบโต ก็ควรเลือกงานที่จะทำให้เราพัฒนาต่อไปได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ควรหาข้อมูลแต่ละบริษัทก่อนตัดสินใจอีกที เพราะอาจมีบริษัทที่ไม่ได้พูดถึงโอกาสในการเรียนรู้ที่ชัดเจน
3. บริษัทไหนที่อยากทำจริงๆ?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนบอกว่า “ถ้าทำงานที่นี่ไปเรื่อยๆ ชั้นจะต้องเป็นประสาทตายแน่ๆ” ดังนั้น เมื่อเราสัมภาษณ์งานแล้วรู้สึกว่างานดูน่าสนใจทั้งคู่ ก่อนที่จะตัดสินใจทำงานที่ไหนสักที ให้ลองจินตนาการดูก่อนว่า ถ้าเราทำงานที่นี่ไปอีกหลายปีข้างหน้า เราจะมีความสุขหรือไม่? บริษัทไหนที่จะทำให้เรามีความสุขและภูมิใจที่ได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน? ก็จะทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้นไปอีกขั้น
4. ชอบคนที่เจอตอนสัมภาษณ์ไหม?
การทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานระหว่างสัมภาษณ์ได้จริงๆ คงจะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็สามารถบอกได้ว่าคนคนนั้นสนใจที่จะพูดคุยกับจริงๆ เราไหม หรือมาสัมภาษณ์แค่เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
เมื่อเรามีตัวเลือกหลายอย่างอยู่ในมือ เราก็สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานในอนาคตที่เรารู้สึกคลิกจริงๆ ได้ เพราะเราต้องใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานมากกว่าใช้เวลากับคนที่บ้านด้วยซ้ำ ดังนั้นการเลือกเพื่อนร่วมงานที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความสุขในการทำงานของเราโดยตรง
การได้รับข้อเสนองานหลายๆ ที่เป็นเรื่องที่น่ายินดี และควรภูมิใจในตัวเอง แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกเครียด เพราะไม่รู้จะเลือกเส้นทางไหนดี ดังนั้นจึงควรคิดหาเหตุผลในการเลือกงานที่ใช่อย่างรอบด้าน จะได้ไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง
อ้างอิง The Muse