ไต้หวัน หนึ่งในการปกครองแบบประชาธิปไตยเสรีนิยมที่ได้ยอมรับจากทั่วโลกว่าสามารถรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัสได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ต้องมีการ lock-down พวกเขาทำอย่างไร หาคำตอบกับ Audrey Tang รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวันในงาน Techsauce Virtual Summit 2020 ซึ่งเป็น Session ไฮไลท์ที่เราสรุปมาให้ผู้อ่าน Techsauce
เชื่อมั่นและเชื่อมั่น การจัดการ COVID-19 ในไต้หวันเป็นไปโดยง่ายเพราะ
- สังคมเชื่อมั่นในรัฐบาลมากพอ และกล้าที่จะพูดคุยถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการเกิดโรคระบาดครั้งใหม่ในเวทีสาธารณะ
- รัฐบาลเชื่อมั่นในสังคมมากพอในการที่สังคมจะร่วมมือกันเพื่อช่วยจัดการปัญหาอย่างจริงจัง
Digital Transformation ช่วง COVID-19 กับปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 3F - FAST FAIR FUN
FAST (รวดเร็ว):
- รวดเร็วต่อการเผยแพร่และรับข้อมูลจากประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีง่ายๆ เช่น โทรศัพท์สายด่วน อินเทอร์เน็ต
- ส่งทีมแพทย์ไปอู่ฮั่นเพื่อติดตามโรคที่เกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ
- ประกาศแจ้งเตือนสภาวะการระบาดให้ประชาชนรับรู้ทันทีโดยไม่รอการยืนยันจาก WHO
- อัพเดทจำนวนหน้ากากอนามัยที่ร้านขายยา ทุกๆ 30 วินาที
- ประชาชนสามารถเสนอไอเดียที่ดีต่อรัฐบาลเพื่อให้เกิดการบอกต่อในสังคมเป็นวงกว้าง กล่าวคือ เกิดกลไกของนวัตกรรมทางสังคม
FAIR (เป็นธรรม):
- ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ใช้บัตรประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ NHI มารับหน้ากากอนามัยที่ร้านขายยาใกล้บ้าน
- ขั้นตอนโปร่งใส สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทั่วถึงโดยที่ประชาชนไร้ภาระค่าใช้จ่าย
- ประชาชนสามารถโทรแจ้งความผิดปกติของระบบสต็อกและการแจกหน้ากากของร้านขายยาแต่ละสาขาได้ตลอดเวลา
- ผู้ใหญ่ได้รับหน้ากากคนละ 9 ชิ้น เด็กคนละ 10 ชิ้น
- กรณีที่ไม่สะดวกในเวลาทำการของร้านขายยา ประชาชนสามารถสั่งจองล่วงหน้า เพื่อรับหน้ากากอนามัยจากร้านสะดวกซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
FUN (สนุก):
- ใช้เรื่องราวขำขัน ใช้มีม มุกตลกจากข้อความของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และสุนัข ในการเสนอข้อมูลที่ถูกต้องบนโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงประชาชนหมู่มาก
- ความตลกที่เกิดขึ้นสามารถเอาชนะข่าวลือที่บิดเบือนความจริงที่ทำให้ประชาชนหวาดหวั่น
Rough Consensus พลังของความเห็นพ้องต้องกันโดยคนหมู่มาก
- ไต้หวันได้นำมติเสียงและความเห็นของประชาชนหมู่มาก มาประกอบการตัดสินใจใช้วิธีจัดการโควิดด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- การจัดตั้ง CECC หรือศูนย์บัญชาการโรคระบาดและมาตรการดิจิทัลอื่นๆ ได้รับการยอมรับกว่า 94% เพราะประชาชนเข้าใจว่าสังคมกำลังต้องการสิ่งใด
การร่วมมือกันระหว่างรัฐมนตรี
- รัฐมนตรีที่ชื่อเฉินทั้ง 3 ท่านของไต้หวัน เป็นทั้งผู้สอนเรื่องระบาดวิทยา ผู้แถลงข่าวข้อมูลด้านสาธารณสุข และเป็นหัวหน้าความปลอดภัยข้อมูลทางไซเบอร์
- Audrey ดูแลภาษา JavaScrip เธอเป็นผู้แปลไอเดียมาเป็นระบบการทำงาน เพื่อให้คนในสังคมมีส่วนร่วมในการเข้าถึงและบอกต่อข้อมูล เธอมีความเข้าใจในโค้ดทั้งหมดเพื่อจะบอกได้ว่าส่วนไหนมีการละเมิดหรือรุกล้ำความเป็นส่วนตัว หรือเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์
Coronavirus Hackathon หรือ Cohack ต้นแบบของ Taiwan Model
- Cohack คือความร่วมมือทาง Digital Platform ระหว่างไต้หวันและสหรัฐอเมริกา
- Cohack ขับเคลื่อนแบบ data-driven เน้นเรื่องความโปร่งใส และพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีที่เสริมการป้องกันข้อมูล
- Cohack ประกอบด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การเข้าถึงทรัพยากรบุคคลในระดับชุมชน การป้องกันกลุ่มเสี่ยง การคาดการณ์การระบาดในอนาคต
- Cohack ใช้เทคโนโลยีในเรื่องหลักๆ เช่น การควบคุมการเดินทาง การใช้ชุดเครื่องมือทดสอบในการตรวจโรค
อิสระจากประชาธิปไตยเสรี ทำให้ไม่มีการ lockdown
- การสอนประชาชนเรื่องระบาดวิทยา การที่ประชาชนเคร่งครัดในการดูแลสุขอนามัย และป้องกันตนเอง ทำให้มาตรการ lockdown ไม่จำเป็นในไต้หวัน
- ประชาธิปไตยเสรีนิยมมีข้อดีตรงที่ทุกคนได้เรียนรู้ และทุกคนมีส่วนร่วมทำให้สังคมดีขึ้น
การบรรเทาโรคระบาด ไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐมนตรี แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน
- รองประธานาธิบดีสอนเรื่องของระบาดวิทยา บนเว็บไซต์ taiwancanhelp.us ดัวยตัวเอง
- นักแสดงตลกได้รับมอบหมายตำแหน่งโฆษกในช่วงโควิด
- Youtuber มีอิทธิพลต่อการนำเสนอเรื่องราวของ Taiwan Model
- ประชาชนสามารถใช้แอปพลิเคชันในการสละสิทธิ์โควตาหรือบริจาคหน้ากากอนามัยให้นานาประเทศ
การแก้ปัญหาร่วมกันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
แต่ละประเทศ แต่ละเศรษฐกิจต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อเชื่อมโยงหาทางออก
- ระดับภูมิภาค เช่น มาตรการ Travel Bubble หรือการทำข้อตกลงด้านการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างประเทศที่มีความพร้อมในการเปิดประเทศพื่อรับนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศนั้นๆโดยเฉพาะ
- ระดับโลก คือยึดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
คำแนะนำต่อการเข้าถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน
- วอนให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เมื่อได้รับความเห็นที่ขัดแย้งกัน
- ขับเคลื่อนสังคม โดยกลุ่มประชาชนช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน เช่น การรักษาสุขอนามัย การรักษาระยะห่าง
- บอกต่อไอเดียที่ดีเกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง ถ้าหากไอเดียดี ๆ ของคนใดคนหนึ่งกลายเป็นกระแสในสังคม ไวรัสโคโรนาก็จะไม่กลายเป็นกระแสหลักในสังคม
Privacy and Health Security - ความเป็นส่วนตัวและเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพ
เก็บข้อมูลให้น้อยที่สุด
- รัฐบาลได้เก็บข้อมูลดิจิทัลที่อยู่ในขอบเขตเฉพาะของการใช้โทรศัพท์และคลื่นจากหอรับส่งสัญญาณ ซึ่งประชาชนรับรู้ถึงขอบเขตนี้ดี
- CECC หรือศูนย์บัญชาการโรคระบาดของไต้หวันจะไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้ และจะเผยแพร่ประวัติการเดินทางของบุคคล เฉพาะในกรณีที่การติดตามแบบธรรมดาใช้ไม่ได้เท่านั้น
บุคลากรทางการแพทย์ในฐานะผู้ให้ความเชื่อมั่น
- เมื่อประชาชนรู้ตัวเองว่าได้ติดต่อสัมผัสกับใคร หรือมีความเสี่ยงในการกักตัวเองหรือไม่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลการเดินทาง เพื่อป้องกันการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
- ผู้ที่มีอาการหรือมีไข้อาจกลัวที่จะไปคลินิก กลัวที่จะต้องบอกอาการกับแพทย์ ดังนั้นข้อมูลสำคัญจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้ ซึ่งความสามารถทางการแพทย์มีประสิทธิภาพพอในการตอบรับความเชื่อมั่นของประชาชน
Privacy and Safety ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
รัฐบาลไม่มีการบังคับ หรือใช้อุปกรณ์ติดตามประชาชนตลอดเวลา เพราะประชาชนให้ความร่วมมือในการเฝ้าระวังและตักเตือนกันเอง สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การใช้อำนาจรัฐเพื่อควบคุมข้อมูล แต่เป็นการสร้างความโปร่งใส ให้อำนาจกับสังคมท่ามกลางความเชื่อมั่นจากประชาชน
Collective Intelligence หากเกิดการระบาดครั้งใหม่ในอนาคต
วิธีที่จะป้องกันการระบาดครั้งต่อไปคือความฉลาดที่เกิดจากการรวมกลุ่มกัน นั่นคือการสังเกตและการมีเสรีภาพ เมื่อมีคนเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ และคนคนนั้นมีเสรีภาพในการพูด รวมทั้งไม่มีการปิดบังหรือขัดขวางการกระจายข่าว การระบาดของโรคก็จะไม่ขยายลุกลามออกไป เหมือนดังกรณีที่ไต้หวันเป็นอยู่
สำหรับงาน Techsauce Virtual summit 2020 ดูรายละเอียดได้ที่ https://virtualsummit.techsauce.co/