ดีพเทคสตาร์ทอัพ (DeepTech Startup) กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและผู้บริโภคได้หลากหลาย และเลียนแบบได้ยาก โดยเฉพาะสตาร์ทอัพกลุ่ม ARI Tech (Artificial Intelligence – Robotics – Immersive, IoT)เป็นกลุ่มที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมได้หลายด้าน โดยมีการคาดการณ์ว่า ARI Techทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 

สำหรับประเทศไทยการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีเชิงด้าน ARI TECH เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม และธุรกิจของประเทศ ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เห็นความสำคัญดังกล่าวได้เร่งแผนพัฒนาดีพเทคสตาร์ทอัพในประเทศ ชูเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นแซนด์บ็อกซ์แห่งใหม่ เพื่อเตรียมสนับสนุนสตาร์ทอัพกลุ่ม ARI Techซึ่งเป็นกลุ่มที่ประเทศไทยมีความพร้อมและมีโอกาสเติบโตในตลาดโลกได้ 

ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 การเติบโตของ ARI Tech มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก กลายเป็น unicorn ตัวใหม่ที่น่าสนใจ สำหรับในไทยถึงเวลาหรือยังที่สตาร์ทอัพในไทยจะเติบโตด้วย ARI Tech ภายในงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2021 ได้เชิญวิทยากรทั้ง 4 ท่านตัวแทนจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน มาวิเคราะห์ถึงการเติบโตของ ARI Tech ในไทย ในหัวข้อ “Opportunities in ARI Incubator/Accelerator”

สองตัวแทนจากสถาบันการศึกษา ผศ.ดร. สุภชัย วงศ์บุณย์ยง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีการทำวิจัยด้านหุ่นยนต์ และ AI มานาน ยังเป็นผู้สร้างบุคลากรที่มีองค์ความรู้ด้าน AIและผู้ประกอบการออกสู่ตลาด สำหรับสิ่งที่จะส่งเสริมให้สตาร์ทอัพหน้าใหม่ด้าน ARI Techเติบโตได้นั้นต้องเกิดกฎระเบียบเสียก่อน ปัจจุบันกฎระเบียบมีแต่ยังไม่มีความชัดเจน และไม่ดีพอ 

ส่วน ดร. ประวีร์ เครือโชติกุล  หัวหน้าศูนย์ Chulalongkorn University Technology Center (UTC) และหัวหน้าโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรม (UTC) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า Deep Tech คือเทคโนโลยีเชิงลึกที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ และมีคุณค่าในตัวเอง ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีศูนย์บ่มเพาะทางด้าน Deep tech โดยเป็นการเอางานวิจัยในมหาวิทยาลัยมาสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาเป็นธุรกิจ การส่งเสริมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ให้เป็น ARI Tech นั้น ในมุมมองของตนนั้น สิ่งสำคัญ คือ นโยบายจากมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ทำงานวิจัยมากขึ้นสำคัญสุดและดูว่าโปรเจคไหนที่น่าสนใจก็นำมาผ่านกระบวนบ่มเพาะและพัฒนาออกมาให้เป็นธุรกิจ 

สำหรับสิ่งที่จะส่งเสริมให้ ARI Tech เกิดได้นั้น ต้องมีหน่วยงานกลางมาช่วย นักพัฒนาเทคโนโลยีหลายคนไม่เข้าใจธุรกิจ เขาไม่ได้มองว่าคนลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ดี หน่วยงานกลางจึงต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อช่วยสนับสนุน ส่วนคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจและสนใจด้าน ARI Tech อยากให้ศึกษาก่อนว่าสิ่งนี้ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรือเปล่า แล้วค่อยมาทำด้านเทคโนโลยี

ทางด้าน NIA โดย ดร. สุรอรรถ ศุภจัตุรัส ผอ.ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) พูดถึงบทบาทหน้าที่ของ NIAกับการเกิด ARI Techว่า NIA จะเป็นตัวกลางในการประสาน และเชื่อมแหล่งเงินทุน มหาวิทยาลัย ภาครัฐ เอกชน ให้มาประกอบกันเป็น Ecosystem ภายใต้คำว่าMONEY GEARคือ เป็นตัวกลางในเรื่องของการเชื่อมแหล่งเงินทุน ให้องค์ความรู้กับสตาร์ทอัพหรือผู้ที่สนใจ สร้างผู้ประกอบการให้มีความยั่งยืน และเติบโตแบบก้าวกระโดด สำหรับปัจจัยที่ทำให้ ARI Tech ของไทยเติบโต คือ แหล่งเงินทุน และองค์ความรู้หรือสกิลต่าง ๆ 

ตบท้ายด้วย ศรัณย์ สุตันติวรคุณ นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (TVCA) และหุ้นส่วนบริหาร บริษัท เอ็น-เวสต์ เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า สมาคมฯ ทำหน้าที่ 3 ทาง คือ พัฒนาความสามารถในการลงทุน สร้าง VC (Venture Capital) ใหม่ๆ ในไทย และพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพที่ยังไม่ได้ลงทุน สำหรับสถานการณ์โควิด-19 นี้ทั่วโลกเกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศปั้มเงินเข้าระบบ ทำให้เงินไหลออกมาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่ง ARI Techเป็นเทคโนโลยีที่มีเม็ดเงินลงทุนสูง หุ่นยนต์ก็เช่นกันมีการลงทุนหลักพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม Auto Mation โควิดทำให้ปริมาณคนลดลง เมื่อต้องการปริมาณงานเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น หุ่นยนต์จึงเข้ามาแทนที่ สำหรับคนที่อยากลงทุนด้าน ARI Tech นั้น คนที่มาลงทุนเขามองเป็นการทำธุรกิจที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวเสริม ดังนั้น ผลตอบแทนกับนักลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ในยุคโควิด-19 นี้ ARI Tech คือเทคโนโลยีเชิงลึกที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกประเทศ สำหรับประเทศไทย ARI Tech เป็นหนึ่งใน Unicorn ที่น่าจับตามอง และเติบโตได้ดีในสายสตาร์ทอัพ