สนใจเทรนด์ Metaverse เริ่มตรงไหนดี | Techsauce

สนใจเทรนด์ Metaverse เริ่มตรงไหนดี

บทความโดย นายพนิต เวชศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด

นับตั้งแต่ปลายปี 2021 หลังจากที่ Mark Zuckerberg เจ้าพ่อแห่ง Facebook ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทตัวเองเป็น Meta และประกาศทุ่มสุดตัวกับการลงทุนนับพันล้านเหรียญบนสิ่งที่เรียกว่า Metaverse ชาวเทคโนโลยีและผู้ชื่นชอบในสังคมออนไลน์ทั้งโลกต่างก็หันมาสนใจกับสิ่งนี้ ไม่ว่าจะอยากจะลองเล่นแว่นตา VR (Virtual Reality) ล้ำ ๆ อยากจะเข้าไปลองสร้างวิธีการหารายได้ใหม่ๆจากกิจกรรม Play-to-earn หรือแม้กระทั่งอยากจะสร้าง Metaverse เป็นของตัวเอง แต่ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำอะไรซักอย่าง “Token X”  บริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ในฐานะผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจโทเคนดิจิทัลแบบครบวงจร และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Blockchain ได้รวบรวมตัวอย่างของ Metaverse ในรูปแบบต่างๆ ว่า Metaverse คืออะไร และเราทำอะไรกับมันได้บ้าง

 ถ้าผู้อ่านเป็นนักเล่นเกมที่เล่นเกม MMORPG (Massive Multiplayer Online Role-Playing Game) ตั้งแต่สมัยเกมยุคแรก ๆ อย่าง Ragnarok Online หรือเกมที่ยังฮิตในยุคปัจจุบันอย่าง World of Warcraft หรือ Final Fantasy XIV ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบสังคมที่เกิดขึ้นในเกม 

มีการชวนเพื่อนไปต่อสู้ร่วมกัน ตั้งกลุ่มคุยเล่น เปิดร้านขายของ และอื่น ๆ อีกมากมายตามที่ระบบของเกมแต่ละเกมจะสร้างให้ผู้เล่นสามารถทำได้ คำว่า Metaverse ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะสังคมของผู้คนในเกม ก็เปรียบเสมือนกับสังคมคู่ขนานจากโลกจริงที่เราสัมผัสได้ ต่างกันแค่ทุกสิ่งเกิดขึ้นในโลกเสมือนโดยมีหน้าฉากเป็นเกมออนไลน์

สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเกมออนไลน์ อาจจะลองจินตนาการภาพจากภาพยนตร์ชื่อดังที่พูดถึงโลกเสมือนที่เหมือนกับโลก Metaverse เช่น Avatar หรือ Ready Player One ที่ให้ผู้คน ใส่อุปกรณ์สวมศีรษะหรือติดตัว และพาผู้ใช้เข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แยกออกมาจากโลกแห่งความจริง 

ความเป็น Metaverse นอกจากมีโลกเสมือนที่สร้างขึ้นเป็นสามมิติแล้ว Metaverse หลาย ๆ เจ้า มีการสร้างระบบเศรษฐกิจขึ้นมาโดยนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ เพื่อสร้างโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นระบบเงินตรา และสร้าง NFT ขึ้นมาเพื่อแทนสิ่งของต่าง ๆ 

ด้วยความที่ระบบบล็อกเชนนั้นไม่มีตัวกลางและมีความน่าเชื่อถือ ทำให้มันเป็นส่วนประกอบที่ดีที่จะมาเป็นระบบพื้นฐานทางด้านการเงินให้กับ Metaverse ต่าง ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะ Metaverse บางระบบ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่นเพื่อการทำงานร่วมกันกับเพื่อนที่ทำงานที่บ้าน (Work from home) เพราะฉะนั้น ระบบการเงินอาจจะไม่จำเป็น

ผู้เขียนมีความเชื่อว่า Metaverse แต่ละแพลตฟอร์มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่ชัดเจน ลองมาดูกันว่าในอนาคต เมื่อมี Metaverse เกิดขึ้นมามากมาย จะมีMetaverse ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรได้บ้าง

Massive Multiplayer Online Game

เกมออนไลน์ที่มีผู้เล่นหลายคน เป็นพื้นฐาน และเป็นต้นแบบของการสร้างระบบของ Metaverse จึงสามารถทำนายได้เลยว่าจะมีเกมออนไลน์ใหม่ ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ของความเป็น Metaverse ที่สามารถทำงานร่วมกับแว่น VR มีระบบเศรษฐกิจของโทเคนที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน ซึ่งประเภทของเกมก็สามารถมีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมเล่นง่ายๆ อย่างเกมกีฬา บอร์ดเกม เกมต่อสู้แนวสงคราม หรือจะเป็นเกมแนว RPG แบบ Open World ซึ่งก็เข้ากันได้ดีกับลักษณะของความเป็น Metaverse ยกตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์มอย่าง The Sand Box ที่มีการเปิดตัวมาก่อนที่ Metaverse จะเป็นเทรนด์ แต่ก็เกาะกระแส Metaverse ไปได้อย่างดี

Virtual Home

ในโลกที่ครอบครัวที่อยู่บ้านเดียวกันมีขนาดเล็กลง ครอบครัวใหญ่แตกเป็นครอบครัวเดี่ยว หรือเมื่อลูก ๆ เติบโตขึ้นและแยกย้ายออกไปมีชีวิตของตนเอง การที่มีบ้านเสมือน ที่พ่อแม่ลูก ปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้อง สามารถเข้ามาพบปะ พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันได้ตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้สมาชิกของครอบครัวใหญ่ที่อยู่ห่างกันด้วยข้อจำกัดทางระยะทางได้ใกล้กันมากขึ้นผ่านทางโลกเสมือน

Virtual Meeting Room

ในการประชุมทางธุรกิจในปัจจุบัน เราสามารถใช้วีดีโอคอลแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Zoom, Microsoft Teams, หรือ Google Meet ในการประชุมแบบเห็นหน้ากันได้ แต่ประสบการณ์การประชุมแบบนั่งร่วมโต๊ะกัน หรือการยืนคุยกันหน้า Whiteboard เขียนกระดาน และออกความคิดเห็นกัน ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยการประชุมออนไลน์แบบเดิม ๆ 

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนบางส่วนยังโหยหาการเข้าไปทำงานที่ออฟฟิส ซึ่งถ้าประสบการณ์นี้สามารถทดแทนได้ด้วยห้องประชุมบน Metaverse การเข้าไปเจอกันที่ออฟฟิส ก็อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

Virtual Office

สำหรับบริษัทที่มีหลายสาขาที่อยู่ห่างไกลกัน การให้ผู้บริหารหรือพนักงานบินไปเยี่ยมชมและทำงานที่ออฟฟิศในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเป็นครั้งคราว ช่วยให้พนักงานที่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างแต่ละออฟฟิส มีความคุ้นเคยกันมากขึ้น ช่วยลดปัญหาในการสื่อสารและทำให้งานประสิทธิภาพมากขึ้น 

การเข้ามาของ Metaverse ที่สามารถสร้าง Avatar ให้เหมือนตัวตนในโลกจริง อาจจะทำให้ความจำเป็นที่จะต้องบินไปมาระหว่างประเทศลดลง บริษัทบางบริษัท อาจจะตัดสินใจรับพนักงานในจังหวัด หรือประเทศ ที่มีค่าแรงถูกกว่าที่สำนักงานใหญ่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายก็สามารถทำได้ถ้า Metaverse สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการพบปะผู้คน

School

สำหรับเด็กนักเรียนอนุบาล ประถม หรือมัธยม คงจะไม่มีอะไรทดแทนการเจอเพื่อนตัวจริง ได้เล่นกับเพื่อนและฝึกทักษะการเข้าสังคม แต่สำหรับการศึกษาขั้นที่สูงขึ้นหรือการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อผู้เข้าเรียนมีเวลาน้อย เช่น การเทรนนิ่งคอร์สสั้น ๆ หรือการเรียนปริญญาโท 

การนำ Metaverse มาใช้แทนห้องเรียน สามารถช่วยลดเวลาการเดินทาง และอาจจะสร้างประสบการณ์ที่ดีได้มากกว่าการเรียนผ่านโปรแกรมแบบประชุมทางวีดีโอเมื่อจำเป็น การทำงานกลุ่มร่วมกัน การปรึกษากันเป็นกลุ่มย่อย ถ้าหากมีการพัฒนา Metaverse ที่มีความสามารถที่เหมาะกับการนำมาใช้เป็นห้องเรียนก็จะทำให้ทุกคนใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Hangout Place

หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปเป็น New normal ก็คือหลาย ๆ บริษัทการทำงานที่บ้านเป็นเรื่องปรกติ หรือหลาย ๆ คนมีการย้ายกลับภูมิลำเนาโดยยังทำงานที่เดิมแบบ Remote หรือกลุ่มเพื่อนที่ปรกติเคยนัดพบปะกันเดือนละครั้ง ก็อาจจะเริ่มนัดเจอตัวกันยากขึ้นด้วยสภาพการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป 

การมีกิจกรรมสนุกๆ นัดเจอกลุ่มเพื่อนแบบสั้น ๆเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพบปะพูดคุย เล่นบอร์ดเกม จิบน้ำลำไยวุ้น หรือทำกิจกรรม Team Building แข่งขันกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็สามารถทำได้บน Metaverse แพลตฟอร์มประเภทเกม หรือประเภทที่มีการตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับบรรยากาศในการทำกิจกรรมร่วมกัน

Conference Room

ถ้าหากมีกิจกรรมงานบรรยายต่างๆที่มีผู้บรรยายบนเวที หรือ Presentation เปิดตัวสินค้าต่างๆ การย้ายมาจัดอยู่บน Metaverse ที่มีการออกแบบประสบการณ์เป็นลักษณะเวทีใหญ่ และสามารถจุผู้คนได้พร้อม ๆ กันหลายๆคนจากทั่วทุกมุมโลก ก็ดูจะเป็นไอเดียที่สะดวกและดูทันสมัย และอาจจะถูกใจผู้เข้าร่วมที่อยู่ห่างจากสถานที่จริงมากโดยไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาเดินทาง 

แต่การสร้างประสบการณ์ที่ผู้ที่พูดบนเวที สามารถแสดงท่าทางที่ใช้ภาษากาย เช่นการชี้ การผายมือ หรือการพยักหน้า อาจจะต้องใช้การผสมผสานระหว่างภาพจริง และภาพในโลกเสมือนด้วยเทคนิคอย่างการใช้ Green Screen แต่ก็เชื่อว่า เมื่อเทคโนโลยีการเชื่อมการเคลื่อนไหวของคนเข้ากับ Avatar ในMetaverse ได้พัฒนาขึ้นมาเพียงพอ การยืน Present บนโลก Metaverse ก็จะทำได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน

Concert Hall

มีศิลปินหลาย ๆ คนเริ่มสนใจที่จะออกคอนเสิร์ต บน Metaverse แพลตฟอร์มเช่นเดียวกับ อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) หรือ ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) ซึ่งในปัจจุบัน การสร้างคอนเสิร์ตที่ดี นอกจากการแสดงของศิลปินที่อาจจะต้องใช้เทคนิคการผสมภาพจริงและภาพสามมิติแล้ว การมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมคอนเสิร์ตก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก

เช่น การที่ผู้ชมได้วิ่งเข้าไปหน้าเวทีเพื่อสัมผัสศิลปินใกล้ ๆ หรือได้เต้นตามจังหวะเพลงที่ศิลปินกำลังร้อง ระบบ Metaverse ที่สามารถรองรับการจัดคอนเสิร์ตที่ดีนั้น อาจจะต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่แบบเฉพาะ มากกว่าการไปใช้งานแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่สำหรับการสร้างคอนเสิร์ตโดยตรง ซึ่งก็พอใช้งานได้ แต่ยังไม่ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด

Shopping Mall 

ในเมื่อระบบ Metaverse บางระบบ มีการสร้างระบบเศรษฐกิจและสร้างสกุลเงินขึ้นมาใช้จ่ายในระบบ การสร้างตลาดหรือสถานที่ที่ให้ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เจ้าของแพลตฟอร์ม Metaverse เอง อาจจะสามารถดูจากตัวอย่างการสร้างระบบตลาดของเกมออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีการซื้อขายไอเทมภายในเกมกันเป็นปรกติ 

ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งของที่นำมาซื้อขายกัน ถ้าอยู่ในรูปแบบ Digital Asset เช่น NFT หรือ Item ต่างๆ น่าจะสามารถทำได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะมี Shopping Mall ใน Metaverse บางแห่ง ขายของที่มีการส่งสินค้าจริงไปยังผู้ใช้ก็ทำได้ แต่คงจะต้องพึ่งพาระบบ Logistic แบบดั้งเดิมเพื่อทำการจัดส่ง

จากหลาย ๆ ตัวอย่างด้านบน ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ทั่วไป ที่อยากทดลองเล่นกับ Metaverse มีประสบการณ์ในการใช้งานเป็นอย่างไร อาจจะเข้าไปทดลองใช้แพลตฟอร์มต่างๆเช่น The SandBox, Decentraland, Meta Horizon World, Roblox  ซึ่งส่วนใหญ่แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันจะมีลักษณะเป็นเกมออนไลน์ แต่ก็มีบางอัน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถประสงค์อื่นๆเช่นเป็น Virtual Officeอย่าง Gather Town

แต่ถ้าคุณเป็นบริษัท หรือนักพัฒนา ที่สนใจจะสร้างแพลตฟอร์ม Metaverse ของตัวเอง อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องต่างๆเหล่านี้ว่าคุณพร้อมและเข้าใจมันหรือไม่

  • Immersive Technology เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้ เข้าถึงประสบการณ์ที่ดีในโลก Metaverse ของคุณ ซึ่งคุณจะต้องการเทคโนโลยีประเภทใด ไม่ว่าจะเป็น VR, AR, ถุงมือโลกเสมือน,Motion Tracking, ฯลฯ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับลักษณะของ Metaverse ที่คุณกำลังจะพัฒนา ในบางครั้ง การใช้กราฟฟิคแบบ 2D หรือตัวละคร Avatar ด้วย Pixel Art ก็อาจจะเพียงพอสำหรับสิ่งที่คุณต้องการ

  • Game Engine / Game Development Tool เนื่องจากพื้นฐานของ Metaverse มักจะมาจากเทคโนโลยีประเภทเดียวกับเกม เพราะฉะนั้นการใช้ Game Engine อย่าง Unity หรือ Unreal เพื่อใช้ในการสร้างโลกเสมือนของคุณ ก็ช่วยลดเวลาในการพัฒนาไปได้เยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จะต้องมีทีมงานนักพัฒนาที่คุ้นเคยกับ Tool และ Engine เหล่านี้เช่นกัน

  • Multiplayer Backend Platform การสร้างระบบหลังบ้านเพื่อให้รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ที่สามารถอยู่ใน Metaverse เดียวกัน และส่งข้อมูลหากันได้ทั้งหมด เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และจะต้องมีทีม Software Architect และ Infrastructure Architect ที่มีความรู้เพียงพอเพื่อที่จะสามารถออกแบบระบบที่ดีและยืดหยุ่น โดยที่ระบบมีขนาดเล็กและค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อมีผู้ใช้น้อย และสามารถขยายระบบเพื่อรองรับผู้ใช้จำนวนมากในอนาคตได้

  • Tooling / SDK (Software Development Kit) ถ้าหากคุณต้องการจะสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิด (Open platform) ให้นักพัฒนาภายนอก สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา contentรวมถึงการขยายขอบเขตของระบบ Metaverse ของคุณ คุณจะต้องเตรียม Tool หรือ SDK ต่างๆให้พร้อม เพื่อให้นักพัฒนาภายนอก สามารถที่จะพัฒนาระบบต่อยอดจากระบบของคุณได้อย่างง่ายดาย ถ้า Tool ไม่พร้อม ก็จะไม่มีนักพัฒนาภายนอกมาช่วยคุณขยายระบบแน่นอน

  • Developer Incentive การที่จะดึงดูดนักพัฒนาภายนอกเข้ามาร่วมพัฒนา Metaverse ของคุณ การสร้างแรงจูงใจ (Incentive) ให้กับนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบตัวเงินผลตอบแทน หรือสิทธิพิเศษต่างๆที่จะได้รับจากการลงทุนลงแรง มาพัฒนาส่วนขยาย Metaverse ของคุณ เป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าอยากจะขยายฐานนักพัฒนา ต้องนึกถึงแรงจูงใจให้มาก

  • Blockchain ถ้าหากคุณต้องการสร้างสกุลเงิน และระบบเศรษฐกิจภายใน Metaverse ของคุณ การสร้าง Token บนระบบบล็อกเชน สามารถทำให้คุณสร้าง Digital Token มาใช้แทนสกุลเงินได้อย่างง่ายดาย แต่คุณจะต้องเลือกว่าจะใช้ระบบบล็อคเชนระบบใด เนื่องจากการสร้าง Transaction บนระบบบล็อกเชนนั้นมีค่าใช้จ่าย (Gas Fee) ถ้าเลือกใช้บล็อคเชนที่มีค่า Gas แพงจนเกินไป หรือมีกระบวนการจ่ายค่า Gas ที่ยุ่งยาก ก็อาจจะทำให้ผู้ใช้ไม่สะดวกที่จะใช้ แพลตฟอร์ม ของคุณ

 จะเห็นได้ว่า การสร้างแพลตฟอร์ม Metaverse ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและซับซ้อน แม้กระทั่งบริษัทอย่าง Meta ที่มีเงินลงทุนระดับหลายพันล้านยังตั้งเป้าหมายจะสร้างแพลตฟอร์ม Metaverse โดยใช้ระยะเวลา 5-10 ปี 

เพราะฉะนั้นวิธีการที่ง่ายและประหยัดเวลาถ้าหากจะทดลองเริ่มต้นกับ Metaverse อาจจะไม่ใช่การสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด แต่เป็นการทดลองสร้าง Metaverse ขึ้นมาบนแพลตฟอร์มเปิดที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันอย่างเช่น The Sand Box หรือ Decentraland ที่มีทุกอย่างพร้อมใช้ ให้นักพัฒนาสามารถต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว

โดยหากผู้อ่านเกิดความสนใจและอยากหาที่ปรึกษา ที่สามารถให้คำปรึกษาในส่วนของเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Tokenization ซึ่งอาจถือว่าเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล สามารถติดต่อ Token X ได้ที่อีเมล [email protected]


บทความโดย นายพนิต เวชศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI จะเป็น ‘ผู้กอบกู้’ หรือ ‘ผู้ทำลาย’ การ์ตูนญี่ปุ่น

เมื่อประตูสู่วัฒนธรรมและเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอย่าง อนิเมะและมังงะกำลังถูก AI แทรกแซง อนาคตของวงการนี้จะเป็นยังไง ?...

Responsive image

เจาะลึกเทรนด์ Spatial Computing จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรยุคใหม่

Spatial Computing คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนจริงและโลกจริงเข้าด้วยกัน ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการฝึกอบรมและ...

Responsive image

ถอดกลยุทธ์ ‘ttb spark academy’ ปั้น Intern เพิ่มคนสายเทคและดาต้า Co-create การศึกษาคู่การทำงานจริง

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เห็น Pain Point ว่าประเทศไทยขาดกำลังคนด้านดิจิทัล (Digital Workforce) และธนาคารก็ต้องการคนเก่ง Tech & Data จึงจัดตั้ง ‘ttb spark academy’ เพื่อปั้น ...