สรุป 17 ดีลใหญ่ AI ที่เกิดขึ้นในปี 2025

ปี 2025 เรียกได้ว่าเป็นปีที่วงการเทคโนโลยีเงินสะพัดแบบฉุดไม่อยู่ ล่าสุด Nvidia เจ้าพ่อชิป AI ประกาศเทงบอีก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าลงทุนใน Synopsys ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ออกแบบชิป กลายเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ภาพรวมการลงทุน AI ปีนี้ดุเดือดเลือดพล่านที่สุดในประวัติศาสตร์

นับเป็นปีที่เม็ดเงินลงทุนด้าน AI กำลังหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง ข้อมูลจาก UBS ชี้เป้าว่า สิ้นปีนี้ทั่วโลกจะมีการใช้จ่ายด้าน AI (รวมทั้ง Infrastructure และค่าไฟ) สูงถึง 3.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีโอกาสที่จะทะยานแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ภายในปี 2030

ในบทความนี้ Techsauce จึงพามาดู 17 อันดับ Big Deal AI ที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025 นี้กัน !

เปิดโผ Top AI Deals แห่งปี 2025 (เรียงตามมูลค่า)

อันดับที่ 1: Stargate

มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เปิดหัวด้วยดีลระดับครึ่งล้านล้าน ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศดึง OpenAI, SoftBank และ Oracle สร้างโปรเจกต์ใหม่ที่เรียกว่า Stargate เพื่อทำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คาดสร้างงานได้เป็นแสนตำแหน่ง

อันดับที่ 2: OpenAI เซ็นสัญญากับ Oracle

มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Wall Street Journal รายงานดีลช็อกโลกว่า OpenAI เซ็นสัญญาจองพลังการประมวลผล (Computing Power) ล่วงหน้า 5 ปีกับ Oracle มูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับกำลังไฟ 4.5 กิกะวัตต์ แสดงให้เห็นว่าปัญหาคอขวดของ AI คือ ไฟฟ้า

อันดับที่ 3: OpenAI และ Nvidia ประกาศความร่วมมือ

มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

พันธมิตรเลือดสาบาน Nvidia ประกาศลงทุนกลับใน OpenAI ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ เป็นการการันตีว่า OpenAI จะยังคงเป็นลูกค้าเบอร์หนึ่งที่ใช้ระบบของ Nvidia อย่างน้อย 10 กิกะวัตต์ในการเทรนโมเดล 

อันดับที่ 4: Amazon เพื่อรัฐบาลสหรัฐฯ

มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Amazon ไม่ยอมตกขบวน ประกาศอัดฉีดงบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้าง Data Center และ Supercomputer เพื่อให้บริการลูกค้าหน่วยงานรัฐบาลกลางโดยเฉพาะ

อันดับที่ 5: Anthropic ประกาศแผนสร้าง Data Center

มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คู่แข่งเบอร์หนึ่งของ ChatGPT อย่าง Anthropic ประกาศแผนสร้าง Data Center ของตัวเองในเท็กซัสและนิวยอร์ก มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่ามีการเตรียมจ้างงานก่อสร้างกว่า 2,000 อัตรา

อันดับที่ 6: Oracle ซื้อชิป Nvidia

มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรํฐฯ

Financial Times รายงานว่า Oracle จะซื้อชิป AI ของ Nvidia มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อน Data Center ของ OpenAI ในเมือง Abilene รัฐเท็กซัส ซึ่งเชื่อว่าเป็นโปรเจกต์แรกภายใต้โครงการ Stargate

อันดับที่ 7: OpenAI x Amazon

มูลค่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากจับมือ Microsoft แล้ว OpenAI ยังกระจายความเสี่ยงไปจับมือ Amazon ด้วยดีล 7 ปี มูลค่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ แลกกับการเข้าถึง GPU Nvidia จำนวนมหาศาลบน AWS

อันดับที่ 8 Oracle X  OpenAI

มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Oracle เปิดเผยในเอกสารที่ยื่นต่อก.ล.ต. สหรัฐฯ ถึงข้อตกลงบริการ Cloud ขนาดใหญ่หลายรายการ โดยหนึ่งในนั้นมีมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งภายหลังเปิดเผยว่าเป็นดีลกับ OpenAI

อันดับที่ 9: Anthropic จะซื้อความจุ Cloud จาก Microsoft

มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

โดยในดีลนี้ Nvidia และ Microsoft จะลงทุนใน Anthropic เป็นเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

อันดับที่ 10: Google ประกาศแผนลงทุน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Google ประกาศแผนลงทุน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ใน Data Center และโครงสร้างพื้นฐาน AI ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อขยายขีดความสามารถด้านพลังงานและนวัตกรรม

อันดับที่ 11: CoreWeave ขยายดีลบริการกับ OpenAI

มูลค่า 2.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

CoreWeave ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน Cloud ขยายดีลบริการกับ OpenAI เพิ่มอีก 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่ารวมของพาร์ทเนอร์ชิปพุ่งแตะ 2.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรับฯ

อันดับที่ 12: Oracle ดีลกับ Meta

มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผู้บริหาร Oracle ยืนยันดีล Cloud Computing กับ Meta มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการเทรนและ Deploy AI Models ของ Meta

อันดับที่ 13: รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้น Intel

มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทรัมป์ประกาศว่า Intel ตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้รัฐบาลกลางกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ Intel (เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์เรียกร้องให้ Lip-Bu Tan ซีอีโอ Intel ลาออก)

อันดับที่ 14: Nvidia ซื้อบริการ Cloud จาก CoreWeave

มูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

CoreWeave ระบุในเอกสารว่า Nvidia ตกลงซื้อบริการ Cloud มูลค่าราว 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปี 2032 โดย Nvidia จะรับซื้อ Cloud Computing ส่วนเกินที่ลูกค้าไม่ได้ใช้งาน

อันดับที่ 15: ก่อตั้ง Startup ที่มี Jeff Bezos จะนั่งแท่น Co-CEO ร่วมกับ Vik Bajaj

มูลค่า 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

New York Times รายงานว่า Jeff Bezos จะนั่งแท่น Co-CEO ร่วมกับ Vik Bajaj (อดีตผู้บริหาร Google X) ในสตาร์ทอัพ AI ชื่อ Project Prometheus ซึ่งได้รับเงินทุน 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับที่ 16: Nvidia ประกาศลงทุนใน Synopsys

มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Nvidia ประกาศลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพาร์ทเนอร์ชิปหลายปี ให้ Synopsys ใช้เทคโนโลยีของ Nvidia พัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อันดับที่ 17: AMD จับมือกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ

มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จับมือกับ AMD พัฒนา Supercomputer พลัง AI สองเครื่อ มูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์ เครื่องแรกชื่อ Lux จะเริ่มใช้งานใน 6 เดือนข้างหน้า ส่วนเครื่องที่สอง Discovery มีกำหนดเสร็จปี 2029

เจาะลึก Circular Deals เมื่อรายได้มหาศาล อาจเป็นเพียงภาพลวงตาจากการโยนเงินกันเอง ?

หากกวาดตาดูรายชื่อ 17 ดีลข้างบน แล้วเกิดความรู้สึกว่า ทำไมชื่อบริษัทมันวนเวียนอยู่แค่แก๊งเดิม ๆ ? นั่นเป็นเพราะสิ่งที่คุณเห็นไม่ใช่แค่ความร่วมมือธรรมดา แต่มันคือปรากฏการณ์ที่ Wall Street เรียกว่า The Web of Circular Deals หรือเครือข่ายการลงทุนแบบงูกินหาง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดในเวลานี้ เพราะมันอาจกำลังสร้างภาพลวงตาของการเติบโตที่ใหญ่เกินความจริง ซึ่งกลไกกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา กรือ Revenue Round-Tripping ทำงานแบบนี้

ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของ Nvidia และ CoreWeave (สตาร์ทอัพ Cloud ที่มาแรงที่สุดตอนนี้) 

  • จุดเริ่มต้นมี Nvidia ควักเงินลงทุนก้อนโต เข้าไปถือหุ้นในสตาร์ทอัพชื่อ CoreWeave
  • พอ CoreWeave ได้เงินลงทุนมา ถามว่าเอาไปทำอะไร ? คำตอบคือเอาไปซื้อชิปจาก Nvidia นั่นเอง ! > จุดนี้คือการที่เงินลงทุนวนกลับมา
  • สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินที่ Nvidia จ่ายออกไปในฐานะเงินลงทุน แต่มันไหลย้อนกลับเข้ามาหาตัวเองในฐานะรายได้จากการขาย
  • ทำให้งบการเงินของ Nvidia จะโชว์ว่ายอดขายพุ่งกระฉูด นักลงทุนเห็นก็ดีใจ แห่กันมาซื้อหุ้น ดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นไปอีก
  • ด้าน CoreWeave ก็ดูดีขึ้นทันตา เพราะมีทั้งเงินลงทุนจาก Nvidia และมีชิปเทพๆ อยู่ในมือส่งผลให้มูลค่าบริษัทของ CoreWeave ก็พุ่งตามไปด้วย

ซึ่งในปัจจุบัน The Multi-Layer Loop ไม่ได้จบแค่คู่เดียว อาทิ CoreWeave เมื่อมีชิปแล้ว เอาไปให้ใครเช่า ? คำตอบคือ Microsoft และ OpenAI

ต่อมาด้าน Nvidia และ Microsoft เองก็เป็นคนลงทุนรายใหญ่ใน OpenAI นั่นก็อาจะสังเกตได้ว่า OpenAI ก็เอาเงินลงทุนพวกนี้ มาจ่ายค่าเช่า Cloud ให้ CoreWeave และ Microsoft

สิ่งที่น่ากลัวมันเลยเป็นเงินลงทุนมหาศาลที่เห็นในข่าว มันไม่ได้กระจายออกไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) มากนัก แต่มันไหลเวียนอยู่ในระบบปิดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่ราย เหมือนเพื่อน 4 คนนั่งเล่นไพ่ แล้วเงินกองกลางดูเยอะมาก แต่จริงๆ คือเงินที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะวนอยู่ในวงเดิม

เพราะถ้าเรามองดูดีๆ ตัวเลขรายได้ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มันเกิดจากการที่บริษัท Tech ขายของให้บริษัท Tech ด้วยกันเอง เพื่อเอาไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่มันยังขาดจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สุดคือ ผู้ใช้งานจริง เช่น บริษัททั่วไปที่ยอมจ่ายเงินแพงๆ เพื่อใช้ AI หรือผู้บริโภคที่ยอมจ่ายรายเดือนเพื่อใช้ Chatbot

ถ้าคนจ่ายเงินปลายทางเหล่านี้มีไม่มากพอ... วันหนึ่งเมื่อเงินลงทุนจาก VC หรือเงินจากบริษัทแม่หมดลง วงจรการซื้อขายกันเองนี้จะหยุดชะงัก งานวิจัยของ MIT ที่ไปสำรวจโปรเจกต์ AI กว่า 300 แห่ง แล้วพบความจริงที่น่าตกใจว่า 95% ของโปรเจกต์ AI ยังไม่สามารถทำกำไรได้จริง

แม้ว่าโลกธุรกิจจะทุ่มเงินลงทุนไปแล้วรวมกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เงินส่วนใหญ่ละลายไปกับค่า Infrastructure, ค่าไฟ และค่าชิป โดยที่ยังหา Business Model ที่ทำเงินจากผู้ใช้ทั่วไปได้ไม่คุ้มทุน

หลายคนเลยกังวลว่ามันจะเกิดภาพซ้อนทับ Dot-com Bubble หรือตอนยุคฟองสบู่ดอทคอม ที่บริษัทอินเทอร์เน็ตเอาเงินลงทุนไปลงโฆษณากับเว็บอินเทอร์เน็ตด้วยกันเอง เพื่อปั่นยอด Traffic และรายได้ให้ดูดี แต่สุดท้ายเมื่อหาลูกค้าจริงๆ ไม่เจอ และนั่นคือวันที่ฟองสบู่แตก

อ้างอิง: forbes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทิศทาง Agoda ในยุค AI-First จาก CEO เตรียมปักธงปั้นกรุงเทพฯ เป็น ‘Silicon Valley แห่งเอเชีย’ พร้อมส่องเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2026

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Agoda 2025 ปั้นกรุงเทพฯ สู่ Silicon Valley แห่งเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ AI-First และ Autonomous Agent ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ เผยข้อมูล Insight เที่ยวไทย...

Responsive image

KBank x Orbix Technology x StraitsX เปิดตัวโครงการ ‘Seamless Travel Payments on Chain’ โชว์นวัตกรรมภายใต้ BLOOM ที่งาน Singapore FinTech Festival 2025

ปิดฉากไปแล้วสำหรับงาน Singapore Fintech Festival (SFF) 2025 หนึ่งในเวทีฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปีนี้ ธนาคารกสิกรไทย (KBank), Orbix Technology และ StraitsX ได้สร้างความน่าสนใจอ...

Responsive image

อยากใช้ AI ช่วยธุรกิจแต่ไปไม่ถูก? 6 ขั้นตอน AI และ Automation เปลี่ยนงานซ้ำซากให้เป็นระบบอัตโนมัติ

6 ขั้นตอนบูรณาการ AI และ Automation เข้าสู่ธุรกิจ เปลี่ยนงานซ้ำซากให้เป็นระบบอัตโนมัติ วัดผล ROI ได้จริง โดยไม่ต้องเขียนโค้ด...