ในปัจจุบันนอกจาก HR จะมีหน้าที่อ่านเรซูเม่ของเราแล้ว ยังมีเครื่องมือ AI ที่เรียกว่า ATS ที่คอยตรวจสอบ Resume ของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งระบบที่เรียกว่า ATS ย่อมาจาก Applicant Tracking System คือระบบช่วยสแกนเรซูเม่ ในกระบวนการจ้างงานหรือสรรหาบุคคล
ย้อนกลับไปในปี 2019 มีการประเมินว่า HR ที่เป็นมนุษย์กว่า 75% ไม่เคยเห็นใบสมัครงานบางส่วน เนื่องจากระบบของ ATS และจากการสำรวจในปี 2023 พบว่าบริษัทนิตยสาร Fortune ใช้ระบบ ATS ในการสแกนเรซูเม่ของพนักงานถึง 98.8%
JR Johnivan ผู้ทำหน้าที่สรรหาบุคคล (HR) ระบุว่า 88% ของนายจ้างเชื่อว่าระบบ ATS จะช่วยคัดกรองผู้สมัครที่ดีและมีความสามารถได้ เนื่องจากผู้สมัครหลายคนไม่ได้ส่งเรซูเม่ที่ตรงตามที่ระบบ ATS ต้องการ ซึ่งหมายว่าหากใครที่มี Keyword สำคัญตามที่องค์กรต้องการผ่านตัวคัดครอง ATS มาได้ ก็ถือว่าอาจเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นจริง ๆ
สำหรับใครที่กำลังหางานหรือหางานใหม่อยู่ อยากเพิ่งตื่นตระหนกไปว่าเรซูเร่ของเราจะถูกปัดตก วันนี้ ConNEXT มีทริคสอนทำเรซูเม่ให้ผ่านระบบ ATS มาฝาก ด้วยการเปลี่ยนแปลงเรซูเม่ของเราสักเล็กน้อย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานของเรามากขึ้น ด้วยหลักการต่อไปนี้
1. เพิ่ม Keyword สำคัญในเรซูเม่
สิ่งแรกที่เราสามารถทำได้เพื่อให้เรซูเม่ของเราผ่านระบบ ATS คือการเพิ่ม Keyword ที่องค์กรต้องการและตรงกับตำแหน่งที่จะสมัคร อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : 12 Keywords สำคัญ เพิ่มความปังให้เรซูเม่
ซึ่ง Keyword เหล่านี้ ในบางครั้งก็ไม่ควรโผล่มาเฉย ๆ แต่ควรใช้ร่วมกับการเขียนตัวเลขหรือเปอร์เซนต์เพื่อให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและควรเน้นไปที่การสร้างผลงานและการเพิ่มมูลค่าให้บริษัท เพื่อให้เราดูเป็นผู้สมัครที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของ HR
2. เขียนประวัติให้ชัดเจน แยกออกเป็นส่วน ๆ
อีกหนึ่งวิธีที่เป็นผลดีต่อเรซูเม่ของเรา คือการแยกข้อมูลหรือประวัติให้ออกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เพื่อกันไม่ให้ระบบ ATS เกิดความสับสนและง่ายต่อการตรวจสอบเรซูเม่ ในประวติส่วนตัวของเราถ้าเป็นไปได้อยากให้ใส่ Keyword ในการทำงานหรือคำสำคัญ ๆ ลงไปด้วยน้า แต่ทั้งนี้ก็อย่าพยายามยัด Keyword เยอะจนเกินไป เพราะเรซูเม่ของเราอาจดูเกินเบอร์และดูไม่สมเหตุสมผลได้
3. ทำเรซูเม่ให้ดูสะอาดตา
การออกแบบเรซูเม่ที่ดีต้องทำให้ดูสะอาดตาและอ่านง่ายมากที่สุด เพราะการออกแบบที่ซับซ้อนหรือมีสีสันที่มากไป อาจทำให้ระบบ ATS เกิดการสับสนและสแกนเรซูเม่ของเราไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการออกแบบเรซูเม่ให้ดูเรียบง่าย แสดงรายละเอียดข้อมูลให้ชัดเจน อย่าใส่รายละเอียดสำคัญไว้ในส่วนบนและส่วนท้ายของเรซูเม่ เพราะระบบ ATS อาจไม่ได้สแกนข้อมูลตรงนั้น
4. หลีกเลี่ยงการใส่รูปหรือกราฟิก
อีกหนึ่งวิธีที่ทำแล้วจะเพิ่มโอกาสให้เรซูเม่ผ่านระบบ ATS ไปได้ คือการไม่ใส่รูปภาพ แผนภูมิ หรือภาพกราฟิกต่าง ๆ เลย จริงอยู่ว่าการใส่แผนภูมิทำให้ดูเห็นภาพชัดขึ้นหรือการใส่กราฟิกแบบนี้ทำให้ดูสวยขึ้น แต่ในมุมของการสมัครงานอาจเป็นเรื่องที่ไม่ควรเท่าไหร่ เพราะอาจทำให้ระบบ ATS ตรวจสอบยากขึ้น และเรซูเม่ของเราอาจไม่ได้รับการถูกคัดเลือกด้วย
ทางที่ดีหากเรามีผลงานที่อยากโชว์ ให้เราทำเป็นไฟล์ผลงานเพิ่มเข้าไปและแปะลิงก์ไว้ หากเรซูเม่ของเราผ่านระบบ ATS ได้แล้ว เรซูเม่ฉบับนี้จะถูกส่งไปถึง HR และหัวหน้าของเรา ซึ่งหากว่าทางบริษัทสนใจผลงานก็มีเปอร์เซนต์สูงที่เราจะได้ถูกเลือกเข้าทำงานนะ
5. เลือกส่งไฟล์ให้เหมาะสมกับงาน
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว คือการเลือกส่งไฟล์ให้เหมาะสม ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็อาจจะมีการบอกลักษณะไฟล์ที่เราต้องส่งไปอยู่แล้ว แต่หากไม่บอกก็เป็นที่รู้กันว่าต้องต้องเป็นไฟล์ PDF เท่านั้น เพราะจะดูเป็นมืออาชีพที่สุด นอกจากนี้หากบริษัทระบุมาว่าต้องการไฟล์ Word ด้วย ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะระบบ ATS ก็สามารถตรวจสอบไฟล์ Word ได้เช่นเดียวกัน
สุดท้ายนี้หากเราลองปรับประวัติส่วนตัวด้วยการเพิ่ม Keyword สำคัญ ๆ แล้ว เลือกดีไซน์การออกแบบที่ดูเรียบง่าย หลีกเลี่ยงการใช้แผนภูมิหรือรูปภาพ เลือกประเภทไฟล์ที่เหมาะสม ก็มีเปอร์เซนต์สูงที่เรซูเม่ของเราจะผ่านด่าน ATS ไปได้ และถูกส่งต่อไปถึง HR และหัวหน้าของเราจริง ๆ สุดท้ายนี้ ConNEXT เป็นกำลังใจให้น้า ขอให้ได้งานไว ๆ
อ้างอิง : fastcompany