ส่อง 9 เทรนด์เขียน Resume อย่างไรให้ได้งาน! | Techsauce
ส่อง 9 เทรนด์เขียน Resume อย่างไรให้ได้งาน!

ธันวาคม 23, 2022 | By Suchanan Songkhor

เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านก็ย่อมตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรซูเม่ที่เปรียบเสมือนหน้าบ้านของเรา หากเราทำให้หน้าบ้านสวย ดูดี และทันสมัย แน่นอนว่าคุณจะได้รับความสนใจจากผู้ว่าจ้างที่จะเดินไปเคาะประตูที่หน้าบ้านคุณอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาค้นหาเคล็ด (ไม่ลับ) กันดีกว่าว่าเทรนด์ของเรซูเม่ที่กำลังมาแรงจะต้องประกอบไปด้วยอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย!

1.  เน้น Soft Skills ของคุณบนเรซูเม่

หากพูดถึง Resume ที่ดีและมีประสิทธิภาพ สิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือ ทักษะในการทำงานของคุณว่ามีทักษะอะไร? หรือคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง? 

โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะให้ความสำคัญกับ Technical Skills แต่ในทางกลับกัน HR จะพิจารณาและให้ความสำคัญกับ Soft Skills มากกว่า เพราะ HR มองว่าทักษะนี้จำเป็นต่อการทำงาน และเป็นทักษะสำคัญที่พนักงานที่ดีควรมี เช่น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการปรับตัว รวมถึงทักษะการแก้ปัญหา 

อย่างไรก็ตามหากคุณอยากแตกต่างจากผู้สมัครรายอื่น คุณควรอธิบายเพิ่มเติมถึงทักษะต่างๆ ที่คุณทำได้ด้วย เช่น ถ้าคุณเขียนในเรซูเม่ว่าคุณมีทักษะการสื่อสารที่ดี คุณควรอธิบายเพิ่มเติมว่าคุณมีทักษะในการสื่อสารที่ดีอย่างไร? เพื่อให้ HR เข้าใจและเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

2. อย่ากลัวที่จะใส่ช่วง Career Breaks บนในเรซูเม่

เมื่อก่อนการประกาศว่าตัวเองอยู่ในช่วง “พักงาน” เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้คุณหางานใหม่ได้ค่อนข้างยาก จึงทำให้ใครหลายคนไม่กล้าที่จะเขียนสิ่งเหล่านี้ลงในเรซูเม่ แต่ปัจจุบันการขอพักงานได้กลายเป็นเรื่องที่ปกติไปแล้ว เพราะสังคมโลกทำงานได้เปิดกว้างมากขึ้นและในความเป็นจริงในทุกวันนี้ผู้คนมากมายเริ่มพักงานด้วยเหตุผลที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอพักงานไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ หรือแม้แต่เหตุผลส่วนตัว เช่น การขอพักงานไปดูแลครอบครัวหรือไปเลี้ยงลูก

เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่คุณควรทำ คือคุณควรเขียนช่วงเวลาที่คุณพักงานลงไปในเรซูเม่ว่าคุณพักงานไปทำอะไร เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเพิกเฉยและปล่อยให้มีช่องว่างในการทำงานบนเรซูเม่ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ HR อาจตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวคุณและการทำงานของคุณได้  

3. สร้าง Social Profiles ของคุณเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ 

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมี Social Profiles ในการสร้างเครือข่ายเพื่อการทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังหางานและมองหาโอกาสใหม่ๆ การสร้าง Social Profiles ก็อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ

ฉะนั้นคุณควรสร้างพื้นที่ให้ตัวเองและแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทในที่ทำงานหรือการทำงานของคุณบน LinkedInหรือบนเว็บไซต์หางานอื่นๆ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้คุณขยายเครือข่ายและช่วยให้คุณพบกับโอกาสการจ้างงานใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

4. เขียนประสบการณ์การทำงานแบบ Remote Work ลงในเรซูเม่

วิกฤตของโรคระบาดทำให้รูปแบบการทำงานแบบ Remote Work หรือการทำงานทางไกลได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าการทำงานทางไกลหรือการทำงานจากที่บ้านจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นเทรนด์ที่ผู้คนมองว่าเป็นรูปแบบการทำงานที่อาจมีประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต

เพราะฉะนั้นหากคุณมีประสบการณ์การทำงานในรูปแบบนี้ คุณควรรวบรวมประสบการณ์ต่างๆ เพื่อนำมาเน้นย้ำความสำเร็จของคุณได้บนเรซูเม่โดยเขียนถึงวิธีการจัดการกับเวลาในการทำงาน วิธีการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ในช่วงเวลาที่คุณทำงานรูปแบบนี้คุณเจอกับปัญหาอะไร มีวิธีการจัดการกับปัญหานี้อย่างไรเพื่อทำให้ HR สนใจในตัวคุณมากขึ้น

5. เพิ่มข้อมูลที่สนับสนุนผลการทำงานของคุณบนเรซูเม่

ทุกวันนี้ใครก็พูดได้ว่าตัวเองเป็นคนมีความสามารถ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนคำพูดของคุณ สุดท้ายแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อคำพูดเหล่านั้น ในเรซูเม่ก็เช่นเดียวกัน 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องมีคือ ชุดข้อมูล ตัวชี้วัด หรือรายละเอียดต่างๆ ที่สามารถวัดค่าการทำงานของคุณได้ เพื่อแสดงหลักฐานให้ HR เห็นว่าคุณมีประสบการณ์ในการทำงานจริง 

แต่หากงานของคุณไม่มีชุดข้อมูลที่สามารถชี้วัดเป็นตัวเลขได้ให้คุณใส่ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงลงไปในเรซูเม่แทนเช่น 

6. สร้างเรซูเม่ให้สอดคล้องกับระบบ ATS

ปัจจุบันหลายองค์กรได้ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีมาเพื่อช่วยคัดกรองเรซูเม่ของผู้สมัครที่มากขึ้น เช่น Applicant Tracking System (ATS) ที่เป็นระบบติดตามผู้สมัครหรือเครื่องมือสแกน Resume ในกระบวนการจ้างงานและสรรหาบุคคล ซึ่งระบบนี้จะใช้ระบบ Ai เพื่อช่วยในการคัดกรองและตรวจสอบเรซูเม่ในด่านแรก นอกจากนี้ระบบ ATS มักจะสแกนเรซูเม่จากซ้ายไปขวา หากเรซูเม่เป็นแบบคอลัมน์แนวตั้ง ระบบ ATS อาจจะอ่านข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ควรใช้รูปแบบหัวข้อที่เป็นแนวนอนและใช้ Bullet Point ในการเขียนเรซูเม่ และรูปแบบไฟล์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับ ATS ก็คือ การใช้ไฟล์ WORD นั่นเอง 

อ่านเพิ่มเติม :  เมื่อคนสแกนใบสมัครไม่ได้มีแค่ HR จะเขียน Resume อย่างไรให้เข้าตา AI?

7. ปรับแต่งเรซูเม่ให้เหมาะกับบริษัทและตำแหน่งงาน

หากคุณกำลังมองหางานอยู่ อันดับแรกให้คุณลิสต์รายชื่อบริษัทที่คุณสนใจออกมาเป็นข้อๆ หลังจากนั้นให้กลับมามองว่าคุณมีคุณสมบัติหรือประสบการณ์การทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทที่คุณสนใจหรือไม่

ซึ่งถ้าโชคดีคุณอาจเจอบริษัทที่สอดคล้องกับประสบการณ์การทำงานของคุณ แต่ถ้าคุณมีคุณสมบัติไม่ตรงกับความต้องการของบริษัท คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะคุณสามารถปรับเรซูเม่ของคุณให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานนนั้นๆ ได้ 

อ่านเพิ่มเติม :  อยากทำงานตำแหน่งนี้ แต่คุณสมบัติไม่ครบ เขียนเรซูเม่อย่างไรดี

8. สร้าง Resume แบบอิเล็กทรอนิกส์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้แทบไม่เห็นวิธีการสมัครงานในรูปแบบเดิมแล้ว เพราะทุกวันนี้ผู้สมัครงานส่งใบสมัครงานผ่านอีเมลหรือเว็บไซต์กันเกือบหมด ยิ่งในปัจจุบันเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้หลายบริษัทต้องการดูเรซูเม่ในรูปแบบ PDF เท่านั้น เพราะสะดวกและง่ายต่อวิธีการตรวจสอบ

ซึ่งถ้าคุณอยากให้ HR รู้จักตัวคุณมากขึ้น คุณสามารถสร้าง Link หรือ QR Code ลงในเรซูเม่ของคุณได้ซึ่งในลิงก์ควรประกอบไปด้วยผลงาน แคมเปญ หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณเคยทำนอกจากนี้คุณควรเพิ่มลิงก์ที่สามารถเชื่อมไปยังอีเมลหรือโปรไฟล์ของคุณ เพื่อให้ HR ติดต่อคุณง่ายมากขึ้น 

9. ทำสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับประสบการณ์และทักษะรวมทั้งสิ่งที่คุณกำลังมองหาบนเรซูเม่ 

Headlining Statement และ Summary of Skills ทั้ง 2 ส่วนนี้นับเป็นส่วนสำคัญในเรซูเม่เลยทีเดียว เพราะเป็นส่วนสรุปเกี่ยวกับคุณไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชื่อ การศึกษา ตำแหน่งที่คุณสนใจ คุณสมบัติ รวมถึงประสบการณ์โดยสรุปของคุณ

เพราะฉะนั้นคุณต้องเขียนส่วนสรุปทั้ง 2 ส่วนนี้ให้น่าสนใจมากที่สุด เพราะในหนึ่งวัน HR       ต้องอ่านเรซูเม่มากมายและอาจไม่มีเวลามานั่งอ่านเรซูเม่ของคุณทุกบรรทัด คุณจึงต้องเขียนย่อหน้าแรกให้น่าดึงดูดที่สุดโดยอาจจะเน้นความสนใจไปที่ทักษะและความสามารถของคุณเป็นอันดับแรก 

อ้างอิง :  careercontessa

No comment